แกงหม้อใหญ่! 3 เรื่อง Gossip ที่คุณอาจไม่เคยรู้ใน Vatican Museum
พักเรื่องศาสนาซักครู่ แล้วมาเม้าท์ถึงเรื่องที่คนเค้าลือกัน
จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เกร็ดต่างๆ อาจถูกแต่งเสริมเพิ่มเติมต่อๆ กันมา
ขออนุญาตนำมาเล่าต่อ ให้วาติกันรอบนี้สนุกมากยิ่งขึ้น
เรื่องแบบนี้.. เรายังมีอีก ใครต้องการเนื้อหาลึกกว่านี้
ตามไปดูกัน
ขายใบไถ่บาป หนึ่งในชนวนเหตุที่เป็นจุดเริ่มการแยกนิกายในศาสนาคริสต์
เมื่อ Pope Julius II มีดำริว่าจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก่อนจะหมดสมัยแล้วตายจากไป โครงการรีโนเวทวาติกันแบบใหม่จึงเกิดขึ้น ด้วยความที่ว่า ถ้าจะสร้างบ้านของพระเจ้าทั้งทีจะธรรมดาไม่ได้ ต้องอลังการงานช้างเท่านั้น เล่นใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้เงินขนาดไหน แล้วจะระดมทุนจากชาวคริสต์ได้ยังไง!?
คำตอบที่ได้ คือการ 'ขายใบไถ่บาป'
- ทุกคนที่ตายไปต้องไปไฟชำระเพื่อล้างบาป แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณมาสารภาพบาป แล้วจ่ายเงิน เพื่อซื้อใบไถ่บาปในตอนนี้ บาปที่คุณมีจะลดลงไปตามสัดส่วน ซึ่งถือเป็นส่วนลดเวลาในไฟชำระที่ทำได้ทันที!
จนในที่สุด บาทหลวง Martin Luther ได้ออกมาเรียกร้องต่อต้านการขายใบไถ่บาปนี้ ด้วยการประกาศ 95 ญัตติที่ออกมาตั้งคำถามเพื่อต่อต้านศาสนา และต้องการที่จะชำระไบเบิ้ลในรูปแบบใหม่ จนเกิดเป็นการแยกนิกายออกมาเป็น โปรเตสแตนต์ (คัดค้าน ในภาษาอังกฤษ คือ Protest กลุ่มที่คัดค้านจึงเรียกว่า Protestant) หรือชาวคริสเตียน
จึงถือได้ว่าการรีโนเวทวาติกันในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในชนวนเหตุของการแยกนิกายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาของการปฏิรูปศาสนาคริสต์นั่นเอง
เมื่อ Bramante แกง Michelangelo แต่ผลลัพธ์ดันกลายเป็น 1 ในงานมาสเตอร์พีซระดับโลกไปซะงั้น !
Pope Sixtus IV มีคำสั่งสร้างวัดน้อยเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจส่วนตัว จนเกิดเป็นห้อง Sistine Chapel ห้องนี้ประกอบด้วยงานจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยเทคนิคการวาด Fresco แบบเรอเนอซองส์จำนวนหลายร้อยชิ้น จากศิลปินที่เข้ามาร่วมวาดหลากหลายคน และคนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Michelangelo ปรมจารย์ในยุคเรอเนอซองส์ คนนี้นี่เองที่ฟาดงานส่วนที่ยากที่สุดไป!
เปิดกล้องหน้าแล้วถ่ายเสยคางขึ้นบนเพดาน เราจะเห็นงานคุ้นตาเหมือนภาพวาดบนหน้าปกสังคม หรือมีมที่ร่อนกันเกลื่อนเนต The Creation of Adam หนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซของ Michelangelo ที่ความพิเศษไม่ได้อยู่ตรงพระเจ้าจิ้มนิ้วอดัมเพียงอย่างเดียว แต่คือตำแหน่งของภาพ ที่ปรากฎอยู่บนฝาผนังด้านบน ...ซึ่งคาดกันว่า ศิลปินน่าจะต้องนอนวาดภาพทั้งหมดนั่น อะไรมันจะต้องยากขนาดนี้!
ความแกงนี่เกิดขึ้น เมื่อ Bramante ซึ่งเป็นหัวหน้านักออกแบบหลักที่ควบคุมการรีโนเวทวาติกัน และเป็นคนสนิทของโป๊ป Julius II ได้ยินข่าวลือว่าอริที่แอบเขม่นหน้ากันอย่าง Michelangelo จะถูกโป๊ปเชิญมาสร้างงานในวัดน้อยแห่งนี้ Bramante จึงรีบกระซิบโป๊ปให้ มอบหมายงานรีโนเวทเพ้นท์เพดานของ Sistine Chapel ให้ Michelangelo สิ นางเก่งงง (ร้ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ศิลปินคนอื่นได้นั่งวาด ยืนวาด แต่ Michelangelo ต้องปีนนั่งร้านขึ้นไปนอนวาด)
ไม่มีใครวาดภาพบนเพดานออกมาได้ดีหรอก อย่างน้อยหน้าพระเจ้าก็ต้องมีเบี้ยวบ้าง หรือไม่ก็ตกนั่งร้านลงมาตุย สีหยดใส่ตาตาบอดกันไป / เสียงในใจบรามันเต้
แต่ปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์ ส่วนที่ยากที่สุดของห้อง กลายมาเป็นหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีซที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยภาพ The Creation of Adam ที่งดงามเต็มไปด้วยสัญญะ และเป็นหนึ่งในภาพที่โดดเด่นที่สุดของวัดน้อยแห่งนี้
พระคาร์ดินัลสั่งสร้าง Pieta ประดับหลุมศพ แต่ดั้นนนนมาสู่ขิตก่อนเวลาส่ง ใบควอเทชั่นถึงกับปลิว น้ำตาจะไหลเบิกเงินที่ไหนได้บ้างคะ
งานสลักหินอ่อน ประติมากรรมชิ้นเอกของมิเคลันเจโล ‘La Pieta’ (มาจาก Pitty ที่แปลว่าเวทนาสงสาร) เล่าถึงช่วงเวลาที่มีการปลดพระศพของพระเยซูลงจากกางเขน ในท่าร่างที่สิ้นพระชนม์อยู่ในอ้อมอกของพระแม่มารีผู้เป็นแม่ ถือเป็นฉากหนึ่งในไบเบิ้ลที่สลดหดหู่ และโศกเศร้าที่สุด
เมื่อพระคาร์ดินัล Jean de Bilhères ว่าจ้างศิลปินเอกอย่าง Michelangelo ให้สร้างรูปสลักหินอ่อน Pieta เพื่อจะนำไปประดับเป็นอนุสรณ์สำหรับงานศพของตัวเอง เรียกว่าพระคาดินาร์พร้อมเปย์ ค่าจ้างแพงยับ เพราะเป็นงานแกะสลักชิ้นใหญ่อลังการ และมาพร้อมข้อตกลง คือศิลปินจะต้องสร้างเสร็จ พร้อมส่งงานภายใน 12 เดือนเท่านั้น จึงจะได้รับเงินตอบแทนตามที่ตกลงไว้
ปรากฎว่า 1 ปีผ่านไป Michelangelo ทำเสร็จตามเวลาเป๊ะ! แต่คนที่ไม่เป๊ะคือพระคาร์ดินัลที่ดันมาสู่ขิตก่อนวันนัดส่งงานล่วงหน้าไป 3 สัปดาห์ ใบควอเทชั่นในมือถึงกับปลิว
สุดท้ายบ้านหลังแรกของ Pieta ก็ตั้งอยู่ที่โบสถ์น้อยของ Santa Petronilla ด้านใต้ของมหาวิหารนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นที่ที่พระคาร์ดินัลเลือกไว้เป็นที่ฝังศพ แต่ต่อมาโบสถ์น้อยได้ถูกรื้อถอนไปขณะสร้างมหาวิหารใหม่ จึงถูกนำมาตั้งอยู่กลาง St. Peter’s Basillica ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่คนบาบาร่าชาวออสเตรเลียทุบทำลาย Pieta จึงถูกย้ายอีกครั้งมาเป็นที่ปัจจุบัน พร้อมมีกระจกกันกระสุนกั้นไว้อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้
ตามไปดูดู Self-Quarantour ตอน Vatican City นำโดย Farose กันอีกครั้งที่ Facebook Groundcontrol