ช่วงนี้หลายคนน่าจะเคยเห็นเทรนด์ฮิตที่หลาย ๆ คนกำลังลิสต์กันว่า จะมีอะไรบ้างที่ได้ไปต่อในชีวิตของตัวเองในปี 2026 วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมาลองคิดเล่น ๆ ว่า แล้วถ้าเป็นดีไซน์ในด้านอสังหาริมทรัพย์บ้างล่ะ ทุกคนคิดว่าคอนเซปต์แบบไหนบ้างที่จะได้ไปต่อ?
หลังจากลองนั่งนึกดูสักพัก เราก็นึกถึงคำว่า ‘Trust’ หรือ ความเชื่อมั่นขึ้นมา แต่ความเชื่อมั่นในยุคนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการสร้างตึกให้แข็งแรงเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการสร้าง ‘ความรู้สึก’ ที่มั่นคงให้กับผู้อยู่อาศัยด้วย และหนึ่งในแบรนด์ที่กำลังทำเรื่องนี้ได้อย่างน่าจับตามองที่สุดก็คือ PEACE & LIVING ที่เพิ่งอายุครบ 30 ปีไปหมาด ๆ โดยเฉพาะในปี 2025 ทาง PEACE & LIVING ได้ลุกขึ้นมาปรับโครงสร้างวิธีคิดใหม่ทั้งหมด ผ่านการสวมบทบาทเป็นผู้สร้างประสบการณ์ความสุข ภายใต้โจทย์ที่ท้าทายที่สุดของการสร้างแบรนด์ นั่นคือ “เราจะเปลี่ยนนามธรรมอย่างความสบายใจ ให้กลายเป็นตัวตนที่จับต้องได้ในทุกจังหวะชีวิตของลูกบ้านได้อย่างไร?”
ดังนั้น ก่อนที่พวกเราจะจบปี 2025 แล้วไปต่อกันที่ปี 2026 GROUNDCONTROL เลยอยากชวนทุกคนมารีแคปโปรเจกต์ กิจกรรม และแกะรอยทิศทางของแบรนด์ตลอดปี 2025 ของ PEACE & LIVING ไปพร้อมกัน เพื่อสำรวจว่าในวัย 30 ปี พวกเขามีแนวคิดการสร้างแบรนด์อย่างไร ถึงสามารถปั้นให้ ‘ความสบายใจ’ กลายเป็น DNA หลักที่สะท้อนอยู่ในทุกสิ่งที่แบรนด์ทำ
เมื่อความไว้ใจมาจากการวางใจ
PEACE & LIVING กับการดีไซน์ความไว้ใจให้เป็น ‘หัวใจ’ ของแบรนด์
สิ่งแรกที่เปรียบเสมือนการวางเสาเข็มของแบรนด์ในปีนี้ คือการประกาศ Brand Positioning ใหม่ให้ชัดเจน หากมองภาพรวมตลอดปี 2025 จะเห็นว่า PEACE & LIVING เริ่มต้นด้วยการกางพิมพ์เขียวแผ่นใหม่เพื่อวางรากฐานแบรนด์ให้แข็งแรง โดยยึดปรัชญา “Live your journey with PEACE of mind” หรือ “ใช้ชีวิตอย่างสบายใจไปกับ พีซแอนด์ลีฟวิ่ง” เป็นแกนกลางในการสื่อสารและกำหนดทิศทางองค์กร
แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนของแบรนด์ที่นิยามตัวเองแบบ ‘Small but Beautiful’ คือไม่เน้นสเกลที่ใหญ่ที่สุด แต่เน้นความใส่ใจที่ละเอียดที่สุด พวกเขาเลือกที่จะสร้างความรักต่อแบรนด์ผ่านความเชื่อมั่น โดยลงลึกในทุกรายละเอียด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะเป็นแบรนด์ขนาดกลาง แต่สามารถมอบความอุ่นใจได้เกินร้อย ทำให้ตลอดปี 2025 PEACE & LIVING กลายเป็นแบรนด์ที่มีความชัดเจนในจุดยืนว่า “ความสบายใจ คือคำมั่นสัญญาที่แบรนด์มีให้กับทุกคน”
สร้างประสบการณ์ร่วม เพื่อความผูกพันในระยะยาว
PEACE & LIVING กับการออกแบบความสัมพันธ์ที่มากกว่าผู้ซื้อ-ผู้ขาย
หัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์ PEACE & LIVING ในปีนี้ คือการหันกลับมาโฟกัสที่ ‘คน’ เป็นหลัก เพราะพวกเขาเชื่อว่าแบรนด์ที่ยั่งยืน ต้องเป็นแบรนด์ที่ลูกบ้านเข้าถึงได้และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง โดย PEACE & LIVING ได้สวมบทบาทเป็นเพื่อนที่รู้ใจ เน้นสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว เพื่อสร้างสังคมที่อบอุ่นให้กับลูกบ้านทุกคน
เห็นได้ชัดจากแคมเปญฉลองครบรอบ 30 ปี อย่าง ‘PEACE เกิดอยากแจก’ และงาน Event ใหญ่ส่งท้ายปี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่แค่งานสังสรรค์ แต่เป็นการออกแบบช่วงเวลาพิเศษ เพื่อขอบคุณทุกความไว้วางใจที่เดินทางเคียงข้างกันมา
และเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล แบรนด์ยังเตรียมยกระดับงานบริการผ่านแอปพลิเคชัน ‘สบายใจ by PEACE’ เครื่องมือสำคัญที่จะช่วยดูแลลูกบ้านแบบครบวงจร เพื่อยืนยันว่าไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร แบรนด์พร้อมจะอยู่เคียงข้างและดูแลเสมอ โดยแอปพลิเคชันนี้จะเปิดให้ใช้งานช่วงมกราคม ปีหน้า
เมื่อระบบและความรู้สึกเดินไปพร้อมกัน
แนวคิดการอยู่อาศัยของ PEACE & LIVING
ในมุมมองของ PEACE & LIVING การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ไม่สามารถทำคนเดียวได้ ปีนี้เราจึงเห็นกลยุทธ์ Collaborative Partnership ที่น่าสนใจ เพื่อเติมเต็มคำว่า ‘ความสบายใจ’ ให้สมบูรณ์ที่สุด โดยแบ่งการดูแลออกเป็น 2 มิติที่สะท้อนมาตรฐานของแบรนด์
มิติแรกคือ ความอุ่นใจด้านการอยู่อาศัยที่พวกเขาได้จับมือกับ ‘นายช่าง by Dohome’ ในแพ็กเกจสบายใจอยู่อาศัย เพื่อสร้างทีม Support หลังบ้านระดับมืออาชีพ คอยดูแลเช็กโครงสร้าง/น้ำ/ไฟ เป็นการการันตีคุณภาพให้ลูกบ้านมั่นใจว่า แบรนด์จะไม่ทิ้งภาระไว้ให้คุณ
มิติที่สองคือ สุนทรียะของแบรนด์ เพราะความรู้สึกคือสิ่งที่สัมผัสได้จริง PEACE & LIVING จึงสร้าง Signature Scent กลิ่นหอมพิเศษเฉพาะตัวที่ออกแบบมาให้เป็นมากกว่าความหอม แต่คือภาวะของใจ หรือ PEACE of Mind ผ่านความร่วมมือกับ ZANTIIS แบรนด์น้ำหอมที่ให้ความสำคัญกับความสงบ สมดุล และการเยียวยาความรู้สึก ซึ่งมองโลกในทิศทางเดียวกัน ทั้งสองแบรนด์เชื่อว่าพื้นที่ที่ดีควรเริ่มต้นจากความรู้สึกของผู้คน กลิ่นจึงถูกออกแบบมาเพื่อโอบรับอารมณ์ คลายความตึงเครียดจากชีวิตประจำวัน และพาใจกลับมาอยู่กับปัจจุบันอย่างแผ่วเบา พร้อมทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่า ทันทีที่คุณก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ ความสงบจะถูกส่งกลับไปถึงคุณเสมอ
เพราะทรัพยากรคนคือดีไซน์ที่ขาดไม่ได้
PEACE & LIVING กับวัฒนธรรมองค์กรที่สะท้อนผ่านเสื้อยูนิฟอร์ม
เพราะงานดีไซน์ที่ยั่งยืนไม่ได้เริ่มจากสิ่งก่อสร้าง แต่เริ่มจากหน่วยย่อยที่สุด นั่นก็คือ ‘วัสดุ’ และ ‘ผู้คน’ ทาง PEACE & LIVING เลยสร้างโปรเจกต์ ‘Re-PEACE Your Shirt’ ที่ทำร่วมกับ CIRCULAR เพื่อสร้างเสื้อยูนิฟอร์มให้กับพนักงาน
เสื้อเหล่านี้ไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกคิดขึ้นบนหลักการ Insight-Driven Design ที่ถอดรหัสจากการใช้งานจริง ตั้งแต่การเลือกเนื้อผ้า Re-Dry Piqué ที่ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ไปจนถึงฟังก์ชันกระเป๋าหน้าอกที่ตอบโจทย์การพกอุปกรณ์หน้างาน ผสานเข้ากับ Circular Design ที่นำชุดเก่าเข้าสู่กระบวนการ Upcycling โดยไม่ผ่านการฟอกย้อม พร้อมการเปลี่ยนเฉดสีจากน้ำเงินสู่ ‘สีเขียว’ อันเป็นสัญลักษณ์ของ Organic Growth
นอกจากร่วมมือกับ CIRCULAR ทาง PEACE & LIVING ก็ยังออกแบบยูนิฟอร์มรุ่นพิเศษ สำหรับฝ่ายขายนี้ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 30 ร่วมกับแบรนด์ TAKTAI (ทักทาย) ที่มีแนวคิดเดียวกัน นั่นคือการใช้ธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า และคืนกลับอย่างยั่งยืนด้วย
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นตัวตนของ PEACE & LIVING ได้ชัดเจนที่สุดว่า แบรนด์ให้ความสำคัญกับ ‘คน’ เป็นอันดับแรก เพราะพวกเขาเชื่อว่า พนักงานจะส่งมอบความสบายใจให้กับลูกค้าได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับความสบายใจนั้นจากองค์กรก่อน นี่คือจุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์จากเนื้อแท้สู่ภายนอกอย่างแท้จริง
จากทั้งสี่คอนเซปต์ที่เราตามแกะรอยมาทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นเลยว่า ตลอดปี 2025 ทาง PEACE & LIVING ไม่ได้หยุดอยู่แค่การรีแบรนด์หรือปรับภาพลักษณ์ แต่คือการคิดเรื่องการอยู่อาศัยใหม่ทั้งระบบ โดยยก ‘ความสบายใจ’ มาเป็นแกนหลัก ตั้งแต่ความรู้สึกที่คนมีต่อแบรนด์ การใช้ชีวิตในแต่ละวัน ไปจนถึงรายละเอียดเล็กที่สุดอย่างวัสดุและผู้คนภายในที่อยู่เบื้องหลังงานออกแบบ และการเดินทางในปีนี้ก็คือการปูฐานสำคัญสำหรับจังหวะใหม่ ๆ ในอนาคต ที่ทำให้เราเห็นว่า ต่อให้เวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ ‘ความสบายใจ’ ก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหา และไม่มีวันล้าสมัย




