วาดฝันปั้นบ้านไปกับ I draw a house for my friend ศิลปินที่ใช้บ้านแทนชีวิต
“อยากได้บ้านแบบไหน” หนึ่งคำถามที่ศิลปินถามเพื่อนสนิท กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการวาดบ้านตามจินตนาการอย่างจริงจัง และเป็นที่มาของชื่อ I draw a house for my friend ชื่อในวงการศิลปะของ มุก - มิรา สุรีรัตน์ นักวาดภาพประกอบ และกราฟิกดีไซเนอร์หน้าใหม่ไฟแรง ผู้วาดบ้านหน้าตาลึกลับ ที่ตั้งอยู่ใจกลางธรรมชาติอันน่าฉงน
“จริง ๆ แล้วถ้าพูดถึงการเริ่มวาดภาพ มุกนึกถึงตอนอยู่อนุบาลเลยค่ะ แต่ถ้าพูดถึงการ ‘เริ่มวาดภาพ’ ให้ออกมาเป็นเค้าโครงหรือลายเส้นในปัจจุบัน มุกคิดว่าส่วนใหญ่มาจากฉากทิวทัศน์ธรรมชาติ เพราะพ่อกับแม่ชอบพาไปเที่ยวป่าบ่อย ๆ และไม่เคยห้ามเวลาเล่นดินเล่นทราย หรือลงไปเล่นนํ้าในลำธารเลย มุกเลยมีภาพจำเกี่ยวกับพื้นที่สีเขียวว่าเป็นความเคยชินที่ทำให้สบายใจ ทำให้รู้สึกสงบ และเป็นพื้นที่ที่เราสามารถมีจินตนาการได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนเด็ก หรือในปัจจุบันก็ตาม” มุกเล่าถึงที่มาของแรงบันดาลใจในผลงานปัจจุบันของเธออย่างอารมณ์ดี
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นสำคัญอีกอย่างหนึ่งในงานของศิลปินไม่ได้มีเพียงธรรมชาติอันน่ารื่นรมย์เท่านั้น แต่ยังมีบ้านหน้าตาประหลาด ที่เหมือนจะคุ้นตาก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าไม่รู้จักก็ไม่เชิง เป็นบ้านที่เกิดมาจากส่วนผสมในจินตนาการ กับโลกความจริงที่ศิลปินมองเห็น และในบางครั้งก็เป็นตัวแทนของอะไรบางอย่างที่แสดงถึงร่องรอยในชีวิตของศิลปินด้วย
“บ้านที่มุกวาดมีทั้งบ้านที่มาจากจินตนาการ และได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งต่าง ๆ ที่เห็นค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากการที่มุกเห็นพื้นที่ที่น่าสนใจ แล้วก็ลองคิดเล่น ๆ ว่า ‘ถ้ามีบ้านอยู่ตรงนี้น่าจะเจ๋งดี’ มากกว่า มันรู้สึกสนุกดีที่ได้คิดเล่น ๆ ว่าบ้านที่อยู่บนพื้นที่แห่งนี้น่าจะเป็นยังไง และใครเหมาะจะเป็นเจ้าของมัน เหมือนเป็นการสร้างเรื่องราวให้กับพื้นที่แห่งนั้น ฟีลคล้ายกับภาพสวย ๆ และเรื่องราวในหนังสือนิทานเด็กเลยค่ะ”
“ส่วนช่วงหลัง ๆ มานี้ มุกเริ่มคิดและลองวาดบ้านตามอารมณ์ตัวเองดู หมายถึงเราอาจจะไม่ได้เป็นตัวละครในภาพแล้ว แต่บ้านเองนี่แหละ คือสิ่งที่เป็นตัวแทนของเราในขณะนั้น เหมือนเป็นตัวแทนของเราที่เจอเรื่องต่าง ๆ หรือผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งบางทีก็อาจจะมาร่วมเป็นตัวละครนึงที่ผ่านเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ก็เป็นได้”
“Mr. Fox loves fishing very much. He even built a special house in the middle of the pond, even though it’s not kinda well built.”
“คุณจิ้งจอกรักการตกปลามาก ๆ เขามักจะสร้างบ้านแสนพิเศษไว้ใจกลางบึง ถึงมันจะไม่ใช่บ้านที่สร้างขึ้นมาอย่างดีสักเท่าไรก็เถอะ”
“She built this house up on the hill hoping that she could slip away from all chaos in the city down there.”
“เธอสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาบนภูเขา เพราะหวังว่าจะหนีไปให้ไกลจากความสับสนอลหม่านของเมืองด้านล่างนี้ได้”
“เธอในที่นี้หมายถึงตัวมุกเอง เพราะบางทีก็อยากจะหนีหายไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครหาเจอบ้างเป็นบางครั้ง มีแรงแล้วค่อยกลับมาใหม่”
“Strong wind pushing trees and houses into one direction. I wonder if the people inside will tilt too?”
“สายลมที่โหมกระหน่ำผลักบ้านและต้นไม้ให้เอียงไปในทิศทางเดียวกัน น่าสงสัยจังว่าผู้คนในบ้านจะเอนตามไปด้วยไหม”
“ภาพนี้มุกได้แรงบันดาลใจมาจากการมองเห็นต้นไม้บนทุ่งหญ้ากว้าง ๆ ที่โดนลมแรงพัดใส่ตลอดเวลาจนมันเอนไปในทิศทางเดียวกัน ก็เลยลองคิดเล่น ๆ ว่าถ้ามีบ้านตั้งอยู่แถวนั้น มันก็คงจะเอนไปในทิศทางเดียวกันกับต้นไม้แน่เลย หรือคนที่อยู่บ้านนี้ก็คงจะเดินเอียง ๆ ด้วยเช่นกัน”
“Someone built a house on a grassland in the middle of nowhere. Whoever owns this house must be very solitary or very lonely.”
“ใครบางคนสร้างบ้านไว้บนทุ่งหญ้าอันแสนห่างไกล ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้จะต้องสันโดษ และโดดเดี่ยวมากแน่ ๆ ”
“A weird mansion majestically located on the edge of the forest It seemed that is no one in there. Or is it that we just can't see”
“แมนชั่นหน้าตาประหลาดตั้งตระหง่านอยู่บริเวณชายป่า เหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ในแมนชันนี้เลย หรือแท้จริงแล้วเราอาจจะแค่มองไม่เห็นกันนะ”
“ตอนวาดรูปนี้ มุกคิดถึงแมนชั่นเก่า ๆ ตามหนังอย่าง Key House ในเรื่อง Lock and Keys ที่ตั้งห่างจากเมืองลึกเข้าไปในป่า แล้วมันก็จะมีความลึกลับแปลกประหลาด ทำให้เราอยากลองเข้าไปสำรวจอยู่หน่อย ๆ”
“A six fingers tree house belongs to an old man who likes the number 6. Almost everything in his house has 6 pieces, 6 pictures lined on the wall, 6 glasses, and even 6 lamps.”
“ต้นไม้ 6 แฉกต้นนี้เป็นของชายแก่คนหนึ่งที่ชื่นชอบเลข 6 ทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้จะมี 6 ชิ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ภาพติดผนัง 6 ภาพ, แก้วน้ำ 6 ใบ แม้กระทั่งโคมไฟก็ยังมี 6 ชิ้นเลย”
“รูปนี้วาดช่วงโควิดที่ต้องกักตัวอยู่บ้านนาน ๆ อยู่ ๆ ก็นึกถึงภาพตัวเองมีปีก และกำลังกระโดดออกจากหน้าต่างไปเลยค่ะ”
A lazy lazy me, with the most healthy, lovely, and peaceful relationship (with my bed)”
“ตัวฉันในร่างซูเปอร์ขี้เกียจ ที่โคตรจะมีสุขภาพดี เป็นที่รัก และมีความสัมพันธ์อันแสนสงบสุข (กับเตียงนอนของตัวเอง)”
“อันนี้เป็นภาพสเก็ตช์ที่วาดช่วงเริ่มทำงานประจำมาสักพักค่ะ ตอนนั้นทำงาน 6 วัน หยุด 4 วันต่อเดือน รู้สึกเหนื่อยมากเพราะว่าต้องฝ่ารถติดไปกลับทุก ๆ วัน บางวันนั่งร้องไห้ในรถด้วยซํ้าเพราะว่าหิว แล้วรถก็ไม่ขยับซะที แล้วอยู่ ๆ ก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราต้องมานั่งรถติดแบบนี้ด้วย แล้วเราพอใจกับตัวเองตอนนี้จริง ๆ ไหม? ซึ่งคำตอบของมุกก็คือไม่ใช่ แต่เหตุผลที่คนวัยทำงานต้องทำแบบนี้ก็เพราะต้องการเงินในการใช้ชีวิตหรือเปล่า? มันคือสิ่งที่โลกบังคับให้เราทำหรอ? เพราะโลกนี้เป็นโลกที่ถ้าไม่มีเงิน ก็ไม่มีอะไรเลยหรือเปล่า?”
“ด้วยความรู้สึกที่เหมือนเป็นความอึดอัดเล็ก ๆ อยู่ในใจ ภาพนี้เลยตั้งใจให้ตัวละครหลักเป็นสัตว์ป่า ที่นั่งอยู่ที่บ้านของมันเองหลังกลับมาจากการทำงานในเมืองใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ที่ที่เหมาะกับมันเลย”
“งานชิ้นนี้เป็นงานชิ้นแรก ๆ เลยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ที่มุกเจอ มันเกิดขึ้นในช่วงที่เรารู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ภาพนี้เลยค่อนข้างพิเศษสำหรับมุกค่ะ แอบบอกว่ามุกวาดงานชิ้นนี้เป็นแบบ Digital Art แล้วก็ลงเฟรม 100x150 ด้วยนะคะ จัดแสดงที่ไหนรอติดตามได้เลยค่ะ ตื่นเต้นมาก ๆ”
ติดตาม I draw a house for my friend ที่ https://www.instagram.com/i.draw.a.house/