‘Zerng Club’ (เซิ้งคลับ) : คลุกซาวด์สังเคราะห์ เคล้าเสียงพิณ ให้เป็นบีทชวนเซิ้งกับแคน Dogwhine x Maft Sai
งานศิลปะอาจได้รับแรงบันดาลใจมาจากอดีต จากวัฒนธรรมท้องถิ่นต่าง ๆ หรือจากแนวทางที่ต่างกันสุดขั้ว จนทำให้เกิดรสชาติแปลกใหม่ อย่าง Zerng Club หรือเซิ้งคลับ ผลงานการคอลแลบครั้งพิเศษที่จับคู่สองมุมสุดขั้วดนตรีมาเจอกัน คือเพลงพื้นบ้านอีสาน มาเขย่าเข้ากับดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อก ออกมาเป็นเพลงรสใหม่ที่สนุกชวนม่วน
ความพิเศษของเพลงที่เกิดขึ้นในคร้ังนี้ ก็มาจากเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ 2 ศิลปิน DJ Maft Sai ดีเจเวิร์ลมิวสิกและสมาชิก The Bangkok Paradise Molam International Band ผู้หลงใหลในดนตรีหมอลำพื้นบ้าน มาเจอกับแคน Dogwhine ตัวแทนฝั่งอัลเทอเนทีฟร็อกรุ่นใหม่ จึงเกิดเป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง เหมือนกับชื่อแคมเปญ Connect with the unexpected. Create Now. Create Next. จาก Converse All Stars ที่ชวนผองเพื่อนในคลับนี้มาสำรวจตัวตนของกันและกัน จนพบอดีตที่น่าสนใจ และแก่นแท้ทางดนตรี 2 รส จนนำมาสู่การสร้างสรรค์เป็นเพลง ‘Zerng Club’ (เซิ้งคลับ) อย่างลงตัว
วันนี้เราเลยขอชวนทุกมาสวมผ้าใบคู่โปรด แล้วมาสำรวจเบื้องหลังการทำงานเพลงชวนเซิ้งที่ท้าทายวัฒนธรรมดั้งเดิมของสองศิลปินต่างขั้วแห่ง Converse All Stars คลับไปด้วยกัน
ปาร์ตี้พลังงานร็อกของแคน Dogwhine
เราอาจรู้จัก Dogwhine ในฐานะวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกที่มีส่วนผสมของดนตรีโพสต์พังค์และแจ๊ส พร้อมเสียงกลองแน่น ๆ เสียงเบสหนัก ๆ กับเนื้อเพลงที่วิพากษ์วิจารณ์บ้านเมืองไทย แต่ที่จริงแล้วแคน นักร้องนำประจำวง Dogwhine ก็เป็นนักปาร์ตี้คนนึง ที่หลงใหลดนตรีอิเล็กทรอนิกแบบคลับเรฟ ซึ่งสำหรับโปรเจกต์นี้ เขาขยับขีดจำกัดการสร้างสรรค์ของตัวเองมาสู่บีตเต้นรำเต็มตัว พร้อมสืบเสาะอดีตของครอบครัวมาเป็นแรงบันดาลใจ เพราะแคนเองก็โตมากับเสียงเพลงพื้นบ้านตั้งแต่เด็ก จากพิธีกรรมที่ปู่ของเขาเล่นพิณเล่นแคน กับความเชื่อในการปัดเป่าผีร้าย
และเป็นธรรมดาที่เมื่อโตขึ้น ความทรงจำก็แผ่วเบาลง โจทย์ของแคนในครั้งนี้คือว่าจะทำยังไงให้สัมผัสความทรงจำทางดนตรีที่คุ้นเคยจากอดีตไม่สูญหาย และเดินต่อไปยังอนาคตได้อีกด้วย ภารกิจจาก Converse All Stars จึงชวนให้เขาได้กลับไปหาเสียงเพลงเหล่านั้นอีกครั้งผ่านการร่วมมือกับดีเจ Maft Sai
ปัดฝุ่นเสียงอีสานกับดีเจ Maft Sai
ถ้าพูดถึงศิลปินที่นำดนตรีไปสู่เวทีระดับโลก หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของดีเจ Maft Sai อย่างแน่นอน ด้วยเอกลักษณ์การผสมระหว่างท่วงทำนองของลายดนตรีอีสานแบบดั้งเดิมกับการตีความที่แปลกใหม่หลากหลาย มาสร้างความสนุกสนานในปาร์ตี้สมัยใหม่ให้กับทั้งชาวไทยและต่างชาติ แล้วยังเดินทางเขย่าโลกกับวงหมอลำประยุกต์ร่วมสมัย ‘The Bangkok Paradise Molam International Band’ ซึ่งดีเจ Maft Sai เองก็เป็นนักสะสมแผ่นเสียงคอลเล็กชันเพลงลูกทุ่งและหมอลำ ที่เขาเก็บสะสมมาเรื่อย ๆ ตลอดประสบการณ์การฟังเพลงตั้งแต่สมัยเรียน จนมีจำนวนมาก พอให้ค้นคว้าและสัมผัสหลากรสชาติของดนตรีอีสานจนเข้าถึง
ความรู้เรื่องแก่นแท้ดนตรีอีสานทำให้งานของเขาโดดเด่น แต่สิ่งที่พิเศษจริง ๆ คือความเข้าใจจนสร้างวิธีประยุกต์ดนตรีท้องถิ่นมาสู่สมัยใหม่ได้ โดยไม่เสียวัฒนธรรมดั้งเดิม การร่วมงานกับแคน Dogwhine ในครั้งนี้ ดีเจ Maft Sai จึงเป็นส่วนสำคัญที่ดึงองค์ประกอบความอีสานมาใช้ได้อย่างลงตัว
การทำงานร่วมกันเพื่อเร่งเสียงความทรงจำให้คงความร่วมสมัย
การคอลแลบกันในแคมเปญ Connect with the unexpected. Create Now. Create Next. กับ Converse All Stars ทำให้ทั้งสองได้รู้ว่าพวกเขามีจุดร่วมที่ใกล้ชิดกันกว่าที่คิด จากความหลงใหลในเสียงเพลงและดนตรีพื้นบ้าน โจทย์ของโปรเจกต์นี้จึงเริ่มจากการพยายามทำให้สัมผัสของเอกลักษณ์ทางดนตรีที่คุ้นเคยไม่สูญหายไป และสืบต่อไปยังอนาคตได้ด้วย
ความชื่นชอบในการเที่ยวคลับของแคน Dogwhine จึงเป็นเหมือนกุญแจสำคัญ ที่มาปลดล็อกไอเดียการทำเพลงชวนขยับแข้งขาน่าลุกขึ้นเต้น เลยได้เป็นคอนเซ็ปต์เพลง ‘เซิ้งคลับ’ การตีความส่วนผสมอีสานดั้งเดิมด้วยไกด์ไลน์จากดีเจ Maft Sai ให้เป็นเพลงคลับแบบใหม่ ที่สามารถเซิ้งได้ม่วนคัก ม่วนหลาย
จะทำเพลงอีสานให้ถึงเครื่อง ดีเจ Maft Sai บอกว่ามีวิธีคิดคือต้องรักษาโครงสร้างทำนองตายตัวไม่ให้เปลี่ยนแปลง แต่เสน่ห์จะอยู่ที่เอกลักษณ์การบรรเลงของนักดนตรีแต่ละคน ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะ Maft Sai สามารถพาไปพบอีกส่วนผสมสำคัญได้
ภารกิจตามหาหมอพิณตัวจริง
เมื่อได้คอนเซ็ปต์ของเพลงแล้ว ก็ต้องตามล่าหาส่วนผสมมาปรุงรสให้สมบูรณ์ ถึงจะเป็นการตีความดนตรีอีสานใหม่ แต่สิ่งที่จะดึงคนฟังกลับไปหาบรรยากาศท้องถิ่นได้สมบูรณ์ก็คือโทนเสียงจากเครื่องดนตรีแท้ ๆ จากฝีมือของหมอพิณที่เข้ากัน เพราะหมอพิณที่ต่างกันก็อาจดึงอารมณ์คนละแบบกันเลยก็ได้ แม้จะกำลังเล่นลายเพลงเดียวกัน จึงนำมาสู่อีกขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ของการสร้างสรรค์เพลงนี้
เมื่อดนตรีอีสานมีนักดนตรีที่สำคัญต่อการตีความ ‘ลาย’ ดนตรี อีกภารกิจสำคัญคือการพบหมอพิณผู้เป็นเหมือนหัวใจที่กำหนดรสชาติของเพลง Maft Sai เลยพาแคนไปถึงจังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อไปพบกับ คำเม้า เปิดถนน หมอพิณแห่ง The Bangkok Paradise Molam International Band ผู้ออกทัวร์เปิดลานเซิ้งให้ผู้คนทั่วโลก จนพวกเขาได้เสียงพิณแบบแท้ ๆ จากฝีมือของตัวจริง ก่อนนำมาปรุงให้เข้ากับส่วนผสมของเสียงสังเคราะห์อิเล็กทรอนิกจากแคน
โดยขั้นตอนหลังจากนั้นเป็นการเล่นกับเอฟเฟกต์ โดยมีอาร์มจากวง Supergoods มาเป็นมือโปรดิวซ์อีกที ทำให้ได้ซาวด์แสบ ๆ แบบล้ำ ๆ ฟังแล้วจะเซิ้งใส่ก็ไม่เขิน หรือจะเปิดในปาร์ตี้ใจกลางเมืองก็ลงตัว ใส่เข้าเพลย์ลิสต์ดีเจสายอิเล็กทรอนิกได้ กลายเป็นรสชาติแปลกใหม่สนุกแบบอินเตอร์ด้วยกลิ่นอายแบบไทย ๆ
All Stars กับความเชื่อในการพาผู้คนที่แตกต่างมาเจอกัน
ทุกคนก็ตอบว่าอยากลองทำดู ก็เลยสมัคร พอได้ทุนปุ๊บ เราก็ทำวิจัยภาพถ่ายเชิงทดลองที่จังหวัดมหาสารคาม พร้อมเชิญอาจารย์ประทีป สุธาทองไทยมาเป็นศิลปินรับเชิญในโครงการ การเรียนในคลาสนี้เลยเหมือนกับได้ลองเรียนทฤษฎีควบคู่ไปกับการปฏิบัติ ซึ่งการทำนิทรรศการตัวนี้ไม่ได้มีอยู่ในหลักสูตร แต่เป็นสิ่งที่อาจารย์สายันห์เขาค่อนข้างอยากจะลองทำอะไรด้วย เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้ลองซ้อมทำงานตอนที่ยังเรียนอยู่ ซึ่งเรารู้สึกว่ามีประโยชน์มาก ๆ
จากสองมุมของแนวดนตรีที่ดูจะห่างไกลกัน คลับ All Stars เป็นเหมือนเวทีที่ยืนยันว่าการพาฟากฝั่งทางดนตรีที่ห่างกันสุดขั้วมาเจอกัน ย่อมนำมาสู่ผลลัพธ์ดี ๆ เกินกว่าที่จินตนาการไว้ แน่นอนว่าการรวมตัวกันย่อมนำมาสู่แนวทางสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ถ้างั้นแล้ว การรวมตัวกันแบบยิ่งคาดไม่ถึง ยิ่งนำมาสู่ผลลัพธ์ที่ไปไกลกว่าเดิม เหมือนเสียงเพลง ‘Zerng Club’ (เซิ้งคลับ) ตามชื่อโปรเจกต์ ‘Connect with the unexpected. Create Now. Create Next.’ จะสไตล์ไหน ๆ ก็มารวมกันได้ เพราะใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อพาแต่ละคนที่ตัวตนแรง ๆ มาเจอกัน กับ Converse All Stars