อารามอารมณ์ aramarom นิทรรศการมัลติมีเดียครั้งแรกในไทยที่จะทำให้เราได้กลับมาสำรวจใจตัวเอง
เชื่อว่าช่วงปีที่ผ่านมาคงเป็นช่วงเวลาอันยากลำบากของใครหลายคน เพราะเราต้องประสบกับทั้งโรคระบาด สภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่น่าสิ้นหวัง จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่สภาพจิตใจของเราทุกคนจะค่อย ๆ อ่อนแรงลงไปทุกที
ในงาน Bangkok Design Week 2021 กลุ่มนักออกแบบมัลติมีเดียอย่าง Eyedropper Fill และแพลตฟอร์มส่งเสริมสุขภาพจิตอย่าง OOCA จึงจับมือร่วมกันทำ ‘อารามอารมณ์ aramarom’ นิทรรศการที่นำแนวคิดเรื่องสุขภาพจิตมาออกแบบและตีความผ่านรูปแบบดิจิตอลอาร์ตมัลติมีเดียครั้งแรกในประเทศไทย โดยนิทรรศการครั้งนี้จะพาเราย้อนกลับไปสำรวจใจ รู้จักใจ และดูแลใจของตัวเองผ่านงานศิลปะ Interactive Installation Art ในหลากหลายโซน ไม่ว่าจะเป็น
- พื้นที่สำรวจใจ: บริเวณสำรวจความคิดและความรู้สึกผ่านแบบประเมินตัวเอง
- พื้นที่รู้จักใจ: อุโมงค์ทอดยาวให้เราได้เดินจงกรมแบบมัลติมีเดียพร้อมเสียง Audio Guide
- พื้นที่ดูแลใจ: Interactive Installation Art จำนวน 3 ห้องที่ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่มีอารมณ์แตกต่างกัน 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหินสีแดง ดอกหญ้าสีเหลือง และกลุ่มเมฆสีน้ำเงิน
- พื้นที่สะท้อนใจ: โซนพูดคุยกับอาสาสมัครจาก OOCA ที่พร้อมจะรับฟังเราแบบ Deep Listening
โดยถึงแม้นิทรรศการอารามอารมณ์จะถูกจองเข้าชมจนเต็มหมดแล้วทุกรอบ แต่ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะ GroundControl จะขออาสารับหน้าที่เป็นตัวแทนหมู่บ้านเข้าไปเก็บบรรยากาศภายในงานนิทรรศการครั้งนี้มาบอกเล่าให้ทุกคนได้เห็นเอง งานนี้ใครที่พลาดโอกาสในการเข้าชมไปห้ามพลาดเด็ดขาด!
หลังจากลงทะเบียนบริเวณหน้างานเสร็จปุ๊บก็มาเริ่มต้นที่โซนพื้นที่สำรวจใจกันก่อน โดยเขาจะให้เราหยุดพิจารณาตัวเองและทำแบบประเมินกันสักนิดก่อนว่า ตอนนี้สภาพจิตใจเราเป็นยังไง กำลังรู้สึกเครียด เศร้า หรือมีความสุข ซึ่งหลังจากเราประเมินตัวเองเสร็จ นอกจากจะได้ QR Code มาสแกน Audio Guide เพื่อใช้ฟังตลอดการเข้าชมนิทรรศการแล้ว เราก็ยังจะได้รับรู้ด้วยว่าเราเป็น ‘ก้อนหินสีแดง’, ‘ดอกหญ้าสีเหลือง’ หรือ ‘กลุ่มเมฆสีน้ำเงิน’ ซึ่งแต่ละคนก็จะได้รับแตกต่างกันตามความรู้สึกที่ได้ประเมินไปก่อนหน้านี้ ขอแอบกระซิบเบา ๆ ก่อนเข้างานว่าเราได้เป็นก้อนหินสีแดงล่ะ
ใจพร้อม หูฟังพร้อม ก็ออกสตาร์ทกันเลย! ในโซนแรกของนิทรรศการจะเป็นพื้นที่รู้จักใจ โดยเขาสร้างเป็นอุโมงค์ให้เราได้เดินจงกรมแบบมัลติมีเดียกันแบบยาว ๆ ตลอดทั้งอุโมงค์นี้จะถูกขึงด้วยว่าผ้าขาวนุ่ม ๆ ทำให้มันมีความยวบยาบจนเราโฟกัสกับการเดินในทุกฝีก้าว
สัมผัสอ่อนนุ่มแต่ละครั้งที่เราได้เหยียบย่ำลงไปบนผืนผ้าก็ทำให้เราได้หยุดนิ่ง มีเวลาพักพิจารณา และจดจ่อกับการก้าวเดินแต่ละก้าวอย่างมีสติ เมื่อประกอบกับแสงสีและเสียงในหูฟังก็ทำให้เราเข้าสู่ภวังค์แบบไม่รู้ตัวเลย
เมื่อเราเดินมาสุดทางของอุโมงค์เราก็จะได้พบกับห้องก้อนหินสีแดง ซึ่งเป็นห้องแรกจากสามห้องของโซนพื้นที่ดูแลใจ ในห้องนี้ เราจะได้พบกับ Installation แท่งเป่าลมล้มลุกจำนวนมากซึ่งถูกฉาบไปด้วยไฟสีแดงสุดร้อนแรง เหมือนกับความเครียดและความกดดันที่ถูกสะสมอัดอั้นอยู่ในใจรอวันปะทุ
ทางงานเขาแอบบอกมาว่าเราสามารถระบายอารมณ์ในห้องนี้ได้เต็มที่ แค่ต้องระวังไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้ชมท่านอื่นก็พอ ในเมื่อเราประเมินได้เป็นก้อนหินสีแดงอยู่แล้ว จึงไม่รอช้า ขอแวะปลดปล่อยอารมณ์ในห้องนี้กันสักหน่อย แต่ไม่ว่าเราจะผลักหรือต่อยแท่งเป่าลมเหล่านี้แรงขนาดไหน สุดท้ายมันก็จะเด้งสะท้อนกลับมาหาตัวเราอยู่ดี เราจึงลองเปลี่ยนมากอดและสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของมันแทน รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ
ไปกันต่อที่ห้องต่อไป แค่เหยียบเท้าเข้าไปก้าวแรกเราก็รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายแล้ว เพราะพื้นทุกตารางนิ้วของห้องดอกหญ้าสีเหลืองนี้ถูกปกคลุมไปต้นหญ้าอ่อน ๆ ตรงกลางมี Light Installation เป็นเส้นแสงระโยงระยางที่ถูกออกแบบมาเพื่อคนที่รู้สึกกังวลได้ผ่อนคลายจากความคิดที่ไม่จำเป็น และได้ดึงสติกลับมาอีกครั้ง
พอเราได้ลองลงไปสัมผัสกับพื้นหญ้าแบบสบาย ๆ และนำเส้นแสงขึ้นมาถือ เราถึงสังเกตเห็นว่า แสงในมือของเราจะค่อย ๆ หรี่แสงและกลับมาส่องสว่างใหม่เป็นช่วง ๆ เสียงใน Audio Guide จะคอยแนะนำให้เราได้ทำสมาธิและกำหนดลมหายใจไปตามการเคลื่อนไหวของแสง ผ่อนคลายความกังวล สลัดความคิดที่ฟุ้งซ่าน และให้ความสงบในใจมาแทนที่ ไม่ต่างจากดอกหญ้าที่หยุดพัดปลิวตามแรงลม
มาถึงห้องสุดท้ายของพื้นที่ดูแลใจกันจนได้ โดยในห้องกลุ่มเมฆสีน้ำเงินนี้ เราจะได้พบกับเหล่าเบาะลูกโป่งที่กำลังส่องแสงสว่างคอยนำทางให้เราได้เดินเข้าไปพักพิง ซึ่งภายในห้องนี้ เราจะสามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของผ้าขนนิ่ม ๆ บนพื้น เหมือนกับว่าเรากำลังได้เดินอยู่บนก้อนเมฆยังไงยังงั้น
พอได้ทิ้งน้ำหนักปล่อยอารมณ์สบาย ๆ ไปบนเบาะลูกโป่งอ่อนนุ่มเหล่านี้ เราก็รู้สึกเหมือนกำลังได้รับการโอบอุ้มและประคับประคองจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ซึ่งความเบา ความปลอดโปร่ง และความปลอดภัยตรงนี้เองที่ทำให้เราได้หยุดนิ่งเพื่อสื่อสารกับตัวเอง และค่อย ๆ คลายความเศร้าและความหดหู่ทิ้งไป
หลังจากเราเดินทางมาจนสิ้นสุดนิทรรศการ หากความคิดและอารมณ์ของเรายังไม่จบสิ้น ที่ด้านนอกเขาก็ยังเตรียมพื้นที่สะท้อนใจให้เราได้เข้าไปพูดคุยกับเหล่าอาสาสมัครที่ผ่านการอบรม Deep Listening จาก OOCA เราสามารถเข้าไปแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกกันแบบสบาย ๆ งานนี้ใครที่กำลังว้าวุ่นกับเรื่องอะไรอยู่ก็สามารถไประบายให้เหล่าอาสาสมัครฟังได้เต็มที่ เขาพร้อมจะเป็นผู้ฟังที่ดีให้เราได้แน่นอน
aramarom: Therapeutic Space by Eyedropper Fill & OOCA ; 12 - 20 มิถุนายน 2564 ; River City Bangkok (11.00 - 20.00)
ไม่เสียค่าเข้าชม
รายละเอียดเพิ่มเติม:
Facebook: Eyedropper Fill
Facebook: Ooca