มิวสิควีดีโอเพลง ‘Problem’ ของ Ariana Grande, เพลง ‘Stay Gold’ ของวง BTS, เพลง ‘CALL CALL CALL!’ ของวง SEVENTEEN, ซีรี่ส์คุณภาพ ‘Itaewon Class (2020)’ หรือแม้แต่ล่าสุดกับภาพยนตร์อนิเมชั่นสุดน่ารักอย่าง ‘LUCA’ เหล่านี้คือตัวอย่างเพียงบางส่วนที่มีรถสกู๊ตเตอร์สองล้อดีไซน์สวยอย่าง Vespa ปรากฏตัวร่วมซีนเป็นพาหนะคู่ใจของเหล่าดารานักร้องในสื่อกระแสหลักปัจจุบันมากมาย

มิวสิควีดีโอเพลง ‘Problem’ ของ Ariana Grande, เพลง ‘Stay Gold’ ของวง BTS, เพลง ‘CALL CALL CALL!’ ของวง SEVENTEEN, ซีรี่ส์คุณภาพ ‘Itaewon Class (2020)’ หรือแม้แต่ล่าสุดกับภาพยนตร์อนิเมชั่นสุดน่ารักอย่าง ‘LUCA’ เหล่านี้คือตัวอย่างเพียงบางส่วนที่มีรถสกู๊ตเตอร์สองล้อดีไซน์สวยอย่าง Vespa ปรากฏตัวร่วมซีนเป็นพาหนะคู่ใจของเหล่าดารานักร้องในสื่อกระแสหลักปัจจุบันมากมาย

ขี่สกู๊ตเตอร์ซอกแซกตามรอยป็อปคัลเจอร์ พร้อมปักหมุดที่เที่ยวทั่วโลก

มิวสิควีดีโอเพลง ‘Problem’ ของ Ariana Grande, เพลง ‘Stay Gold’ ของวง BTS, เพลง ‘CALL CALL CALL!’ ของวง SEVENTEEN, ซีรี่ส์คุณภาพ ‘Itaewon Class (2020)’ หรือแม้แต่ล่าสุดกับภาพยนตร์อนิเมชั่นสุดน่ารักอย่าง ‘LUCA’ เหล่านี้คือตัวอย่างเพียงบางส่วนที่มีรถสกู๊ตเตอร์สองล้อดีไซน์สวยอย่าง Vespa ปรากฏตัวร่วมซีนเป็นพาหนะคู่ใจของเหล่าดารานักร้องในสื่อกระแสหลักปัจจุบันมากมาย

หลังจากที่เราออกทริปทิพย์ท่องเที่ยวทั่วโลกไปพร้อม ๆ กันใน Self-Quarantour ตอน Around the World with My Scooter ร่วมกับ3 ไกด์หัวในวัย Young พี่จ่อย - สเริงรงค์ วงษ์สวรรค์ จาก Rubber Killer, พี่ตู้ - พงษ์ภัทร ประทุมสุวรรณ ช่างภาพอิสระ และ ย้วย - นภษร ศรีวิลาศ จากเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อ กันไปแล้ว เราก็ได้เห็นว่าการปรากฏตัวของเจ้า Vespa ในป็อปคัลเจอร์เหล่านี้ ไม่ได้มีหน้าที่เพียงประดับฉาก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการและอิทธิพลต่อไลฟ์สไตล์ของรถสกู๊ตเตอร์สัญชาติประเทศอิตาเลียนที่ยังคงมีความคลาสสิคอยู่เหนือกาลเวลาทุกยุคทุกสมัย แม้จะเดินทางมาร่วม 75 ปี นอกจากนั้น การมีอยู่ของรถสองล้อคู่ใจอย่าง Vespa ยังเป็นหมุดหมายที่สำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์ยานยนต์และการขนส่งของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ

GroundControl ขอเชิญทุกคนมาปักหมุดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อย้อนดูประวัติศาสตร์อันงดงามของสองล้อสุดคลาสสิค และตามรอยสถานที่ในป็อปคัลเจอร์ต่าง ๆ ตั้งแต่ในภาพยนตร์คลาสสิคอย่าง ‘Roman Holiday (1953)’ ไปจนถึงซีรีส์เกาหลียอดนิยมอย่าง ‘Goblin (2016)’ 

📍 To Rome with Love

เมื่อพูดถึงซีนขี่สกู๊ตเตอร์ในป็อปคัลเจอร์แล้ว แน่นอนว่าภาพของดาราสาวคนสวยอย่าง Audrey Hepburn ที่เล่นเป็นเจ้าหญิง Ann ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Roman Holiday (1953)’ น่าจะเป็นภาพแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง กับเรื่องราวอันแสนน่ารักชวนจิ้นระหว่างเจ้าหญิง Ann และนักข่าวหนุ่ม Joe Bradley (แสดงโดย Gregory Peck) ที่ขี่ Vespa ออกท่องเที่ยวผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ใน City Center กรุงโรม ประเทศอิตาลีจนเกิดเป็นกระแสให้นักท่องเที่ยวต้องมาตามรอยขอเปรี้ยวซ่าขี่เวสป้าท่องโรมกันบ้าง ซึ่งหลาย ๆ สถานที่ในโรมก็ยังคงอนุรักษ์สภาพสิ่งก่อสร้างได้สมบูรณ์ ไม่ต่างจากที่เราเห็นในหนัง Roman Holiday ที่เข้าฉายตั้งแต่ปี 1953 

โดยคู่พระนางเริ่มออกสตาร์ทกันตั้งแต่บริเวณ Piazza Venezia ซึ่งจะมีอาคารหินอ่อนแบบคลาสสิกขนาดใหญ่อย่าง Altare della Patria เป็นจุดแลนด์มาร์คที่สำคัญ โดยอาคารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ปฐมกษัตริย์ของอิตาลีและทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อาคารนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในกรุงโรม โดยริเวณด้านหน้ามีอนุสรณ์ของ Victor Emmanuel II กษัตริย์องค์แรกที่รวบรวมประเทศอิตาลีให้เป็นหนึ่งเดียว ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบของโรมเลยทีเดียว

ต่อจากนั้นทั้งคู่ก็ขี่ผ่านบริเวณ Chiesa del Gesu โบสถ์ของเยซูอิตที่แรกในโรม ถูกสร้างตั้งแต่เกือบ 500 ปีที่แล้ว และถูกยกย่องให้เป็นในหนึ่งโบสถ์ที่เป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรม Roman Baroque ที่ดีที่สุดในโลก

หลังจากซิกแซกไปในใจกลางเมืองหนีคุณตำรวจอย่างสนุกสนาน เจ้าหญิง Ann และ Joe Bradley จึงกลับมาโผล่ที่บริเวณหน้า Scalinata dell’Ara Coeli หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Basilica of Santa Maria in Aracoeli มหาวิหารที่ประทับของไม้แกะสลักรูป Child Jesus ซึ่งถูกห่อด้วยผ้าทอง ใส่มงกุฏที่ถูกประดับประดาไปด้วยอัญมณีมากมายที่ได้รับมาจากเหล่าผู้ศรัทธา โดยไม้แกะสลักรูป Child Jesus นี้ ชาวบ้านในอดีตจนถึงปัจจุบันเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก สามารถรักษาโรคและความป่วยไข้ต่าง ๆ ได้ ในแต่ละปีจะมีคนเขียนจดหมายมาขอพรกับ Child Jesus ที่นี่เยอะมาก ๆ แต่ทุกฉบับจะถูกเผาทิ้งไปเรื่อย ๆ โดยไม่ถูกเปิดซอง เพราะพวกเขาเชื่อว่า อะไรก็ตามที่ถูกเขียนไว้นั้นจะเป็นเรื่องที่รู้กันระหว่างคนเขียนกับ Child Jesus เท่านั้น

แม้ซีนขี่ Vespa ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะปรากฏออกมาเพียงสั้น ๆ แต่มันกลับจุดกระแสให้ Vespa เข้ามาอยู่ในใจหนุ่มสาวทั่วโลก โดยเฉพาะ Vespa รุ่น 125 cc ปี 1951 ที่ขายดีจนมียอดขายทั่วโลกไปไม่ต่ำกว่าแสนคัน ดังไปทั่วโลกจนนิตยสาร Time Magazine ประเทศอังกฤษเคยกล่าวไว้ว่า “มันคือผลิตภัณฑ์ที่เป็นอิตาเลียนแท้ ๆ อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาตั้งแต่รถม้าโรมัน!”

📍 Tuscany with History

นอกจากกรุงโรมแล้ว แคว้นทัสคานีก็เป็นอีกแลนด์มาร์คท่องเที่ยวในประเทศอิตาลีที่เราไม่ควรพลาด เพราะนอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมและอารยธรรมอันเก่าแก่ ถือเป็นบ้านเกิดแห่งศิลปะยุค Italian Renaissance ที่ทรงอิทธิพลต่องานศิลปะทั่วยุโรป และสำหรับสาวกสองล้อแล้วนั้น ที่นี่ยังมีเมือง Pontedera ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบริษัท Piaggio ผู้ผลิต Vespa นั่นเอง

Vespa (แปลว่า ตัวต่อ ในภาษาอิตาเลียน) ถือกำเนิดขึ้นจากการพัฒนาของบริษัท Piaggio ซึ่งเน้นผลิตเครื่องบินในหลากหลายรูปแบบ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง Enrico Piaggio ลูกชายของบริษัทจึงเกิดไอเดียที่จะสกู๊ตเตอร์ในรูปแบบรถยนต์สองล้อ (Car On 2 Wheels) เป็นพาหนะที่มีความคล่องตัวแบบมอเตอร์ไซค์ แต่มีความสะดวกสบายเหมือนรถยนต์ โดยในการออกแบบ Vespa รุ่นแรก คนขี่จะสามารถวางเท้าขี่นั่งขาคู่ มีเบรกเท้า ซึ่งต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไปในยุคนั้นที่ยังต้องเบรกด้วยมือเท่านั้น 

แม้ Vespa จะส่งอิทธิพลในด้านสไตล์และความอิสระในการขับขี่ไปทั่วโลก แต่ในปัจจุบันที่เมือง Pontedera เองก็ยังคงสืบสานตำนานความยิ่งใหญ่ของสกู๊ตเตอร์สองล้อนี้ต่อไป โดยในเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ Museo Piaggio พิพิธภัณฑ์ที่อนุรักษ์และรวบรวมการเดินทางทางพัฒนาการยานยนต์ของบริษัท Piaggioในฐานะหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลี โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกเปิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2018 และเป็นศูนย์กลางที่รวมรวมเวสป้าได้ครบรุ่นที่สุด

การมาเยี่ยมชมแห่งนี้จึงไม่ใช่แค่การมาดูยานยนต์หรือประวัติของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเชื่อโยงกับประวัติศาสตร์ประเทศอิตาลีในด้านการเดินทางและการขนส่ง เพราะบริษัท Piaggio เองก็ไม่ได้มีเพียงรถสองล้อ แต่ยังผลิตเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ด้วย ซึ่งเมื่อเรานำดีไซน์ของ Vespa ตลอด 70 กว่าปีมาวางเรียงกัน ก็จะพบว่าสกู๊ตเตอร์ทุกคันคือประวัติศาสตร์งานออกแบบที่สะท้อนเทรนด์ของแต่ละยุคสมัย สะท้อนวิวัฒนาการศาสตร์แห่งการออกแบบตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน

โดยความพิเศษของการมาเยี่ยมชม Museo Piaggio คือการที่เราจะได้เห็นโปรโตไทป์ Vespa MP5 หรือเรียกชื่อเล่นว่า Paperino ที่ถูกผลิตตั้งแต่ปี 1943 - 1944 ที่เดียวในโลก และยังเป็นที่จัดแสดงรถ Vespa ที่ถูกเซ็นชื่อและตกแต่งโดยศิลปิน Surrealist ชื่อดังอย่าง Salvador Dalí ในช่วงปี 1962 รวมทั้ง Vespa คันที่ Audrey Hepburn ขี่ในภาพยนตร์เรื่อง Roman Holiday เองก็ถูกเก็บรักษาอยู่ที่นี่ด้วย

📍 One-Day Trip in Chiang Mai

หลังจากความนิยมของ Vespa ในต่างประเทศค่อย ๆ แผ่ขยายเข้ามาเมืองไทย เชียงใหม่ในอดีตกลายเป็นเหมือนเมืองหลวงของเหล่าคนรัก Vespa เห็นได้จากคอมมูนิตี้คนรักสกู๊ตเตอร์สองล้อนี้ที่ขยายตัวไปทั่วเมือง ก่อให้เกิดเป็นแหล่งรวมตัวและร้านซ่อมซื้อขายรถสองล้อมากมาย ที่แม้แต่คนกรุงเทพฯ ที่อยากครอบครอง Vespa ยังต้องติดต่อซื้อขายมาจากเชียงใหม่นั่นเอง 

นอกจากนั้น Vespa ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนที่มีสไตล์ เห็นได้จากคำพูดติดปากของคนในยุคนั้นที่เคยพูดกันไว้ว่า “มีขุนแผนเต็มตะกร้า ไม่เท่ามี Vespa สักคัน” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมของมันที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับคนที่ครอบครองได้เป็นอย่างดี

ด้วยลักษณะความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภูมิประเทศ การท่องเที่ยวด้วยรถ Vespa จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะใช้ท่องเที่ยวแบบ One-Day Trip ไปในเขตเมืองและพื้นที่ธรรมชาตินอกตัวเมือง

และหากได้มีโอกาสพาสกู๊ตเตอร์คันโปรดขึ้นไปเชียงใหม่แล้ว เจ้าถิ่นอย่าง พี่จ่อย-สเริงรงค์ วงษ์สวรรค์ ก็แนะนำเส้นทางที่รับประกันความสนุกบนเส้นทางสำหรับเจ้าสองล้อ เริ่มต้นที่ร้านขวัญใจคนฮิปอย่าง Rubber Killer Flagship Store ถนนนิมมานเหมินท์ แล้วจึงเข้าสู่เขตคูเมืองเก่า และแวะไหว้พระที่วัดพระสิงห์ อีกหนึ่งวัดสำคัญของเชียงใหม่ที่ถูกก่อสร้างตามแนวสถาปัตยกรรมล้านนาดั้งเดิม และยังเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ พระสิงห์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่

ถัดมาไม่ไกลจะเข้าสู่บริเวณถนนช้างม่อย และตรอกเล่าโจ๊ว แหล่งค้าขายของชุมชนชาวจีนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘ไชน่าทาวน์ของเชียงใหม่’ ให้เราสามารถเดินเล่นแวะช็อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ ทั้งเสื้อผ้าพื้นเมือง และเครื่องประดับ ของแฮนด์เมด เช่น เครื่องเงิน เครื่องประดับ พวงกุญแจ 

ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่และไปต่อทางทิศเหนือเพื่อเข้าสู่อำเภอแม่ริม เริ่มต้นที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เพื่อแวะเยี่ยมชมพรรณไม้ในเรือนกระจกที่มีความหลากหลายและสวยงาม และเดินชมวิวธรรมชาติที่ Canopy Walkway ต่อจากนั้นถึงไปกันต่อที่ Tune In Garden ร้านอาหารกลางป่า ที่ซึ่งเป็นบ้านของศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ผู้ล่วงลับอย่าง 'รงค์ วงษ์สวรรค์ เพื่อสัมผัสความร่มเย็นของแมกไม้ และแวะรับประทานอาหารกลางป่า 

ปิดท้าย One-Day Trip กันที่วัดที่มีความสำคัญในอำเภอหางดงอย่างวัดต้นเกว๋น วัดเก่าแก่ที่มีลักษณะงดงามตามลักษณะศิลปะแบบล้านนา โดยความสวยงามและความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมวัดต้นเกว๋นนี้เอง ก็ทำให้วัดแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่

📍 Romantic Night in Bangkok

ด้วยลักษณะผังเมืองที่เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยเล็ก ๆ กรุงเทพฯ จึงเป็นอีกหนึ่งเมืองมีการใช้สกู๊ตเตอร์เพื่อการเดินทางและขนส่งมากมาย สะดวกต่อการซอกแซกพาสาวขึ้นซ้อนท้าย Vespa ออกเดทแบบคูล ๆ ยามค่ำคืนตามเส้นเมืองเก่า

แล้วใครเล่าจะนำพาพวกเราเที่ยวกรุงเทพแบบซอกแซกบนสองล้อยามค่ำคืนได้ดีเท่าพี่ตู้ - พงษ์ภัทร พงษ์สุวรรณ โดยเฉพาะในเรื่องของการมัดใจสาวแล้วนั้น พี่ตู้แนะนำว่าควรเริ่มออกเดินทางกันที่บริเวณป้อมพระสุเมรุ หนึ่งในสองป้อมปราการที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และยังคงเหลืออยู่ของฝั่งพระนคร ที่ป้อมปราการแห่งนี้เป็นที่ตั้งของพลับพลาพระที่นั่งสันติชัยปราการ และภายหลัง บริเวณโดยรอบยังถูกปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะที่รู้จักกันดีในชื่อ สวนสันติชัยปราการ ซึ่งรอบ ๆ บริเวณนี้จะมีร้านอาหารและบาร์เล็ก ๆ ที่เป็นแหล่งรวมตัวของทั้งคนไทยคนต่างชาติมากมาย เพราะมีทั้งอาหารอร่อยและดนตรีสดดี ๆ ในบรรยากาศกรุงเทพฯแบบดั้งเดิม

ไปต่อกันที่ตลาดมืดคลองถม หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ ตลาดไฟฉาย ให้ได้เพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอย แหล่งช็อปปิ้งยามค่ำคืนที่ตั้งอยู่บริเวณถนนเสือป่า โรงพยาบาลกลาง ขวัญใจคนรักของมือสองที่มีตำนานกว่า 30 ปี เหล่าคนรักรถ Vespa สามารถมาเดินเลือกซื้ออะไหล่รถ และของมือสองอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องเสียง อุปกรณ์เดินป่า ของสะสม และของจิปาถะอีกมากมายได้ในราคาเบา ๆ

ปิดท้ายการออกเดทแบบคนมีสไตล์กันที่ย่านตลาดน้อยและรอบ ๆ ถนนเจริญกรุง ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ โดยถนนเจริญกรุงถือเป็นถนนแบบตะวันตกสายแรกของไทย ตัดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้รับการยอมรับว่าเป็นถนนที่กว้างและยาวที่สุดในขณะนั้น ซึ่งชื่อเจริญกรุงก็หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองนั่นเอง

เราอาจกล่าวได้ว่าย่านนี้คือตัวแทนการผสมผสานระหว่างความเก่าและใหม่ของกรุงเทพฯอย่างลงตัว ยังคงเสน่ห์น่าค้นหา และความงามแบบคลาสสิคที่มองไปกี่ครั้งก็ยังดูเท่และเป็นเอกลักษณ์ ไม่ต่างจากความเท่ของ Vespa ที่อยู่เหนือกาลเวลาในทุกยุคทุกสมัย

📍 Saranghae in Style at Seoul

ตลอด 75 ปีของการเดินทาง Vespa ยังคงส่งอิทธิพลต่อป็อปคัลเจอร์ทั่วโลกไม่เสื่อมคลาย เห็นได้จากการปรากฏตัวในสื่อกระแสหลักอย่างมิวสิควีดีโอเพลง ‘Problem’ ของ Ariana Grande และการร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นเหนือกาลเวลาจากประเทศฝรั่งเศสอย่าง CHRISTIAN DIOR หรือแม้แต่ล่าสุดกับภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง ‘LUCA’ ในแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงอย่าง Disney+ 

อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในปัจจุบัน วงการบันเทิงจากฝั่งประเทศเกาหลีใต้เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาต่อซีนป็อปคัลเจอร์ของโลก ดังนั้น เราจึงเห็น Vespa ไปปรากฏตัวในมิวสิควีดีโอมากมาย ทั้งในเพลง ‘Stay Gold’ ของวง BTS และเพลง ‘CALL CALL CALL!’ ของวง SEVENTEEN นอกจากจะปรากฏตัวในสื่อกระแสหลักแล้ว สมาชิกวง EXO อย่างชานยอลและแบคฮยอนยังมีภาพคู่กับรถ Vespa เป็นประจำ ถือเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่หลงเสน่ห์ความคลาสสิคของรถสองล้อนี้ จนมี Vespa ในครอบครองถึง 3 คันด้วยกัน ทั้งสีครีม สีขาว และสีฟ้า

นอกจากวงการดนตรีแล้ว ในวงการซีรี่ส์ Vespa ก็ฮอตฮิตไม่ต่างกัน เห็นได้จากซีรี่ส์อย่าง ‘Prime Minister & I (2013)’, ‘My First First Love (2019)’, ‘Catch the Ghost (2019)’ หรือแม้แต่ในซีรี่ส์ยอดฮิตขวัญใจคนไทยอย่าง ‘Itaewon Class (2020)’

ซึ่งเหล่าเจ้า Vespa ที่อยู่ในซีรีส์ก็ไม่ได้มีไว้เพียงประกอบฉาก แต่ยังมีหน้าที่พาเราเลี้ยวซอกซอยถนน ตามสไตล์บ้านของคนเกาหลีที่อยู่กันอย่างหนาแน่น 

ซึ่งย้วย - นภษร ศรีวิลาศ จากเพจน้องนอนในห้องลองเสื้อ ในฐานะแฟนคลับซีรีส์เกาหลีตัวยง ก็ได้มาแชร์ย่านชวนฝันประหนึ่งเป็นนางเอกเกาหลี โดยเริ่มต้นทริปที่ย่าน Tongui-dong ที่เต็มไปด้วยร้านเช่าชุดฮันบกสไตล์เกาหลีให้เหล่านักท่องเที่ยวอย่างเราได้เช่าก่อนออกเที่ยวกันที่พระราชวังเคียงบกกุง หนึ่งในห้าพระราชวังที่สำคัญที่สุดของเกาหลี โดยพระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล ถูกสร้างขึ้นในปี 1394 ในรัชสมัยพระเจ้าแทโจ ผู้ก่อตั้งและปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน ซึ่งนอกจากพระราชวังแห่งนี้จะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ส์ชื่อดังอย่าง ‘Goblin (2016)’ และ ‘Kingdom (2019-)’ ด้วย โดยหากเราสวมชุดฮันบกมาที่พระราชวังแห่งนี้ เราจะได้รับการยกเว้นค่าเข้าชมและสามารถเข้าได้แบบฟรี ๆ

เดินต่อมาอีกนิด จะถึงย่านสุดฮิปขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่างย่าน Ikseondong ย่านที่นำหมู่บ้าน Hanok Village สไตล์ดั้งเดิมมาดัดแปลงเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้า ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ มีลักษณะเป็นตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยบ้านฮันนก บ้านสไตล์ดั้งเดิมของเกาหลีกว่าร้อยหลัง ที่ได้รับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของเมืองไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยราชวงศ์โชซอน 600 กว่าปีก่อน ปัจจุบันย่านนี้เป็นเหมือนแหล่งรวมตัวของเหล่านักออกแบบและคนทำงานสร้างสรรค์มากมาย และเป็นแหล่งแฮงก์เอาต์ยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ รวมถึงเป็นสถานที่ถ่ายทำสุดฮิตของวงการบันเทิงในประเทศเกาหลีมากมาย เห็นได้จากซีนตรอกซอกซอยที่เต็มไปด้วยบ้านที่มุงหลังคาด้วยฟาง หญ้า ก้อนกรวด ก้อนหิน หรือกระเบื้อง ที่ปรากฏในซี่รี่ส์ดังหลายเรื่อง เช่น ‘True Beauty (2021)’ และ ‘Hello, Me (2021)’

ด้วยลักษณะของกรุงโซลที่เต็มไปด้วยซอยเล็ก ๆ มากมาย ทำให้การเดินทางด้วยสกู๊ตเตอร์ก็เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่คนเมืองนิยมใช้กัน เพราะได้ทั้งความสะดวกสบาย ความปราดเปรียว ที่สามารถพาเราทะลุตรอกซอกซอยไปในที่ที่รถยนต์เข้าไม่ถึง รวมทั้งยังมีดีไซน์ที่สวยงามอยู่เหนือกาลเวลา เหมาะกับทุกเพศทุกวัย สามารถเข้าไปมีอิทธิพลในป็อปคัลเจอร์อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้เองคงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Vespa ยังครองใจและเข้ามาอยู่ในไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของคนรุ่นใหม่อย่างไม่เสื่อมคลาย

รับชมรายการ Self-Quarantour EP. Around the World With My Scooter เต็ม ๆ ได้ที่: