ก้าวต่อไปของ Grab ในงานเสวนา GrabNEXT ขับเคลื่อนการท่องเที่ยว สู่อนาคตที่ดีกว่า

Post on 24 May

คนชีพจรลงเท้าผู้รักการท่องเที่ยว (อย่างเรา) เขารู้กัน ว่าหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการวางแผนทริปท่องเที่ยวก็คือแอปพลิเคชันสำหรับวางแผนการเดินทาง ซึ่งในปัจจุบัน แพลตฟอร์มบริการด้านการเดินทางก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนก่อนการเดินทาง หรือจะเป็นการเรียกบริการการเดินทางระหว่างทริป

ความเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมการท่องเที่ยวนี้เองที่ทำให้ Grab Super App เบอร์ต้นของไทยเลือกหยิบออกมาขยายเป็นวาระใหญ่ จนเกิดเป็นงานเสวนา ‘GrabNEXT 2024 : Driving towards the Future of Tourism ขับเคลื่อนการท่องเที่ยว สู่อนาคตที่ดีกว่า’ ที่ Grab ทำให้เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนและหารือแนวทางการส่งเสริมในประเด็นดังกล่าวกับภาครัฐและผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน

โดยนอกจากการแสดงทรรศนะแล้ว Grab ยังได้เน้นย้ำด้วยว่าพวกเขาจะร่วมผลักดันและทำให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้นไร้รอยต่อมากขึ้น ด้วยกลยุทธิ์ ‘T.R.A.V.E.L.’ ที่ Grab เชื่อว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังประเทศไทยอีกจำนวนมาก

แต่กลยุทธิ์ T.R.A.V.E.L. ที่ว่ามีจุดเด่นอย่างไรบ้าง และทำไมก้าวต่อไปครั้งนี้ของ Grab จึงสำคัญ วันนี้เราหยิบมาบอกเล่าให้ทุกคนฟังกันผ่านโพสต์นี้เลย

T.R.A.V.E.L.
for The Best Travel

กลยุทธ์ T.R.A.V.E.L ของ Grab นั้นมีที่มาจากอักษรตัวหน้า 6 กลยุทธ์ย่อย นั่นคือ Technological Integration, Reliability & Safety, Accessibility, Valuable Experiences, Environmentally Friendly และ Local Touch

อธิบายกันรายข้อ โดยเริ่มจาก Technological Integration หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะในปัจจุบัน Grab เล็งเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวคนเดียวมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์กลุ่มดังกล่าวน่าจะช่วยสร้างประสบการณ์อันเป็นมิตรให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยได้ เช่น การพัฒนาให้แอปพลิเคชันมีหลายภาษา, บริการวางแผนทริปเที่ยวในแอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มบริการต่างๆ มากขึ้น อย่าง WeChat, Booking.com, Trip.com ไปจนถึง Alipay

ต่อมาคือ Reliability & Safety หรือการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว โดยสำหรับเราประเด็นนี้คือเรื่องสำคัญที่สุด อีกทั้งในงาน GrabNEXT เอง Grab ประเทศไทยก็เน้นย้ำถึงความสำคัญในข้อนี้มากๆ เช่นกัน เพราะสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ความปลอดภัยในต่างแดนล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา โดย Grab ทำให้เป็นรูปธรรมผ่านการพัฒนา 3 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย อาทิบริการ Safety Centre สำหรับแจ้งความช่วยเหลือ หรือ Audio Protect เพื่อบันทึกเสียงระหว่างการเดินทาง, มาตรการด้านการปลอดภัย โดยการคัดกรองและอบรมคนขับให้ยอดเยี่ยมที่สุด และ การจัดแคมเปญรณรงค์เรื่องความปลอดภัย อย่างเช่นที่ Grab ได้จับมือกับกรุงเทพมหานครฯ เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่าตลอดการท่องเที่ยวในประเทศไทย สามารถอุ่นใจกับทุกก้าวที่ก้าวไปได้เลย

และสำหรับตัว A. คือ Accessibility หรือการส่งเสริมการเดินทางเพื่อเข้าถึงเมืองหลักและเมืองรอง จุดนี้ Grab ทำให้เกิดขึ้นจริงโดยการขยายบริการให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด โดยในปัจจุบัน Grab มีบริการเรียกรถแล้วใน 71 จังหวัด อีกทั้งยังได้ประสานงานกับท่าอากาศยานไทย เพื่อเปิดจุดรับ-ส่งผู้โดยสารในสนามบินหลักอย่างภูเก็ต, เชียงใหม่, ดอนเมือง และสุวรรณภูมิอีกด้วย

T.R.A.V.E.L.
for The Memorable Travel

ต่อเนื่องกับกลยุทธ์ T.R.A.V.E.L ด้วยกลยุทธ์ย่อยอย่าง Valuable Experiences หรือการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำ ภายใต้วิธีการของ Grab อย่างการสร้างคอร์สอบรมออนไลน์ GrabAcademy ขึ้นมา เพื่อพัฒนาศักยภาพคนขับ ให้ครอบคลุมทั้งด้านมาตรฐานบริการ การสื่อสาร และการขับขี่อย่างปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนรับรู้สเน่ห์ของความเป็นไทยได้ดีที่สุด

ต่อมากับกลุยทธ์ย่อย Environmentally Friendly หรือการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก เพราะนอกจากจะทำให้การท่องเที่ยวในปัจจุบันก้าวกระโดดไปข้างหน้าแล้ว การดำเนินนโยบายเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมในภาพรวมก็เป็นสิ่งที่ Grab เล็งเห็นความสำคัญเช่นกัน ในปัจจุบันพวกเขาจึงพัฒนาบริการที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นมากมาย เช่น โครงการ GrabEV และการปุ่ม Carbon Offset ให้ผู้ใช้บริการร่วมบริจาค 2 บาท เพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนด้วยการนำไปเป็นทุนปลูกต้นไม้ เป็นต้น

และสุดท้ายกับกลยุทธ์ Local Touch หรือการผลักดันให้นักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น เพราะด้วยเทรนด์การท่องเที่ยวในปัจจุบันนี้ พบว่านักท่องเที่ยวกว่า 65 % นั้นอยากสัมผัสความเป็นท้องถิ่นในพื้นที่นั้นๆ Grab จึงตอบสนองโดยการร่วมสนับสุนนประสบการณ์ดังกล่าว ผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การจัดทำหนังสือไกด์บุค Grab & Go ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, การโปรโมทอาหารไทยผ่าน GrabFood และการผลักดันการจำหน่ายสิ้นค้าไทยใน GrabMart เพื่อเพิ่มตัวเลือกให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความเป็นท้องถิ่นของไทยได้มากขึ้นนั่นเอง

Next Step
for Thai Travel

จะเห็นได้ว่าทั้ง 6 กลยุทธ์ T.R.A.V.E.L. นั้นล้วนตอบโจทย์ความต้องการของยุคสมัย ยิ่งในประเทศไทย เราเห็นภาพชัดเจนเลยว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาสามารถสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าจดจำโดยมี Grab เป็นส่วนหนึ่งได้จริงๆ

ซึ่งแผนงานทั้งหมดนี้ สอดคล้องกับภาพรวมของประเทศที่รัฐอยากผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค (Tourism Hub) ด้วยความมุ่งมั่นอยากให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นสามารถนำมาพัฒนาประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจได้ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ซอฟต์พาวเวอร์ไทยก้าวไปไกลกว่าเดิมอีกด้วย

ดังนั้นในอีกไม่กี่เดือนที่ฤดูท่องเที่ยวจะกลับมาอีกครั้ง น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่า T.R.A.V.E.L. ของ Grab จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นไปในทางบวกมากขนาดไหน เพราะในท้ายที่สุดแล้วในฐานะเจ้าบ้าน คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าแขกบ้านแขกเมืองได้รับประสบการณ์ที่สุดแสนจะประทับใจไปจากบ้านของเราอีกแล้ว ว่าไหม

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่