Everybody/Cries/Sometimes เพราะมีน้ำตาไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ… คุย กับ Crybaby Molly ศิลปินผู้ใช้ลายเส้นร้องไห้แทนตัวเอง
ในวันที่กระแสของกล่องสุ่ม ‘อาร์ตทอย (Art Toy)’ กำลังมาแรงถึงขีดสุดกันแทบทุกหัวระแหง ใครจะไปคิดว่า หนึ่งในศิลปินสุดป็อปผู้อยู่เบื้องหลังผลงานสุดน่ารักน่าชังที่กำลังได้รับความสนใจจากนักสะสมในระดับนานาชาติจะเป็นคนไทย!
มด-นิสา ศรีคำดี หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อ ‘Molly’ คือแม่ผู้ให้กำเนิดน้อง ‘Crybaby’ คาแรกเตอร์ผู้ครอบครองหัวใจของเหล่านักสะสมทั่วโลก และยังควบตำแหน่งการเป็นศิลปินไทยเพียงหนึ่งเดียวที่มีโอกาสได้นำลายเส้นของตัวเองไปผลิตเป็นของเล่นภายใต้บริษัทอาร์ตทอยยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง POP MART ด้วย
แม้จุดเริ่มต้นในเส้นทางศิลปะของ Molly จะมาจากความสำเร็จของการออกแบบของเล่นตัวจิ๋ว แต่เธอยังไม่หยุดพัฒนา และพยายามพาน้อง Crybaby ออกเดินทางไปให้ไกลกว่าเดิมด้วยการพัฒนารูปแบบและวิธีการทางศิลปะใหม่ ๆ อยู่เสมอ
และในครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอกลับมาพร้อมกับ ‘Everybody/Cries/Sometimes’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งใหม่ล่าสุด ที่อยากบอกทุกคนว่า การร้องไห้ไม่ได้แปลว่าอ่อนแอเสมอไป และใคร ๆ ก็มีวันที่แย่ได้ทั้งนั้น ซึ่งนอกจากความน่าเอ็นดูของคาแรกเตอร์น้อง Crybaby แล้ว ในครั้งนี้ เรายังจะได้พบกับกองทัพผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ที่กินพื้นที่จัดแสดงตั้งแต่ RCB Artery ชั้น 1 ไปจนถึง RCB Galleria 1-3 ชั้น 2 ของ River City Bangkok กันเลยทีเดียว
คำโปรยของนิทรรศการบอกเราไว้ว่า “Everybody cries sometimes… And so do I. So do you. So do we.” แล้วคุณล่ะ… พร้อมจะหลั่งน้ำตาไปพร้อม ๆ กับเธอรึยัง?
ที่มาที่ไปของนิทรรศการ Everybody/Cries/Sometimes
“นิทรรศการครั้งที่แล้วของ Crybaby พูดถึงเกี่ยวกับตัวเองเป็นหลัก ครั้งนี้ที่ขนาดของงานมันใหญ่กว่าเดิมมาก เราเลยตั้งใจอยากจะให้ Crybaby ตะโกนพูดกับทุกคนว่า ฉันก็ร้องไห้ เธอก็ร้องไห้เหมือนกัน และพวกเราทุกคนต่างก็ร้องไห้เช่นกัน เราพยายามบอกให้รู้ว่า การร้องไห้เป็นอารมณ์พื้นฐานของทุกคน ใคร ๆ ก็สามารถร้องไห้ หรือรู้สึกว่าตัวเองแตกสลายพังทลายได้ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ต้องผ่านเรื่องแบบนี้เพียงลำพัง ทุกคนต่างก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนไม่ต่างกัน
“ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ทำไมเราถึงห้ามร้องไห้ ทำไมพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ชอบบอกว่า หยุดนะ อย่าร้องไห้ ทำไมความรู้สึกเหล่านี้ถึงต้องถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ทำไมการร้องไห้ถึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ”
ขอบเขตทางศิลปะที่ขยายไปไกลกว่าที่เคย
“จากนิทรรศการครั้งก่อนจนมาถึงครั้งนี้ก็จะเห็นว่า ในโซนนิทรรศการหลักชั้นบน เราได้ลองทำผลงานในรูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม ประติมากรรมสแตนเลส ประติมากรรมไม้ ภาพพิมพ์สกรีน ภาพพิมพ์เมซโซทินท์ (Mezzotint) งานเลนติคูลาร์สามมิติ (3D Lenticular) หรือแม้แต่แอพพลิเคชั่นท่ีให้คนมาออกแบบ Crybaby ในแบบของตัวเอง
“อย่าง The Insomniac Zone ข้างล่างจะเป็นห้องที่มีงาน ‘Teardrops on My Pillow’ ให้เราได้เช็ดน้ำตาให้น้อง Crybaby ที่นอนอยู่ในเตียงยักษ์ พร้อม ๆ กับให้เราได้ใช้เวลานอนปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเอง และมาร้องไห้น้ำตาเปื้อนหมอนไปด้วยกัน เราตั้งใจทำโซนนี้มาสำหรับผู้คนที่มีปัญหาในการนอนหลับ ที่แม้ว่าเวลากลางวันจะดูสดใสเป็นปกติ แต่พอตกกลางคืนกลับคิดมากจนต้องนอนร้องไห้ในทุก ๆ คืน เราอยากสร้างพื้นที่ให้ทุกคนสามารถมาใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต และศึกษาอารมณ์ต่าง ๆ ของตนเอง”
จากอาร์ตทอยสู่ผลงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ
“เราชอบของเล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เลยเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อน ถึงมันจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ คุณค่าอาจจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่ แต่เราก็ไม่ได้อยากจะหยุดอยู่แค่นี้ และยังอยากเห็นมันเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็เลยพยายามศึกษาเพิ่มเติม เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เพราะศิลปะคือสิ่งที่เราสนใจอยู่แล้ว เราก็เลยพยายามปีนให้สูงขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง”
“อย่างผลงานในนิทรรศการครั้งนี้ที่เราชอบเป็นพิเศษเลยก็คือตัวที่เป็นชิ้นส่วนร่างกาย ‘The Broken One’ เรามองว่า มันคือการรวมสิ่งที่เราชอบลงไปหมดเลย ทั้งความเป็นประติมากรรม ความเป็นตุ๊กตาขนปุกปุย อยากให้ทุกคนได้เห็นสิ่งที่เราชอบในแบบที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้”
Crybaby คาแรกเตอร์ที่หลั่งน้ำตาแทนศิลปิน
“จริง ๆ ทุกผลงานของเรามันมาจากเรื่องใกล้ตัว ทั้งตัวเราเอง หรือของคนรู้จัก มันอาจจะเป็นเรื่องปกติหรือพื้นฐานมาก ๆ ในแง่งมุมของคนที่อ่อนไหว ใจสลาย คนที่ถูกตัดสินว่าเป็นคนแย่ ๆ แต่ในขณะเดียวกัน เขาอาจจะผ่านประสบการณ์อะไรที่เราไม่รู้มาก็ได้
“แม้แต่ตัวเราเองก็ยังติดอยู่ภายใต้กรอบของสังคมที่ทำให้จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นเหมือนกัน เราไม่กล้าแสดงความอ่อนแอออกมาก็เลยเลือกเก็บกดทุกอย่างไว้ และปกปิดมันด้วยความสุข เราพยายามแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่ากำลังมีความสุขดี โดยที่เราไม่ได้กลับมาทบทวนอารมณ์เศร้าหรือความรู้สึกที่เรากำลังเผชิญอยู่เลย พอนานวันเข้า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยทะลักออกมา แต่มันดีตรงที่ว่า พอเราได้ร้องไห้ออกมา มันก็เหมือนกับว่าเราได้ปลดปล่อยตัวเองเช่นกัน”
“แม้แต่ตัวเราเองก็ยังติดอยู่ภายใต้กรอบของสังคมที่ทำให้จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นเหมือนกัน เราไม่กล้าแสดงความอ่อนแอออกมาก็เลยเลือกเก็บกดทุกอย่างไว้ และปกปิดมันด้วยความสุข เราพยายามแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นว่ากำลังมีความสุขดี โดยที่เราไม่ได้กลับมาทบทวนอารมณ์เศร้าหรือความรู้สึกที่เรากำลังเผชิญอยู่เลย พอนานวันเข้า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลยทะลักออกมา แต่มันดีตรงที่ว่า พอเราได้ร้องไห้ออกมา มันก็เหมือนกับว่าเราได้ปลดปล่อยตัวเองเช่นกัน”
ก้าวต่อไปของศิลปินไทยที่แฟน ๆ ทั่วโลกกำลังจับตามอง
“ผลตอบรับตอนนี้มันดีกว่าที่เราเคยคิดไว้มาก ๆ ทุกอย่างมันเริ่มมาจากความรักที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย เราแค่ตื่นมาวันหนึ่งแล้วรู้สึกว่า ทำไมเราไม่ทำอะไรที่เรารัก แล้วเราก็แค่ลงมือทำเลย แต่เหมือนว่า จังหวะและโอกาสตรงนั้นมันลงตัวก็เลยไปได้ไกลกว่าที่เราเคยคิดไว้ ตอนนี้เราก็เลยตั้งใจอยากจะพา Crybaby ไปให้ไกลทั่วโลก เราอยากเห็นภาพน้ำตาท่วมโลกเลย”
ต้นแบบของศิลปินรุ่นใหม่ที่อยากไปไกลระดับโลก
“เราเชื่อว่า อะไรที่เริ่มมาจากความรัก มันก็มักจะพาเราไปได้ไกลเสมอ คือมันไม่ได้ง่ายหรอก มันมีอุปสรรคเยอะมาก เราล้มไม่รู้กี่ครั้ง เพราะว่าชีวิตมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าเรารักมันจริง มันจะทำให้เราลุกขึ้นมาใหม่เสมอ แม้ระหว่างทางจะท้อ แต่ความรักจะทำให้เราลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วบอกตัวเองว่า ต้องลองอีกสักตั้ง ถ้าเราสู้ไปเรื่อย ๆ มันก็ทำให้เราได้เข้าใกล้เป้าหมายในชีวิตไปทีละนิด ๆ”
📍 Crybaby Molly - Everybody/Cries/Sometimes 22 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2566 RCB Galleria 1-3 ชั้น 2 (ไม่มีค่าใช้จ่าย) และ RCB Artery ชั้น 1 (บัตรเข้าชมราคา 450 บาท มาพร้อมชุด No Sleep และเข็มกลัดสุดพิเศษที่ไม่ได้มีวางจำหน่ายที่ไหน) River City Bangkok เปิดให้ชมทุกวัน