นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ก็เป็นเวลานานกว่า 9 ปีแล้วที่ประเทศรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีประเทศยูเครนอย่างจริงจัง และสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ต่อประชาชน บ้านเรือน รวมถึงมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของยูเครนหลายชิ้น โดยมรดกของชาติชิ้นล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้ ก็คือบ้านที่เป็นดังมรดกและพิพิธภัณฑ์ของ โปลินา เรย์โก (Polina Rayko) ศิลปินแนวนาอีฟคนสำคัญของประเทศยูเครน

นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ก็เป็นเวลานานกว่า 9 ปีแล้วที่ประเทศรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีประเทศยูเครนอย่างจริงจัง และสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ต่อประชาชน บ้านเรือน รวมถึงมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของยูเครนหลายชิ้น โดยมรดกของชาติชิ้นล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้ ก็คือบ้านที่เป็นดังมรดกและพิพิธภัณฑ์ของ โปลินา เรย์โก (Polina Rayko) ศิลปินแนวนาอีฟคนสำคัญของประเทศยูเครน

บ้านศิลปะของศิลปินพื้นบ้านชาวยูเครนหายไปกับสายน้ำ หลังรัสเซียระเบิดเขื่อนยูเครน

นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ก็เป็นเวลานานกว่า 9 ปีแล้วที่ประเทศรัสเซียได้เปิดฉากโจมตีประเทศยูเครนอย่างจริงจัง และสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ต่อประชาชน บ้านเรือน รวมถึงมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมของยูเครนหลายชิ้น โดยมรดกของชาติชิ้นล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามครั้งนี้ ก็คือบ้านที่เป็นดังมรดกและพิพิธภัณฑ์ของ โปลินา เรย์โก (Polina Rayko) ศิลปินแนวนาอีฟคนสำคัญของประเทศยูเครน

เรย์โกเป็นจิตรกรคนสำคัญของยูเครนที่ทำงานศิลปะสไตล์นาอีฟ (Naïve art) หรือศิลปะที่ไม่ได้อิงกับขนบหรือมาตรฐานศิลปะทั่วไป เป็นศิลปะจากช่างหรือคนทำงานสร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาท้องถิ่นพื้นบ้าน โดยเรย์รู้วิธีการทำงานศิลปะด้วยตัวเอง เธอเริ่มต้นทำงานศิลปะในวัย 69 ปี หลังจากต้องเผชิญหน้ากับความทรงจำอันเจ็บปวดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และความเสียใจจากการสูญเสียลูกสาวไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์

ซึ่งผลงานชิ้นเอกระดับมาสเตอร์พีชที่เธอรังสรรค์เอาไว้ ก็คือบ้านของเธอเอง เพราะเธอได้วาดผลงานศิลปะทั้งหมดลงบนพื้นและผนังบ้าน ให้เป็นรูปภาพสัตว์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ และวิวทิวทัศน์แสนสวยงาม ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในบริเวณสวนหลังบ้านของเธอ รวมถึงภาพบุคคลสำคัญในศาสนาคริสต์ด้วย

บ้านของเรย์โกที่กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นนี้ ได้ถูกทำลายลงไปพร้อมกับบ้านเรือนหลังอื่น ๆ ในหมู่บ้านโอเลชกี ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเขตเคอร์ซอน หลังจากที่ทางรัสเซียจงใจระเบิดเขื่อนคาโควา จนก่อให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ที่เข้าท่วมพื้นที่กว่าสิบภูมิภาคทั่วประเทศยูเครน และกวาดล้างบ้านเรือนของผู้คนส่วนใหญ่เสียหายทั้งหมด ส่งผลให้ในปัจจุบันมีผู้ประสบภัยที่รอการช่วยเหลืออยู่นับพัน และกำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสะอาดในการดื่มกินอีกด้วย

ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ โอเล็กซานโดรวิช เซเลนสกี (Volodymyr Oleksandrovych Zelenskyy) ของประเทศยูเครน ก็ได้ออกมาประณามการโจมตีของกองทัพรัสเซียที่นำมาซึ่งเหตุอุทกภัยที่ทำลายมรดกชาติยูเครนว่าเป็น “การก่อการร้ายทางสิ่งแวดล้อม (ecoterrorism)” และเนื่องจากตอนนี้พื้นที่ในหมู่บ้านโอเลชกีได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัสเซียแล้ว จึงไม่สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบมรดกของชาติชิ้นนี้ได้ว่าเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ถ้ายึดตามการวิเคราะห์ของนักประวัติศาสตร์ศิลปะและผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบัน พวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าบ้านหลังนี้น่าจะพังทลายไปหมดแล้ว เพราะถูกสร้างมาจากวัสดุที่เรียกว่า ‘Samanna’ ที่ทำมาจากดินโคลน ฟาง และทราย เมื่อโดนน้ำท่วมหนักแบบนี้จึงน่าจะไม่สามารถคงอยู่ได้ ซึ่งทางฝั่งศิลปินที่ทำงานร่วมกับมูลนิธิเพื่อเก็บรักษาผลงานของเรย์โกะ อย่าง ไซมอน ครามซอฟ (Simon Khramtsov) ก็ได้ออกความเห็นไว้เช่นกันว่า “ถ้าจะมีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ ก็คงจะมีเพียงเศษซากเท่านั้น”

อ้างอิง https://www.theguardian.com/world/2023/jun/12/masterpiece-house-is-latest-victim-of-putins-war-on-ukrainian-heritage