มองการวาดภาพให้เป็น ‘IS, AM, ARE’ ไปกับ ‘KAMEIS’ เมื่อสิ่งที่ตีความไม่เคยตายตัว
ทุกครั้งที่มองงานศิลปะ หลาย ๆ คนมักจะตั้งคำถามขึ้นมาโดยอัตโนมัติว่า “ภาพนี้กำลังจะสื่อถึงอะไร?” แต่สำหรับภาพผลของ ‘KAMEIS’ หรือ ‘เขม ชนม์นิภา’ นักวาดภาพประกอบหน้าใหม่ไฟแรง ที่นำอารมณ์ ความรู้สึก และการสังเกตสิ่งรอบตัวมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ คุณไม่จำเป็นต้องสงสัยในเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เพราะศิลปินตั้งใจเปิดพื้นที่ว่างหลังเครื่องหมายคำถาม ให้คุณเติมคำตอบของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพราะเธอมีคอนเซปต์แบบ ‘IS, AM, ARE’
“เราตัดสินใจว่าอยากจะเป็นศิลปินมาตั้งแต่เรียนมัธยมเลย” KAMEIS บอกกับเราถึงจุดเริ่มต้นในการสร้างงานศิลปะของเธอ
“พอตัดสินใจได้แบบนั้นแล้ว เราก็ทำงานศิลปะมาตลอด โดยช่วงแรก ๆ เราก็อยากจะเรียนด้านสถาปัตยกรรม เลยเลือกเข้าเรียนติวต่าง ๆ แต่พอได้เข้าไปฝึกจริง ๆ และได้ลองทำงานศิลปะหลายแบบมากขึ้น เราก็พบว่างานวาดมันถูกจริตเรามากกว่าเทคนิคแบบอื่น เพราะเราสามารถใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้อย่างเต็มที่ และไม่มีใครมาคอยตำหนิเราว่าทำผิดหรือทำถูกตลอดเวลา เราเลยภูมิใจในผลงานวาดภาพของตัวเองมาก ๆ”
ถึงแม้ว่า KAMEIS จะตั้งมั่นมาแต่แรกว่าอยากเป็นศิลปิน ทว่าหนทางการค้นหาตัวเองของเธอก็ไม่ง่าย “เราลองทำมาหลายอย่างมากเลย แบบใช้หลายเทคนิคมาก ๆ ทั้งงานดิจิทัล การเพ้นท์บนกระดาษ หรือแนวคอนเซ็ปชวลอาร์ตเราก็เคยลองมาเหมือนกัน เพราะเราต้องการตามหาว่าตัวเองชอบแบบไหนกันแน่ ซึ่งหลังจากลองทำมาหลายแนว เราก็พบว่าเทคนิคที่ชอบที่สุด และทำได้สนุกที่สุดก็คือการวาดภาพประกอบ หรืองานเพ้นท์แบบที่เห็นอยู่ตอนนี้ โดยผสมเอาสไตล์ Modern Art กับ Pop Art เข้าด้วยกัน”
เธอยังเล่าให้เราฟังถึงความท้าทายของการผสมสไตล์ศิลปะหลายอย่าง ๆ เข้าด้วยกันในงานเดียวด้วยว่า “ต้องยกให้เรื่องของการตัดใจเลยยยย”
“คือพอเราชอบอะไรหลายอย่างมากเกินไป เราเลยอยากใส่ทุกอย่างลงไปหมด พอเริ่มทำงานจริง ๆ เราเลยต้องยอมตัดทอนบางอย่างออกไป ไม่ให้มันเยอะจนเกินไป เพราะเราจะใส่ทุกอย่างลงไปหมดก็ไม่ได้ใช่ไหม วิธีการทำงานของเราเลยอยู่ที่การเลือกว่าจะใส่หรือไม่ใส่ลงไปในภาพมากกว่า เพื่อสื่อสิ่งที่เราอยากเล่าได้อย่างครบถ้วน”
“ในส่วนของเนื้อหาที่เราอยากเล่าในภาพ เราจะเน้นไปที่อารมณ์ความรู้สึกรอบตัวเป็นหลัก แบบเราคิดอะไร สงสัยอะไร แล้วก็คิดสิ่งนั้นให้เป็นภาพ แล้วก็ใส่สัญญะต่าง ๆ ลงไปเพื่อสร้างความหมายที่หลากหลายให้กับสิ่งที่เราอยากเล่า จนกลายมาเป็นภาพที่ทุกคนเห็น เสต็ปการทำงานของเราก็เลยจะเป็นการคิด สำรวจตัวเอง หาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วก็สเก็ตช์ให้เป็นภาพ ก่อนที่จะเอามาทำเป็นงานบนโปรแกรมต่าง ๆ”
KAMEIS ยังขยายถึงคอนเซปต์ ‘IS, AM, ARE’ ให้ฟังเพิ่มเติมว่า “นามปากกาของเราคือ ‘Kame’ กับ ‘Is’ จาก ‘IS, AM, ARE’ หรือ ‘เป็น อยู่ คือ’ นั่นแหละ มันเหมือนเป็นการเหลือที่ว่างข้างหลังไว้ให้เราเติมเข้าไปได้เรื่อย ๆ ว่า เขมคืออะไร? เขมเป็นใคร? และเขมทำอะไร? เพราะเราเปลี่ยนไปเสมอ เราไม่เคยมีคำนิยามตัวเองหรืองานของเราแบบตายตัว”
“อาจจะเป็นเพราะว่าตอนเรียนศิลปะ เรารู้สึกว่ามันมีกรอบที่แน่นมาก ๆ มาจำกัดเราไว้หลายอย่างเลย พอได้มาทำงานของตัวเองแบบเต็มตัว เลยรู้สึกดีกว่าตอนเรียนนะ เพราะตอนนั้นงานของเราต้องผ่านการวิจารณ์เยอะมาก ๆ เลย มันเหมือนจะมีผิดมีถูกตลอด มันต้องทำตามแบบ จนเราไม่กล้าใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปมากนัก พอเรียนจบแล้วได้ทำงานตามความคิดของตัวเองอย่างเต็มที่ เราเลยรู้สึกว่ามันพัฒนาขึ้นมาก มันไม่มีกรอบอะไรมาครอบเราอีกแล้ว เป็นงานของเราแบบเต็มร้อยเลย ดังนั้นเราเลยไม่อยากตีกรอบตายตัวให้กับงานของเรา”
“IS, AM, ARE ในนามปากกาของเรา และในชื่อผลงานต่าง ๆ ของเรา ก็เลยเป็นเหมือนช่องว่างที่ไร้กรอบ ให้ทั้งเราและทุกคนมาเติมลงไปเองได้อย่างเต็มที่เลย” KAMEIS กล่าว
ถ้าใครอยากลองเติมคำตอบหลัง IS, AM, ARE ในผลงานของ KAMEIS ก็สามารถมาชมผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของเธอได้ ในนิทรรศการ ‘Artist on Our Radar’ ที่จัดแสดงให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ - 17 มี.ค. 2567 ณ MMAD MASS GALLERY ชั้น 2 โซน MMAD, ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
ติดตามผลงานของ KAMEIS เพิ่มเติมได้ที่ KAMEIS