แสงแห่งความหวังและความงดงามของชีวิตในงานศิลปะของ her.
เชื่อว่าใครก็ตามที่กำลังเจอเรื่องหนักหนาสาหัสอยู่แล้วได้เห็นผลงานศิลปะหลากหลายแบบของ ‘เพลง–พัชราภรณ์ ควรสงวน’ หรือศิลปินเจ้าของลายเซ็น her. คงจะรู้สึกสงบ อบอุ่น และได้กลับมาดูแลหัวจิตหัวใจของตัวเองอีกครั้ง เพราะทุกงานที่เธอรังสรรค์ออกมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอะไรบางอย่างที่ทำให้เราหวนกลับมาดูและเด็กน้อยในหังใจของเราเอง
ไม่ว่าจะเป็นสมุดทำมือ งานตัดแปะ งานประกอบใดๆ ก็ตาม เอกลักษณ์ที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนคือการเลือกสรรวัสดุและการใช้แสงไฟ เหมือนเรากำลังจ้องมองไปยังฉากในหนัง ซึ่งการเป็นบัณฑิตเอกการละคร คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรและการเป็นลูกของแม่ที่หลงรักงานทำมือคงมีผลต่อสิ่งนี้ไม่น้อย
“เราชอบทำงานทำมืออยู่แล้วแต่จุดเปลี่ยนสำคัญน่าจะเกิดขึ้นช่วงที่เราเรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 เราเริ่มทำสมุดทำมือหรือ journal ของตัวเองเป็นเล่มแรกเพื่อบันทึกเรื่องราวของเรา” ความน่าสนใจอยู่ตรงที่เพลงไม่ได้แค่เขียน journal เท่านั้น แต่เธอจะวาดภาพ เเปะดอกไม้ใบไม้แห้ง บางหน้าก็ทำเป็นงานป็อปอัพด้วย หลังจากทำงานทำมือให้ตัวเองอยู่นาน ช่วงสิ้นปี 2563 เพลงก็เริ่มทำการ์ดปีใหม่มอบให้คนรอบกายในสไตล์ตัดแปะ เย็บ และวาดเมื่อมีผลงานมากพอ เธอจึงเริ่มเดบิวต์ในฐานะ her. และมีโอกาสรับงานสมุดทำมือและงานศิลปะรูปแบบอื่นๆ
“ชื่อว่า ‘her.’ เริ่มมาจากคำว่า ‘her tear’ ที่หมายถึงน้ำตา เพราะตอนทำสมุดทำมือของตัวเองเป็นช่วงที่เราเจอเหตุการณ์พลิกผันจนไม่มั่นใจและไม่ไว้ใจโลกเเละคนอื่นๆ สมุดทำมือเล่มแรกเล่มนั้นจึงคือการสร้างโลกใบเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมา ตอนนั้นคิดว่าถ้ามีร้าน เราจะตั้งชื่อว่า ‘her tear’เเต่พอเวลาผ่านไปกลับรู้สึกว่าเราเริ่มต้นสร้างงานจากความเศร้าเเละรอยน้ำตาก็จริง เเต่ตอนนี้เราเติบโต ก้าวผ่าน เเละมองเห็นรอยยิ้มที่งดงามของชีวิตอีกครั้งแล้ว เราเลยตั้งว่า ‘her.’ ที่หมายถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่จะสุข เศร้า หรือเป็นแบบไหนก็ได้ เพราะเราอยากให้ her. เป็นตัวเเทนที่พร้อมจะเปลี่ยนเเปลงเเละเติบโตไปด้วยกัน”
นอกจากนั้น ‘her’ ยังเป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 ซึ่งคล้ายกับมุมมอง Bird Eye View ซึ่งเพลงได้แรงบันดาลใจมาจากนักเขียนชื่อก้องโลกอย่าง ‘มุราคามิ’ ที่มักจะใช้สรรพนามว่า ‘เขา’ หรือ ‘เธอ’ ในงานเขียน เพลงบอกว่ามุมมองนี้เองที่ช่วยทำให้เธอหรือหลายคนค่อยๆ ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวเพื่อเตือนสติตัวเองเมื่อจมอยู่กับความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งเป็นข้อความที่เพลงอยากสื่อสารในผลงานของเธอทุกชิ้น
เพลงมักสร้างผลงานขึ้นจากตัวเธอเองหรือสิ่งที่ได้พบเจอจากการดูหนัง อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง จุดร่วมของทุกงานคือการหยิบใช้กระดาษประเภทต่างๆ มาผสมผสานกับดอกไม้ สีอะคริลิกหรือสีไม้คริสตัล ดินปั้นญี่ปุ่น และเปเปอร์มาเช่ ทั้งหมดนี้ผสานรวมกันเป็นผลงานศิลปะที่ทำให้เราเหมือนเป็นผู้ชมคนหนึ่งที่รอนักแสดงขึ้นเวที
“เราชอบตอนที่เราได้ทำละครเวทีมากและยังคงอยากทำอยู่ตลอด แต่สิ่งที่เรากำลังทำตอนนี้มันก็ไม่ได้ต่างไปมาก เพียงแค่เปลี่ยนการสื่อเเสดงบนหน้าเวทีเป็นบนหน้ากระดาษเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมที่ทุกคนจะสัมผัสได้เพียงครั้งเดียว” เรียกว่าแต่ละชิ้นงานของเธอนั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดและการคิดอย่างรอบคอบ เราจึงอยากพาทุกคนไปสำรวจที่มาและกระบวนการของเธอกัน
‘The ocean of life’ — Zine by her. คือ zine เล่มแรกของเพลงที่สร้างขึ้นหลังจากกลับมารู้สึกแปลกแยกกับชีวิตอีกครั้ง เพลงเล่าว่าเธอกลับไปเปิดอ่าน journal ที่บันทึกไว้ในช่วงเวลาหลายปี ขณะที่ค่อยๆ สำรวจความคิดของตัวเองในอดีตอยู่นั้น เธอก็ได้ข้อคิดและแรงบันดาลใจบางอย่าง
‘..เพราะไม่ว่า เรื่องที่น่ายินดีหรือเลวร้าย ทุกอย่างจะถูกวันเวลาทับถม ทับถมไปเรื่อยๆ พอมองย้อนกลับมาอีกที (อาจจะในมุมที่สูงขี้นมาหน่อย) ทุกสิ่งได้กลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ ของมหาสมุทรแห่งชีวิต’ นี่คือข้อความอันเป็นคีย์หลักของ zine เล่มนี้
“เราเลือกบางช่วงเวลาที่มีทั้งเจ็บปวดเเละความสุข เพื่อเตือนตัวเองว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไป ตอนที่สุขก็ไม่อยากให้ยึดถือความสุขนั้นเกินไป เเละในตอนที่ทุกข์ มันยิ่งทำให้เห็นชัดว่าเมื่อเรามองกลับไป ทุกสิ่งจะหลงเหลือเพียงความทรงจำแต่เรากลับไม่ได้รู้สึกถึงมันอีกเเล้ว
“สิ่งที่เราอยากสื่อสารตรงนั้นเลยเป็นที่มาของการใช้กระดาษโปร่งเเสงทั้งเล่ม เพราะไม่ว่าจะเขียนอะไรลงไปที่หน้าไหน เมื่อมองรวมๆ เเล้ว มันจะทับซ้อนกันเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวไม่อาจเเบ่งเเยก เหมือนกับความทรงจำของคนเราที่ผสมปนเปจนเเยกไม่ออก”
อีกความตั้งใจหนึ่งของการทำ zine เล่มนี้ขึ้นมากคือเพลงอยากให้ zine เล่มนี้คล้ายกับเป็น therapy zine ที่ทุกคนใช้งานได้จริง ด้านในของ zine จึงไม่ได้อัดแน่นด้วยเนื้อหา แต่เต็มไปด้วยหน้าว่างๆ ให้คนได้บันทึกความในใจ
"หากวันใดที่คุณอยากเขียนกลุ่มก้อนความรู้สึกนึกคิดเล็กๆ ไม่ว่าจะเพื่อระบาย เก็บรวบรวม อยากให้ลองเขียนลงไปเลย เพราะอย่างน้อยที่สุดก็เพื่อบอกตัวเราตอนนี้ว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญขนาดนั้น มันจะจางหายไปในที่สุด” เหมือนกับที่เธอเขียนเอาไว้ว่า
ในยามที่ทุกข์เหลือทน ก็รับรู้เถอะนะ ว่ามันจะเลยผ่าน ในยามที่สุข ก็โอบประคองไว้ทุกขณะ โดยรู้เสมอว่ามันจะเลยผ่าน เพราะงั้น ทั้งหมดนั้น ทั้งหมดของชีวิตนั่นน่ะ ไม่มีสิ่งใดเลย ที่จะสำคัญขนาดนั้น
นอกจากจุดร่วมด้านการใช้วัสดุต่างๆ แล้ว เราจะเห็นว่าผลงานของเพลงนั้นมีจุดร่วมด้านการใช้แสงและสีด้วย คีย์สำคัญตรงนี้สามารถอธิบายความเป็น her. ได้ทุกชิ้น
“บางครั้งจุดเริ่มต้นของงานอาจจะมาจากความเศร้า เเต่ท้ายที่สุด เราอยากให้ทั้งตัวเราเเละทุกๆ คนยังคงสัมผัสถึงความสวยงามของผลงานจากเรื่องราวที่เราเขียนเเละจากดอกไม้แห้งที่เเม้จะเปราะบางเเละกำลังสูญสลาย เพราะทุกสิ่งคือความจริงเเละมีคุณค่าในเเบบของมัน คล้ายการยอมรับความไม่สมบูรณ์เเบบของชีวิตที่หากมองดีๆ เราจะพบความสวยงามของทุกสิ่งได้”
เพลงยังบอกว่าทั้งหมดนี้สอดคล้องกับประโยคที่ว่า ‘..through the eyes of (child) shine.’ ที่เธอเขียนเอาไว้เตือนให้ทุกคนกลับมามองทุกสิ่งด้วยความเป็นเด็กในหัวใจ ซึ่งความเป็นเด็กตรงนี้คล้ายกับดอกไม้แห้งแสนเปราะบางที่จะสวยงามยิ่งขึ้นเมื่อถูกแสงส่องผ่าน
“แสงเเละสีเหลืองมีความหมายมากสำหรับ her. เพราะมันหมายถึงความหวัง ถือเป็นการเตือนตัวเองเสมอว่าไม่ว่าในตอนนี้จะเผชิญกับอะไร ดูสิ้นหวังหรือมืดมนเท่าไหร่ เเต่ขอให้สัมผัสมันอย่างเเนบชิด เเล้วเราจะเห็นว่าเเสงสว่างรำไรจะยังคงส่องผ่านมาถึงเราเสมอ”
ติดตาม her. ได้ที่ https://linktr.ee/hertear