เมืองหม่น ๆ ของชีวิตแรงงานวุ่น ๆ ในภาพวาดหลายร้อยล้านบาทของ L.S Lowry ศิลปินที่รักยิ่งของชาวอังกฤษ
ถึงจะไม่ได้อยู่ในยุคเดียวกัน หลายคนก็รู้สึกเชื่อมโยงกับภาพวาดของศิลปินชาวอังกฤษอย่าง L.S. Lowry หรือ Laurence Stephen Lowry ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาจเป็นภาพคนพลุกพล่านที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานในเมืองที่รีบเร่ง อาจเป็นภาพมนุษย์เงินเดือนที่วิ่งสุดชีวิตเพื่อให้ทันรอบรถไฟ หรืออาจเป็นภาพที่ดูอบอุ่นด้วยบรรยากาศใกล้คริสมาสต์อีฟแต่กลับเหงาหงอยเพราะอยู่ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ ซึ่งภาพทรงจำเหงา ๆ วุ่น ๆ เช่นนี้มีที่มาจากตัวของเขาเองทั้งนั้น
L.S Lowry เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง ณ ชานเมืองแมนเชสเตอร์อันงดงาม แต่เขาจำต้องย้ายมายังเขตอุตสาหกรรมอย่างเพนเดิลเบอร์รี่และออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 16 ปี เพราะทางบ้านประสบปัญหาด้านการเงิน ในช่วงวัยเด็กของเขา Lowry จึงค่อนข้างปลีกวิเวกจากคนอื่น ๆ เพราะอาการออทิสติกชนิดแอสเพอร์เกอร์ที่เขาเป็นอยู่และความกดดันจากทางบ้านที่อยากให้มีอาชีพที่มั่นคง
แต่ก็เพราะปัญหาที่ครอบครัวประสบนั่นแหละ อาชีพแรกและเกือบจะทั้งชีวิตของเขาจึงคือการเป็นพนักงานเก็บค่าเช่าเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัวและนำไปเรียนศิลปะเล็ก ๆ น้อย ๆ กับศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ชาวฝรั่งเศส
หลายคนอาจรู้สึกแปลกใจว่าในเมื่อไปเรียนกับศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ ทำไมภาพวาดของเขาจึงต่างกันลิบลับกับงานของเดอร์กา โมเนต์ ฯลฯ นั่นเพราะเขาไม่ได้หยิบสีสันและวิธีการวาดแบบลัทธิศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์มาใช้ในงาน แต่หยิบแนวคิดการวาดภาพวิถีชีวิตสมัยใหม่มาสร้างผลงานมากกว่า ซึ่งวิถีชีวิตที่เขาเห็นและประสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคือวิถีชีวิตของชนชั้นแรงงานที่ต้องก้มหน้างก ๆ ทำงานแลกข้าวไปวัน ๆ ประกอบกับเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต แม่ของเขายังป่วยหนัก หนี้สินของครอบครัวมากเกินจะใช้คืน จึงไม่แปลกใจหาก Lowry จะวาดภาพวาดแสนหม่นสะท้อนเมืองที่เขาอยู่และปัญหาที่เผชิญ
แม้นักวิจารณ์บางคนจะบอกว่าภาพของเขาดูไร้เดียงสาด้วยเอกลักษณ์การใช้สี การวาดตัวคน และการสร้างแสงเงา แต่เพราะเรื่องราวที่ใครต่อใครก็เข้าถึงได้ในภาพของเขานี่แหละที่ทำให้ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ภาพของเขาก็ยังคงทัชใจคนได้เสมอ จนราคาประมูลภาพของเขาที่สูงที่สุดไปแตะอยู่ที่ 5.6 ล้านปอนด์ หรือ 250 กว่าล้านบาท!