Khimkho ศิลปินผู้ถ่ายทอดความงามในความสยองที่ทำให้คนดูต้องตั้งคำถามกับตัวเอง
ความรู้สึก ‘ว้าวุ่นใจ’ ปน ‘ขยะแขยง’ นิด ๆ คงจะเป็นความรู้สึกแรกที่เราสัมผัสได้อย่างฉับพลัน เมื่อจ้องมองไปยังภาพวาดหัวสิวเม็ดใหญ่ ฝูงแมลงที่ชอนไชบนเส้นผมจนน่าสะอิดสะเอียน และคนที่กัดทึ้งเล็บตัวเองจนเนื้อฉีกขาด ที่ปรากฏบนภาพวาดของ ‘ขิม - กรรณิการ์ เพิ่มกิตติกุล’ หรือ ‘Khimkho’ ศิลปินและกราฟิกดีไซเนอร์ฟูลไทม์ ผู้รักการวาดและงานปักเป็นชีวิตจิตใจ
แต่ก่อนที่เราจะปักใจเชื่อว่าเธอต้องทำแค่งานศิลปะแนวสยอง ๆ เป็นแน่ ศิลปินผู้ออกตัวว่าอยากตั้งชื่อแบบญี่ปุ่น แต่ไม่อยากให้น่ารักมากเกินไป เลยเติมคำว่า ‘โขะ’ แทน ‘โกะ’ คนนี้ ก็นำเสนอภาพวาดและลายปักสุดโดดเด่น ที่เน้นลวดลายธรรมชาติแสนน่ารักให้เราได้รู้จักเสียก่อน จนเราต้องตั้งคำถามขึ้นมาอย่างจริงจังว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้ศิลปินคนนี้ สามารถสร้างโลกสองใบที่แตกต่างกันสุดขั้วแบบนี้ขึ้นมาได้
ซึ่ง Khimkho ก็บอกกับเราอย่างอารมณ์ดีว่า “น่าจะเป็นอิทธิพลจากหนังสือการ์ตูนที่เราอ่านมาตั้งแต่สมัยเรียนแน่เลย เราถึงเลือกใช้ลายเส้นสีดำตัดเส้นแบบการ์ตูน และเลือกใช้สีสดใสกับทีแปรงสไตล์แวนโกะห์มาพัฒนาเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นลายเส้นและสไตล์งานของเราแบบที่เห็น
“ถ้าสังเกตจะเห็นได้เลยว่าลายเส้นของเราจะเน้นเส้นเยอะ ๆ มีความหยุกหยิกราวกับเคลื่อนไหวได้ เพราะเราชอบลายเส้นของหนังสือการ์ตูน เลยรู้สึกว่าต้องใส่รายละเอียดทุกส่วนจนงานแน่นมากแบบนี้” ศิลปินพูดพลางชี้จุดให้เราลองสังเกตตาม
“ส่วนธีมในการสร้างงานแต่ละชิ้น เราจะสร้างมาจากเรื่องราวในชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ ที่ทุกคนสามารถพบเจอได้ แบบหยิบเรื่องราวง่าย ๆ จากจินตนาการมาถ่ายทอดลงไปในงาน ให้คนที่เห็นงานได้นำไปคิดและจินตนาการเอาเอง ผ่านงานวาดและการปักของเรา
“เราเลยมองว่าการวาดรูปของเราเป็นเหมือนการระบายอารมณ์ที่เรารู้สึก แล้วเอามาผสมเข้ากับการจินตนาการเพ้อฝันของเราเอง เหมือนเวลาเรามองท้องฟ้ากับก้อนเมฆเพลิน ๆ แล้วก็จินตนาการถึงรูปร่างของพวกมันต่อจนเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ดังนั้นการวาดรูปสำหรับเราก็เลยเป็นเหมือนความผ่อนคลายและความสบายใจ”
Khimkho ยังอธิบายต่ออีกว่า “จริง ๆ งานปักก็เป็นอีกงานหนึ่งที่เราชอบมากเลยนะ เราเริ่มต้นทำสิ่งนี้จากการปักของชิ้นเล็ก ๆ จำพวกดอกไม้ สัตว์ และแมลงต่าง ๆ หรือบางทีเราก็ปักเป็นเข็มกลัด หรือของขวัญให้กับเพื่อน ๆ จนเก่งขึ้นก็ขยับมาปักชิ้นใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ”
“เรามองว่างานปักก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจเวลาเอามารวมกับเทคนิคอื่น อย่างการวาดรูปเราจะใช้ ดินสี หรือพู่กัน และงานปัจจุบันจะเป็นงานทดลองที่ผสมงานปักและงานเพ้นท์เข้าด้วยกัน ให้งานมีมิติและน่าสนใจมาก ตอนนี้กำลังทดลองไปเรื่อย ๆ ให้งานออกมาสมบูรณ์และน่าสนใจ”
หลังจากพูดถึงเทคนิคและความสดใสในการทำงานกันไปหลายข้อแล้ว เราก็ชวนคุณขิมให้วกกลับมาเล่าถึงโลกฝั่งที่น่าสยดสยองกันบ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็รีบตอบทันทีว่า “งานสไตล์นั้นน่าจะมาจากความกลัวของเราล้วน ๆ เลยค่ะ”
“เราว่ามันอาจจะเป็นเพราะความชอบส่วนตัวและสิ่งแวดล้อมที่เราเผชิญอยู่ล่ะมั้ง แบบว่าสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวที่เราพบเห็น อารมณ์ความรู้สึก ความกลัว ความชอบอะไรพวกนี้ เลยทำให้เกิดเป็นองค์ประกอบต่าง ๆ ในงานของเรา โดยเฉพาะพวกความหยุบหยิบ หยุบหยับ ความเส้นเยอะ ๆ หรืออะไรที่มีรายละเอียดอึ๋ย ๆ อย่างงานที่มีแมลงสาบไปปรากฏตัวในภาพ ก็จะเกี่ยวกับความกลัวแมลงสาบของเราเอง เลยถ่ายทอดเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ในงาน”
พอได้ฟังแบบนี้แล้วหันกลับไปมองภาพของคุณ Khimkho อีกครั้ง ก็รู้สึกได้เลยว่าพลังความกลัวที่ศิลปินถ่ายทอดออกมานั้นสามารถส่งถึงเราได้จริง ๆ เพราะภาพเหล่านั้นได้ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นคนที่โดนแมลงไต่ผม หรือเป็นคนที่เนื้อฉีกขาดเสียเอง เราเลยอยากทราบต่ออีกว่า ตอนที่เธอสร้างผลงานเหล่านี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นด้านชวนอี๋ หรือด้านชวนสุขใจ ศิลปินเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าอยากให้ผู้ชมเห็นสิ่งใดจากงานเหล่านี้
ซึ่งหลังจากฟังคำถามจบ ศิลปินก็นึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกกับเราว่า “คงเป็นความสนุกสนานและเพลิดเพลินล่ะมั้งนะ อย่างพวกรายละเอียดต่าง ๆ ในงานที่ทุกคนเห็นตอนนี้ ล้วนเป็นเรื่องราวธรรมดาในชีวิตประจำวัน ที่สะท้อนอารมณ์ต่าง ๆ ของเราออกมาทั้งนั้น เราเลยอยากให้คนดูปล่อยใจไปตามความรู้สึกและจินตนาการตามความคิดของตัวเองได้เลย และสามารถมีส่วนร่วมในเรื่องราวต่าง ๆ ของเราที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มที่”
แนวคิดในงานเซตนี้ เกิดจากความเหนื่อยล้าจากการทำงาน แล้วอยากจะพักสายตา พักจากงาน จึงเกิดเป็นเรื่องราวของความผ่อนคลาย การพัก ความสบาย ความพริ้วไหวปล่อยความรู้สึกไปเรื่อยๆ พักสายตาจากการทำงานโดยการหันไปมองสีเขียว มองจุดโฟกัสไกลๆ มองท้องฟ้าธรรมชาติเพื่อพักสายตา ให้เกิดความผ่อนคลาย เหมือนเราหลุดไปในภวังค์ หรือที่ไหนสักแห่งเพื่อพัก ในช่วงขณะหนึ่ง
แนวคิดในงานเซตนี้ เกิดจากความเหนื่อยล้าจากการทำงาน แล้วอยากจะพักสายตา พักจากงาน จึงเกิดเป็นเรื่องราวของความผ่อนคลาย การพัก ความสบาย ความพริ้วไหวปล่อยความรู้สึกไปเรื่อยๆ พักสายตาจากการทำงานโดยการหันไปมองสีเขียว มองจุดโฟกัสไกลๆ มองท้องฟ้าธรรมชาติเพื่อพักสายตา ให้เกิดความผ่อนคลาย เหมือนเราหลุดไปในภวังค์ หรือที่ไหนสักแห่งเพื่อพัก ในช่วงขณะหนึ่ง
แนวคิดในงานเซตนี้ เกิดจากความเหนื่อยล้าจากการทำงาน แล้วอยากจะพักสายตา พักจากงาน จึงเกิดเป็นเรื่องราวของความผ่อนคลาย การพัก ความสบาย ความพริ้วไหวปล่อยความรู้สึกไปเรื่อยๆ พักสายตาจากการทำงานโดยการหันไปมองสีเขียว มองจุดโฟกัสไกลๆ มองท้องฟ้าธรรมชาติเพื่อพักสายตา ให้เกิดความผ่อนคลาย เหมือนเราหลุดไปในภวังค์ หรือที่ไหนสักแห่งเพื่อพัก ในช่วงขณะหนึ่ง
ชิ้นนี้เป็นการเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่จินตนาการเรื่องราวต่าง ๆ ตอนหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นอึ่งอ่างอยู่ในอูคูเลเล่ พ่อกินกาแฟในห้องน้ำตอนจู๊ด ๆ และอูคูเลเล่ของเพื่อนที่พ่อเอามาเล่นในห้องน้ำ
การกลับดาวของปุ๊บปิ๊บ ระลึกถึงสัตว์เลี้ยงที่บินกลับดาวหนูไปแล้ว ตอนนี้กำลังอินและประทับใจผลงานที่ผสมผสานระหว่างงานปักและงานเพ้นท์ ตอนได้ทำมันเรารู้สึกสนุกและเพลินไปกับการทำงานมากค่ะ
ถ้าใครสนใจในโลกสองขั้วสุดแตกต่างและอยากสัมผัสกับความสยองปนหวานสไตล์ Khimkho ก็สามารถตามไปปักฝันวาดเมฆกับเธอได้ที่: https://www.instagram.com/khimkhokhimkho/