Citizen Tea Canteen of Nowhere โรงน้ำชาสเปเชียลตี้กึ่งโชว์รูมงานคราฟต์สไตล์จัดจ้านที่เปลี่ยนความเชยเป็นความฮิป
วัฒนธรรมโกปี๊หรือสภากาแฟของเหล่าอากง-อาม่าที่เคยดูเชยสะบัดสำหรับเหล่าคนรุ่นใหม่หลาย ๆ คน ถูกหยิบยกขึ้นมาตีความใหม่ในรูปแบบร่วมสมัยที่นอกจากจะดูเก๋ไก๋มีสไตล์แล้ว ยังเป็นพื้นที่เชื่อมโยงผู้คนในสังคม โดยเน้นส่งเสริมการสร้างงานให้กับเหล่าชาวบ้านในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย
Citizen Tea Canteen of Nowhere เกิดจากความร่วมมือของ โอ-ศรัณย์ เย็นปัญญา ดีไซเนอร์สไตล์จัดจ้านที่หลายคนคุ้นตา และ โอ๊ะ-เบญจภัค เพชรคล้าย นักธุรกิจและเจ้าของพื้นที่ห้องแถวเก่าบริเวณศาลเจ้าโจวซือกงในตลาดน้อย สถานที่ตั้งของร้านแห่งนี้ ที่ต้องการสร้างโรงน้ำชากึ่งโชว์รูมงานคราฟต์ที่เป็นทั้งที่จัดแสดงสินค้าภายใต้ชื่อ Citizen of Nowhere แบรนด์คราฟต์ของโอ-ศรัณย์ รวมทั้งยังเป็นพื้นที่เสิร์ฟชาสเปเชียลตี้คุณภาพดีในสไตล์เฉพาะตัว
ปัจจุบัน Citizen Tea Canteen of Nowhere ยังเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18:00 น. เท่านั้น เราจึงขออาสาพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสถานที่สุดฮิปแห่งนี้ไปพลาง ๆ ก่อนที่ทุกคนจะมีโอกาสมาลงพื้นที่ด้วยตัวเอง บอกได้เลยว่า ทุกชั้น ทุกมุม เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจจนไม่อยากให้ใครพลาดเลย
หลังจากเดินลัดเลาะตรอกซอยย่านตลาดน้อยจนพอเรียกเหงื่อซึม ๆ ในที่สุด เราก็มาถึงบริเวณศาลเจ้าโจวซือกง สถานที่ตั้งของโรงน้ำชากึ่งโชว์รูมงานคราฟต์สีสันฉูดฉาดที่ใช้ชื่อว่า Citizen Tea Canteen of Nowhere กันแล้ว
เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในร้าน เราก็จะได้พบกับเหล่าผลิตภัณฑ์ชิ้นเล็กชิ้นน้อยบนผนังสีส้มตุ่นที่ถูกฉาบไว้ด้วยแสงไฟอุ่น ๆ ที่ชวนให้เรานึกถึงสีสันของชาไทยอันโด่งดังขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พร้อมด้วยกลิ่นชาหอม ๆ ที่มาแวะทักทายเรากันตั้งแต่หน้าประตู
แม้จะมีร้านคาเฟ่ล้ำ ๆ อยู่มากมายเต็มไปหมด แต่ร้านน้ำชาที่จริงจังระดับสเปเชียลตี้กลับมีน้อยเพียงหยิบมือ นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณโอ-ศรัณย์และคุณโอ๊ะ-เบญจภัค สองผู้ก่อตั้ง Citizen Tea Canteen of Nowhere เกิดความสนใจที่จะนำวัฒนธรรมโกปี๊หรือสภากาแฟของเหล่าอากงอาม่ากลับขึ้นมาตีความใหม่ในรูปแบบร่วมสมัยผ่านเครื่องดื่มชาระดับอาร์ติซานที่ไปสรรหาเอาวัตถุดิบใบชาจากหลากหลายแหล่งมาออกแบบเป็นเครื่องดื่มคุณภาพดีที่ไม่ลืมสนับสนุนเกษตรกรไทยไปพร้อม ๆ กัน
ชาของ Citizen Tea Canteen of Nowhere มีตัวเลือกให้เราได้ลองลิ้มชิมรสกันมากมายหลายเบลนด์ด้วยกัน ซึ่งที่โดดเด่นสุด ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเมนูชานมสไตล์ไทย ๆ ที่มาพร้อมกับน้ำสีส้มและรสชาติหวานมันอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งใครจะไปคิดล่ะว่า แค่เครื่องดื่มบ้าน ๆ อย่างชาไทยจะสามารถนำมาผสมกลิ่นและรสสัมผัสใหม่จนแตกตัวเลือกได้ถึง 4 เบลนด์ด้วยกัน ส่วนตัวที่เราชอบสุด ๆ คือเบลนด์ที่ให้กลิ่นวานิลลาตั้งแต่อึกแรกที่ดื่มเข้าไป และยังทิ้ง Aftertaste หวานหอมในปากได้อย่างพอดิบพอดี ไม่หวานเกินไป ไม่จืดเกินไป สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมรสชาติหวานแหลมเท่าไหร่นัก (แต่ถ้าพาคุณพ่อ-คุณแม่ไปดื่มก็อาจจะติดรสหวานมากกว่านี้เล็กน้อย) โดยทางร้านยังเล่าให้เราฟังอีกว่า วัตถุดิบหลักในการชงชาไทยอย่างนมข้มหวานที่ Citizen Tea Canteen of Nowhere เลือกใช้ก็ไม่ใช่นมข้มหวานธรรมดา ๆ ตามท้องตลาด แต่เป็นผลิตภัณฑ์จากโรงงานพิเศษที่ให้รสหวานมันโดยไม่ทิ้งกลิ่นคาวแบบปกติ
ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มเย็นเท่านั้นที่เราอยากให้ทุกคนได้ลอง แต่ชาร้อนที่ชงโดยเครื่องไซฟ่อน (Syphon) ของเขาก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเครื่องดื่ม Signature อย่างชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่ไม่ได้มีเส้นเหนียวนุ่มหรือเนื้อเป็ดพะโล้เสิร์ฟคู่มาอย่างที่ใครหลาย ๆ คนเข้าใจ แต่เป็นการเบลนด์ใบชาและเครื่องพะโล้อย่างโป๊ยกั๊ก อบเชย และชะเอมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างกลิ่นอายแบบก๋วยเตี๋ยวเป็ดแท้ ๆ ชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดร้อน ๆ ของเราถูกเสิร์ฟมาในกาน้ำชาแบบจีน ๆ คู่กับเครื่องพวง 4 ช่องที่บรรจุแก้วใสพิมพ์ลวดลายกราฟฟิกเฉพาะตัวของร้าน ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังได้ดื่มด่ำชาร้อน ๆ ในบรรยากาศของร้านสไตล์โกปี๊ยังไงยังงั้น ซึ่งหลังจากที่เราได้ชิมรสชาติของเจ้าชาก๋วยเตี๋ยวเป็ดเข้าไปแล้วก็ต้องบอกเลยว่าดีสุด ๆ ! เพราะนอกจากมันจะให้กลิ่นแบบก๋วยเตี๋ยวเป็ดจริง ๆ แล้ว มันยังให้ความสดชื่นที่มาตัดรสหวานมันของชาไทยก่อนหน้าได้อย่างลงตัว นอกจากจะเป็นสถานที่ตั้งของโรงน้ำชาระดับสเปเชียลตี้แล้ว ที่นี่ยังเป็นโชว์รูมสินค้าของ Citizen of Nowhere แบรนด์งานคราฟต์ดีไซน์เก๋ที่คุณโอ-ศรัณย์เป็นเจ้าของด้วย ใครที่เคยส่องสินค้าจากฝีมือของคุณลุง-คุณป้าทั่วประเทศไทยในอินเตอร์เน็ตแล้วอยากลองมาสัมผัสของจริงด้วยตัวเองก็สามารถมาเลือกช็อปที่โชว์รูมแห่งนี้ได้เช่นกัน
เสื้อเชิ้ตลินินสไตล์ลำลองใน OK Collection ที่มีกิมมิคเป็นลายปักรูปน้องลิงสุดกวน เบาะนั่งจากเสื่อกกที่นำคาแรกเตอร์สุดเฟี้ยวมาปักลายสร้างสีสันอันโดดเด่น
นอกจากสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีให้เลือกช็อปกันทั่วร้านแล้ว ใครที่ประทับใจประสบการณ์การลิ้มรสสัมผัสของเครื่องดื่มสุดล้ำลึกนี้แล้วอยากเอากลับไปดื่มต่อที่บ้าน เขายังมีแพกเกจใบชาและอุปกรณ์การชงชาดีไซน์พิเศษของทางร้านให้เราสามารถได้จับจองกลับไปลองทำเองที่บ้านด้วย
ไม่เพียงตัวสินค้าเท่านั้นที่มีดีไซน์สวยงามน่าชื่นชม แต่รายละเอียดการตกแต่งร้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ อย่างแผ่นไม้ที่ใช้ปูเต็มผนังร้านชั้น 1 ก็เป็นการพิมพ์ซิลค์สกรีนโดยผลงานการวาดของเหล่าทีม 56th Studio ที่คุณโอ-ศรัณย์เป็นผู้ก่อตั้งด้วย ซึ่งบรรยากาศการตกแต่งที่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในร้านแห่งนี้ก็เป็นเหมือนกิมมิคที่ทำให้การนั่งพักผ่อนระหว่างการจิบชามีความเพลินเพลินอยู่ไม่น้อย
นอกจากพื้นที่นั่งพักผ่อนที่บริเวณชั้น 1 แล้ว ที่บริเวณด้านบนก็ยังพื้นที่อีกส่วนให้ลูกค้าได้ขึ้นมานั่งเล่นและช็อปปิ้งสินค้างานคราฟต์กันแบบชิว ๆ โดยบานหน้าต่างที่สุดผนังอีกด้านยังสามารถพาเรามองทะลุไปยังศาลเจ้าโจวซือกงที่ฝั่งตรงข้ามได้อีกด้วย สองฝั่งผนังของชั้น 2 ยังเต็มไปด้วยงานศิลปะเก๋ ๆ ที่เราเห็นแล้วถึงกับต้องร้องกรี๊ด เรียกได้ว่า ถึงจะให้บรรยากาศที่แตกต่างกัน แต่ก็สวยงามทั้งชั้นบนชั้นล่าง
ในปัจจุบัน Citizen Tea Canteen of Nowhere เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์วันเดียวเท่านั้น โดยจะเปิดตั้งแต่เวลา 10.00 - 18:00 น. โดยไม่มีที่จอดรถใด ๆ หากอยากมาสัมผัสความคราฟต์กลางย่านตลาดน้อยแห่งนี้ ทางร้านก็แนะนำให้ไปจอดรถที่ River City แล้วค่อยเดินลัดเลาะตรอกซอกซอยผ่านชุมชนเข้ามาจะสะดวกกว่า
📍 Citizen Tea Canteen of Nowhere
764 ซอยวานิช 2 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพ 10100
เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18:00 น.
Facebook: https://www.facebook.com/citizenteacanteen/
Instagram: https://www.instagram.com/citizenofnowhere_craft/