ทำความรู้จักกับ ‘Kanbai’ ศิลปินผู้วาดความประทับใจให้กลายเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน
โปสการ์ด พวงกุญแจ เคสมือถือ เสื้อยืด และของใช้กระจุกกระจิกทำมือสุดน่ารักอีกมากมายที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่นี้ คือผลงานส่วนหนึ่งของ ‘กิ่ง-รวิสรา คงยวง’ หรือ ‘ก้านใบ’ นักออกแบบอิสระ ผู้ควบตำแหน่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Kanbai Studio ที่เริ่มต้นสร้างงานศิลปะจากการสร้างเพจเพื่อแชร์ภาพผลงานของตัวเอง ที่เกิดจากเก็บภาพความประทับใจในแต่ละวัน มาเปลี่ยนให้เป็นผลงานศิลปะบนข้าวของเครื่องใช้ จนค่อย ๆ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
เมื่อเราได้เห็นภาพความน่ารักของภาพวาดสไตล์ Impressionism ที่ก้านใบนำมาประยุกต์ให้กลายเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่ใคร ๆ ก็พกพาได้แบบนี้ ก็ทำให้เราอยากพูดคุยกับก้านใบดูสักครั้งว่าเธอเริ่มต้นสนใจงานศิลปะตอนไหน มีแนวคิดในการสร้างสรรค์ศิลปะแบบใด และเริ่มต้นทำทุกอย่างนี้ขึ้นมาได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเธอก็ได้เริ่มพูดคุยกับเราด้วยการเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ทั้งหมดว่า “จริง ๆ แล้วเราเริ่มสนใจวาดรูปมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เลยนะ แต่ในตอนนั้นเราไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองมีความสามารถทางด้านศิลปะ”
“จนกระทั่งช่วงมัธยมที่เริ่มมีคนเห็นผลงานเรามากขึ้นจากการเปิดเพจชื่อว่า ‘ก้านใบ’ (เป็นชื่อนามปากกาที่มาจากชื่อเล่น) มันเป็นเพจที่เราวาดภาพประกอบพร้อมคำคม ซึ่งเรื่องราวเป็นสิ่งที่เราพบเจอจากประสบการ์ณชีวิตวัยเรียน มาวาดเล่นเล่าเรื่องราวลงรายวัน และเริ่มมีคนสนใจ มีคนติดตาม จนกระทั่งมีคนขอจ้างงานให้วาดภาพ จนกลายเป็นรายได้สมัยเรียน และเป็นที่พูดถึงในกลุ่มเพื่อน ๆ ในโรงเรียนว่า คนนี้วาดรูปเก่งนะ คนนี้เป็นเจ้าของเพจนะ จนความเป็นนักวาดมันเริ่มกลายเป็นจุดยืนและตัวตนของเรา”
“เหตุการณ์เหล่านั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการมองเห็นตัวตนและความสามารถของตัวเอง ว่าเราโดดเด่นด้านอะไร ทำให้เราพัฒนาตนเองทางด้านศิลปะมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบจากมัธยม เราจึงตัดสินใจเรียนต่อทางด้านศิลปะและการออกแบบทันที เพราะอยากเป็นศิลปิน อยากสร้างผลงานและเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตัวเองผ่านทางงานศิลปะไปเรื่อย ๆ” ก้านใบกล่าว
สำหรับแรงบันดาลใจในการทำงานก้านใบบอกกับเราว่า “ภาพส่วนใหญ่ของเราจะมาจากสิ่งที่เรารู้สึกประทับใจและมีแพชชั่นกับมันในช่วงเวลานั้นเลย เรียกว่ามีแนวคิดคล้ายกับศิลปินยุค Impressionist เลยก็ว่าได้ เช่น ภาพวิว ภาพตัวละครจากภาพยนตร์หรือหนังสือที่ชอบ และภาพที่เกิดจากประสบการ์ณหลาย ๆ อย่างที่ได้ไปพบเจอ ก็กลับกลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน”
“เอกลักษณ์ในงานของเรา จะเป็นเรื่องการทำทุกอย่างด้วยมือ (handcraft) ไม่ว่าจะเป็นงานวาดสไตล์สีน้ำ สีชอร์คพาสเทล สีอะคลิลิก ผลงานหลาย ๆ ชิ้นถูกวาดด้วยมือลงวัสดุจริงทั้งหมด ซึ่งเรามีความเชื่อว่าผลงานที่ถูกระบายผ่านมือของเรานั้น สามารถสื่อสารและส่งต่ออารมณ์ต่อผู้ชมผลงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็นตอนจรดฝีแปรงลงกระดาษเกิดการกระจายตัวของสีที่ค่อย ๆ วิ่งผ่านน้ำ น้ำหนักของลายเส้นขณะวาด สิ่งเหล่านี้มันมีความเป็นธรรมชาติในตัวของมันเองอยู่ในนั้น บางครั้งความไม่เพอร์เฟกต์ หรือสิ่งที่เกิดจากการที่เหนือการควบคุม ก็กลายเป็นสิ่งสวยงามสำหรับงานศิลปะ”
ก้านใบยังแชร์ความรู้สึกที่เธอนำผลงานของตัวเองมาทำเป็นของใช้และวางขายด้วยว่า “เรามองว่าการได้เห็นผลงานของตัวเองออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน มันเป็นอะไรที่รู้สึกสนุกมาก และเป็นอะไรที่เรารู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ผลิตสินค้าชิ้นใหม่ ๆ ออกมา เวลาที่ได้พบเจอผู้คนที่ใช้สินค้าของแบรนด์เรา มันรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก ๆ ดีใจที่มีคนชื่นชอบผลงาน และดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสุขเล็ก ๆ ของผู้ที่ได้ครอบครองผลงานที่เราสร้างขึ้นมา เรายังคงคอยคิดเรื่อย ๆ ว่า จะทำผลงานออกมาในรูปแบบไหนอีกดีนะ ที่สามารถให้ผู้ที่ซื้อไปได้ใช้ประโยชน์จากผลงานได้อย่างสูงสุด และทำให้งานศิลปะของเราเข้าถึงคนหลาย ๆ กลุ่มได้มากขึ้น”
และจากสิ่งของทั้งหมด เหมือนว่าการทำโปสการ์ดจะเป็นสิ่งที่ก้านใบประทับใจเป็นพิเศษ เธอเลยเล่าต่อว่า “เรามองว่าโปสการ์ดคือการส่งต่อความสุขและความรู้สึก ผ่านทั้งภาพบนโปสการ์ด และข้อความที่ถูกเขียนอยู่ด้านหลัง”
“เมื่อถึงเทศกาลพิเศษ หรือได้ไปท่องเที่ยวที่ไหน เราจะเขียนโปสการ์ดส่งให้กับเพื่อน ๆ และครอบครัว เพื่อเล่าเรื่องราวและความรู้สึก ณ เวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้เขียน ได้วาด ได้ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนที่เราต้องการจะสื่อสาร สำหรับเราแล้วข้อความที่ถูกเขียนหลังโปสการ์ดการ์ดด้วยลายมือของผู้คนนั้นมีเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะคน และมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ผู้รับเองก็จะรู้สึกได้ถึงความพิเศษของมัน”
เธอยังกล่าวทิ้งท้ายต่ออีกว่า “เราคิดว่ามันต่างกับการส่งต่อข้อความผ่านอินเทอร์เน็ตมากเลยนะ เพราะการส่งข้อความผ่านอินเทอร์เน็ตถูกออกแบบมาเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันหมด เลยคาดเดาอารมณ์ได้ยาก ทำให้รายละเอียดของความรู้สึกที่ว่ามาหายไป และถึงแม้ว่าการส่งโปสการ์ดจะได้รับความนิยมน้อยลงกว่ายุคก่อน ๆ แต่เรายังเป็นคนหนึ่งที่เมื่อมีโอกาสพิเศษครั้งใด ก็ยังคงเขียนโปสการ์ดส่งให้กับคนพิเศษอยู่เสมอนะ”
The Phoenix
ภาพนี้เป็นภาพแรกที่เราวาดแฟนอาร์ตเรื่อง แฮรี่ พอตเตอร์ เราประทับในรายละเอียดของภาพ mood tone ภายในห้องของศาตราจาร์ยดัมเบิลดอร์มาก ๆ เลยเป็นภาพที่เราตั้งใจเก็บรายละเอียดตรงพื้นหลังของชั้นวางหนังสือสุด ๆ
In the car
ฉากนี้เป็นฉากที่รอนขับรถไปรับแฮรี่จากทางหน้าต่างบ้าน เพื่อไปฮอกวอร์ตในวันเปิดเทอมวันแรก ด้วยความสดใสของตัวละคร และความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฉาก ภาพนี้จึงมีโทนสีที่สดใสและเข้ากับวัยและอารมณ์ของตัวละครในภาพ เมื่อเห็นภาพนี้ทีไรก็จะนึกถึงความสดใสของสองตัวละครเมื่ออยู่ด้วยกันทุกครั้ง
Switzerland Bloom
ภาพนี้ถูกว่าตอนช่วงที่เรารู้สึกอยากท่องเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์มาก ๆ เป็นภาพที่เราจินตนาการณ์ถึงบ่อย ๆ โดยอารมณ์ของภาพนี้จะให้ความรู้สึกฟุ้ง เพ้อฝัน และตั้งชื่อคอลเลคชั่นนี้ว่า Dream place เชื่อว่าทุกคนคงมีสถานที่ในฝัน ที่สักวันนึงจะต้องไปเห็นกับตาตัวเองให้ได้ ภาพนี้จึงเป็นตัวแทนของคนช่างฝัน ที่อยากจะออกเดินทางไปต่างประเทศค่ะ
The Lucky Dog
โมเมนต์ประทับใจในยามพระอาทิตย์ตกดิน วันนั้นเป็นวันที่วิ่งไปเจอวิวนี้ด้วยกันกับน้องหมา ท้องฟ้าเป็นสีชมพู Vanilla sky ให้ความรู้สึกเหมือนว่า ต่อให้วันนั้นจะเจออะไรมาหนักแค่ไหน แค่ได้มองท้องฟ้าสีชมพูยามพระอาทิตย์ใกล้จะตก ก็จะรู้สึกมันจบสมบูรณ์ไปโดยปริยาย
Christmas at Hogwarts
เป็นอีกหนึ่งผลงานที่แสดงถึงความอบอุ่น และความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เนื่องจากเป็นคนที่โตมากับศาสนาพุทธตั้งแต่เด็ก จึงรู้สึกโหยหาเทศกาลคริสต์มาสเป็นพิเศษจากการได้เสพเรื่องราวเกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาสผ่านสื่อภาพยนตร์ การ์ตูน และเพลง ทำให้ฉากในวันคริสต์มาสกลายเป็นฉากแห่งความอบอุ่น ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันเฉลิมฉลอง และเป็นภาพความประทับใจของเราตั้งแต่เรานั้นยังเด็ก
หากใครชอบงานสไตล์ Impressionism และรักการสะสมของใช้กระจุกกระจิกในชีวิตประจำวัน ก็สามารถติดตามผลงานต่าง ๆ ของ Kanbai ได้ที่เพจ Kanbai Instragram: kanbai.studio Twitter: Kanbai