PROTODISPACH ฉบับนี้ อัลเปอร์ ตูราน เขียนถึงวิธีที่ คูบรา อุซุน (Kübra Uzun) แสดงพลังอำนาจของเธอ และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ LGBTQIA+ ในตุรกีในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงสายธารทางศิลปะขอ งบูเลนต์ เออร์ซอย (Bülent Ersoy), เซกิ มูเรน (Zeki Müren) และฮุยสุซ วีร์จิน (วีรจินขี้หงุดหงิด) (Huysuz Virjin (Cranky Virjin)) 

คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบของคูบรา ยังคงประทับอยู่บนริมฝีปากของผู้คนภายในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในหลายประเทศทั่วโลกวันนี้: "การจากไปหรือการอยู่ต่อกันแน่ที่ยากกว่ากัน?"

PROTODISPACH ฉบับนี้ อัลเปอร์ ตูราน เขียนถึงวิธีที่ คูบรา อุซุน (Kübra Uzun) แสดงพลังอำนาจของเธอ และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ LGBTQIA+ ในตุรกีในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงสายธารทางศิลปะขอ งบูเลนต์ เออร์ซอย (Bülent Ersoy), เซกิ มูเรน (Zeki Müren) และฮุยสุซ วีร์จิน (วีรจินขี้หงุดหงิด) (Huysuz Virjin (Cranky Virjin))

คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบของคูบรา ยังคงประทับอยู่บนริมฝีปากของผู้คนภายในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในหลายประเทศทั่วโลกวันนี้: "การจากไปหรือการอยู่ต่อกันแน่ที่ยากกว่ากัน?"

เทพยดาบันดาลใจและคุณแม่ข้ามเพศ: “ฉัน” ภายใน “เรา” และ “เรา” ภายใน “ฉัน”

ภัณฑารักษ์อัลเปอร์ ตูราน (Alper Turan) เขียนเกี่ยวกับศิลปิน/นักแสดง คูบรา อูซูน (Kübra Uzun) หรือที่รู้จักกันในนาม Q-BRA ผู้เป็นเทพยดาบันดาลใจข้ามเพศสำหรับศิลปินท้องถิ่นและนานาชาติ ผู้นิยามความหมายของเทพธิดาบันดาลใจที่ถูกระบุเพศตามขนบใหม่

โดยอัลเปอร์ ตูราน (Alper Turan) ถึงคูบรา อูซุน (Kübra Uzun)

PROTODISPACH ฉบับนี้ อัลเปอร์ ตูราน เขียนถึงวิธีที่ คูบรา อุซุน (Kübra Uzun) แสดงพลังอำนาจของเธอ และแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ LGBTQIA+ ในตุรกีในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงสายธารทางศิลปะขอ งบูเลนต์ เออร์ซอย (Bülent Ersoy), เซกิ มูเรน (Zeki Müren) และฮุยสุซ วีร์จิน (วีรจินขี้หงุดหงิด) (Huysuz Virjin (Cranky Virjin))

คำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบของคูบรา ยังคงประทับอยู่บนริมฝีปากของผู้คนภายในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในหลายประเทศทั่วโลกวันนี้: "การจากไปหรือการอยู่ต่อกันแน่ที่ยากกว่ากัน?"

คูบรา อูซุน หรือที่รู้จักกันในนามของ Q-BRA คือนักร้อง นักแต่งเพลง ศิลปินการแสดง และดีเจ นักกิจกรรมเพื่อสิทธิ LGBTQIA+, ผู้มีเป็นไมโครอินฟลูเอนเซอร์ คุณแม่ข้ามเพศนักปฏิวัติ และนักจัดตั้งชุมชน ที่พำนักอยู่ในอิสตันบูล

เธอเกิดในปี 1980 อันแสนวุ่นวาย ปีเดียวหลังจากการรัฐประหารที่เพิ่งโยนชีวิตของบูเลนท์ เออร์ซอย ให้เข้าสู่ความโศกเศร้าไม่มีที่สิ้นสุด และโตมาในทศวรรษแรกของเสรีนิยมใหม่ของตุรกี อันเป็นโมงยามแห่งความเฟื่องฟูของเสรีภาพส่วนบุคคล สิ่งเหล่านี้ทำให้เออร์ซอยและฮูยซุซผงาดขึ้นมาเป็นดาวดัง คูบรา อูซุน ใช้ชีวิตในช่วงปีที่สำคัญของเธอด้วยการฝ่าฉากหลังแห่งการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสังคม ความสนใจในดนตรีของเธอเริ่มฉายแววตั้งแต่อายุเก้าขวบ ความฝันของเธอที่จะยึดดนตรีเป็นอาชีพหาหลักต้องหยุดชะงักลงเมื่อเธอได้เห็นพ่อของของเธอใช้ความรุนแรงกับแม่ เกิดเป็นบาดแผลทางใจที่ส่งผลให้เธอไม่สามารถออดิชั่นเข้าแผนกเปียโนของโรงเรียนดนตรีมอสโกอย่าง พีไอ ไชคอฟสกี ได้ เธอค้นพบความสงบและความรักในการแสดง ณ ชุมนุมดนตรีในโรงเรียนไฮสคูลของเธอ ที่ซึ่งเธอได้เรียนดนตรี และได้รับโอกาาให้กระโจนเข้าสู่กองโปรดักชั่นโรงละครและละครเวที เธอยังได้ใช้ความสามารถด้านการร้องเพลงของเธอในฐานะนักร้องแบ็กอัพของป็อปไอคอนด้านดนตรีอย่าง คานดาน เออร์เซติน และ นีลูเฟอร์ ด้วย

ในช่วงเวลานั้น เธอเริ่มแต่งกายข้ามเพศ (cross-dressing) ในพื้นที่ส่วนที่บ้านของเธอเอง หลังกลับจากงานหรือโรงเรียน เธอจะสวมวิก แต่งหน้า และดำดิ่งลงไปไปในห้องแชทออนไลน์ด้วยตัวตนแฝงอันหลากหลาย ปฏิสัมพันธ์ที่เธอสร้างบนโลกออนไน์นี้หาได้เป็นเรื่องของการปกปิดตัวตนหรือการแสวงหาความตื่นเต้นจากการปลอมตัวเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่มันคือส่วนหนึ่งของปฏิบัติการการแสดง (performative aspect) ที่สะท้อนถึงปฏิกิริยาตอบกลับฉับพลันต่อการแสดง และอานุภาพของการแสดงที่แปลงบุคคบให้กลายไปสู่สิ่งอื่น ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเธอ การเดินทางของเธอบนเส้นทางนักเสดงนั้นหาได้ดำเนินไปตามภาพจำของการแสดงที่เกี่ยวพันกับเรื่องราวของการ “ติดอยู่ในร่างที่ผิด” เท่านั้น คือไม่ได้ติดอยู่บนฐานของการแบ่งเพศเป็นชาย/หญิงหรือความรู้สึกฝังลึกของการเป็นผู้หญิงแต่อย่างใด เธอถูกดูดเข้าไปในกระบวนการเพื่อความสุขและความพึงพอใจของการแสดงต่างหาก เธอฝ่ากระบวนการบำบัดฮอร์โมน การผ่าตัดเสริมจมูก เสริมหน้าอก หรือการฉายแสงเลเซอร์อะไร แล้วในปี 2015 คูบรา อูซุนก็ถือกำเนิดขึ้น

เป็นเวลาสามปีหลังการเปลี่ยนแปลงของเธอ ที่อูซุนข้องเกี่ยวกับการให้บริการทางเพศ เธอฝ่ากระบวนการที่เธอจะถูกตั้งคำถาม, มองเห็น, และสัมผัสประสบการณ์วิธีการขยับย้ายในชีวิตผ่านร่างกายใหม่ เธอปฏิบัติการแสดงบุคลิกหญิงที่เร้าเพศสุด ๆ กับผมสีดำยาวของ, ชุดวับ ๆ แวม ๆ, และวางทีแบบสาวอันตราย (femme-fatale) รอสซา แดเนียล ลาง/เลวิทซกี อ้าง ในการวิเคราะห์คำว่า “หญิง” (“fem”) ของเธอว่า “การเป็นหญิง … คือการถูกมองเห็น … มันคือการทำให้ตัวคุณเองเป็นที่สังเกตุได้ เพื่อหากคุณต้องการความช่วยเหลือ ผู้คนของคุณก็จะรู้จักคุณ เพื่อว่าหากพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาก็จะรู้ว่าคุณคอยอยู่ข้าง ๆ พวกเขา สไตล์แบบหญิงชี้เป้าไปยังผู้ที่สวมใส่มันให้โดดเด่นเห็นตัวตนอยู่กับเควียร์คนอื่น ๆ” สไตล์หญิงแบบนี้คือคำประกาศแห่งการมองเห็นของอูซุน - ปฏิบัติการแสดงเป็นดีว่าอีกแบบหนึ่งที่เกี่ยวดองกันกับเออร์ซอย, มูเรน, หรือฮุยซุซ กับความแตกต่างอย่างเดียว: เวทีของเธอคือชีวิตของเธอ และเธอก่อสร้างโครงข่ายแห่งการสนับสนุนผ่านมัน

ตั้งแต่เวทีแรกในการสำรวจร่างกายของเธอ อูซุนเริ่มที่จะเผยแพร่บุคลิกของเธอ และฉวยทุกโอกาสที่เธอจะได้แสดง สำหรับผลงานวิดีโอ Vintage Porn, เธอร้องเพลงอาเรีย (Arias) และสาธิตและจำลองการทำงานให้บริการทางเพศของเธอกับเลนส์กล้อง อวดหน้าอกที่เบ่งบานของเธอและวิธีที่เธอยืนด้วยมือให้ลูกค้าหรือวิธีที่เธอคุยกับพวกเขา

Q-BRA ในฐานะเทพยดาบันดาลใจ (Muse)

ผ่านระยะเวลานับปี อูซุนได้สร้างสถานะเทพยดาบันดาลใจข้ามเพศ (trans muse) ให้ตัวเธอเอง สำหรับทั้งศิลปินท้องถิ่นและนานาชาติ มอบนิยามใหม่ให้กับแนวคิดดั้งเดิมเรื่องเทพยดาบันดาลใจที่มีเพศระบุไว้ ในทางประวัติศาสตร์แล้ว เทพยดาบันดาลใจคือคนรัก, คู่ครอง, และเพื่อนผู้ใกล้ชิดกับนักสร้างสรรค์ เทพยดาบันดาลใจถูกรับรู้ในฐานะแหล่งแห่งแรงบันดาลใจ ด้วยวิสัย, เสน่ห์, ภูมิปัญญา, ความหลักแหลม, และความยั่วยวนทางเพศของพวกเขา ด้วยความสามารถของเธอในฐานะเทพยดาข้ามเพศ อูซุนยกระดับการทำให้เป็นวัตถุเปล่า ๆ ปฏิเสธการลดทอนให้เป็นกลุ่มตัวอย่างศึกษาใด ๆ อย่างหนักแน่น เธอไม่ได้มาเพื่อโดนด้อยค่า เป็นความกระหายใคร่รู้และภาพที่หยุดนิ่งของความเป็นอื่น; เธอไม่สามารถถูกย่ำยีด้วยการจ้องมองแบบเพศชาย (male gaze) ในการแสดงของเธอกับกล้อง แม้กระทั่งตอนที่ถูกกำกับโดยคนอื่น อูซุนหนักแน่นในสถานะผู้กระทำการ (agency) ของเธอ ก่อร่างการกำหนดตัวตนของเธอเองอยู่กับความแจ่มแจ้งชัดเจน เธอสร้างสไตล์ที่มีชีวิต, การแสดง, ตัวตน ที่ท้าทายการจับกุม และลบล้างการจัดวางลำดับชั้นที่จะมาถือครองร่างกาย, ภาพ, หรือเรื่องเล่าของเธอ ในบางครั้ง เธออาจจะมอบภาพของเธอให้กับผู้ร่วมงาน แล้วก็ทำให้เกิดภาพตัวแทนที่เพิ่มพูนทุน(ทางวัฒนธรรม)กับตัวตนนั้นของเธอ อย่างไรก็ตาม นี่ก็ไม่ใช่การฉกฉวยผลประโยชน์อะไรไปได้เลย ตรงกันข้าม การมีส่วนร่วมของเธอขยายออกและเอื้ออำนวยต่อการทบทวี บดขยี้ตัวตนที่หลากหลายหรือมากมายของเธอให้กลายเป็นเพื่อน ๆ

งานเทพยดาบันดาลใจของอูซุนคือการร่วมงานกัน (collaborative) ด้วยตัวมันเอง เทพยดาบันดาใจในทางประวัติศาสตร์จะถือกันว่าแตกต่างจากผู้คนที่ทำงานจัดการ, สอน, ผูกมิตร, ให้คำแนะนำ, หรือศิลปินผู้สนับสนุน แต่อูซุนกลับยึดงานการดูแลคืน; ร่วมงานและสร้างแรงบันดาลใจกับผู้อื่น ด้วยการสร้างพื้นที่สำหรับผู้อื่นในงานแห่งเทพยดาบันดาลใจของเธอ ด้วยระยะเวลาที่ผ่านไป เมื่ออูซุนบรรจงเจาะกลุ่มเฉพาะของเธอ เธอก็ไปมีปฏิสัมพันธ์อีกครั้งในชีวิตสังคมและท่องไปเล่นดีเจ แล้วทำให้เกิดตัวตนใหม่: Q-BRA การดีเจเปิดให้เธอผสมผสานประสบการณ์จากอดีตเข้ากับแรงบัยดาลใจของเธอ สำแดงตนที่เป็นเอกลักษณ์อยู่ในดนตรีและชีวิตยามค่ำ ที่เธอสามารถอยู่บนเวที จัดบรรเลงพื้นที่ชุมชน เซ็ตเพลงที่เธอคัดเลือกคือ “การเดินทางในรูปแบบเสียง” และ “ประติมากรรมทางอารมณ์” ที่ปรับแต่งชีวิตของชนกลุ่มน้อยผ่านจดหมายเหตุทางเสียงของกลุ่มชุมชน กับคลังเสียงแซมเปิลที่รุ่มรวยจากเควียร์บรรพชน การเปิดเพลงเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้เธอพอใจ เธอกลับไปหารากของการแสดงสดของเธอ หยิบยืบสไตล์แบบคาบาเรต์ (Cabaret-style) มาใช้ถักทอเข้าด้วยกันกับการปกติดเพลงจากละครเพลงมิวสิคัลและอาเรีย (arias) นอกไปจากการแสดงของเธอ เธอแสดงในฐานะคุณแม่ข้ามเพศผู้แปลงเปลี่ยน สำหรับคนข้ามเพศและเควียร์รุ่นน้อง นำพวกเขาไปสู่โลกแห่งการแสดง ผ่านการผลิบานขึ้นของวงการคลับโว้กและบอลรูม ที่เกิดขึ้นมาจากความนิยมใจรายการแข่งโชว์แดร็ก (drag race show)

ในวิดีโอสัมภาษณ์ของเธอ สังเกตุเห็นได้ชัดว่าอูซุนเริ่มคำพูดของเธอด้วย “ฉัน” เพียงเพื่อหมุนไปหา “เรา” เน้นย้ำสายสัมพันธ์อันแบ่งแยกไม่ได้ระหว่างปัจเจกและหมู่รวม ขีดเส้นใต้การเกี่ยวพันกันของอัตลักษณ์ “ฉัน” ภายใน “เรา” และ “เรา” ภายใน “ฉัน”

‘ทุก ๆ ช่วงเวลาที่ฉันอยู่บนเวที ที่เราอยู่บนเวที ที่ฉันร้อง ที่เราร้อง ที่ฉันแสดง ที่เราแสดง คือช่วงเวลาที่หล่อเลี้ยงชุบชูพวกเรา ที่พวกเราตะโกน ที่พวกเราแสดงตัวตนของพวกเราออกมาในนามแห่งการดำรงอยู่ของเรา

การเคลื่อนไหวทำกิจกรรมก็คือช่วงเวลาเหล่านี้ ดังนั้นสำหรับพวกเราแต่ละคน เรากลายเป็นผู้กระทำการเคลื่อนไหวที่แท้จริงผ่านการแสดง’

ผู้มาก่อนอูซุน

ช่วงบ่ายวันหนึ่งที่ตึงเครียดในปี 1980 เพียงชั่วครู่ก่อนที่ทหารจะทำรัฐประหารที่จะเปลี่ยนประชาธิปไตยในตุรกีไปตลอดกาล บูเลนท์ เออร์ซอย นักร้องข้ามเพศ ท้าทายเหล่าความคาดหมาย ด้วยการขึ้นเวที เออร์ซอย อยู่ระหว่างการแปลงเพศภายใต้การจับตามองจากสาธารณะ เผชิญหน้ากับความสงสัยของผู้ชมเกี่ยวกับการบำบัดฮอร์โมนของเธอ เสียงตะโกนของพวกเขาให้เธอโชว์นมนำไปสู่ช่วงขณะแห่งการเปิดเพศอย่างโจ่งแจ้ง มันเป็นการประกาศแจ้งถึงอำนาจในการกำหนดตนเองอันทรงพลังมากกว่าการละเล่นยั่วเย้า ในเวลานั้น ที่เสรีภาพส่วนบุคคลยังอยู่ภายใต้การควบคุม มีผู้ฟ้องร้องโจมตีการกระทำนี้ ว่ามันบั่นทอนศีลธรรมอันดีของตุรกี และก็เลยเป็นการยืนยันความเป็นหญิงของเออร์ซอยไปเสียงั้นเลยด้วย ทั้งที่กฎหมายไม่ยอมรับ ทนายของเธอโต้กลับ ว่าก็เมื่อรัฐมองเออร์ซอยว่าเป็นผู้ชาย การโชว์หน้าอกก็ย่อมไม่ได้อนาจารอะไรด้วยมาตรฐานของพวกเขา ระบอบแห่งช่วง 1980s พยายามที่จะลบ “การผิดศีลธรรมแบบสาธารณะ” แบนหญิงข้ามเพศ และนักแสดงข้ามเพศจากเวที และพุ่งเป้าไปที่เออร์ซอยและผู้อื่นที่ “มองดูเหมือนผู้หญิงมากกว่าชายในเสื้อผ้าและพฤติกรรมบนเวที” การแบนครั้งนี้ขยายวงออกไปนอกเวทีด้วย นำไปสู่การลุกลามจับกุมคนข้ามเพศ ที่ประกอบไปด้วยการทรมาน, การบังคับเปลี่ยนแปลงรูปโฉม, และการขับไล่ออกจากเมือง

เมื่อถูกมองเป็น “ความอัปยศอดสูของสังคม” เออร์ซอยตอบกลับด้วยบทเพลง “Yüz Karası (ผู้เสื่อมทราม)” ซึ่งมีเนื้อเพลงที่กวัดแกว่งไปมาระหว่าง “เรา” กับ “ฉัน” เพื่อเน้นย้ำชะตากรรมที่คนชายขอบทางเพศต้องเผชิญร่วมกัน:

จะโดดเดี่ยวลำพังหรือใจกลางคำนินทา เราก็กล้ำกลืนความเจ็บปวดทุกหนแห่ง ดังพิราบโศก คุณก็คงร้องเหมือนกัน ในความระทมปานนั้น เมื่อชะตากรรมของฉันถูกปิดผนึก เทพยดาร่ำไห้อยู่เบื้องบน (...)

หลังจากการผ่าตัดแปลงเพศ เออร์ซอยเผชิญหน้ากับการต่อสู้ทางกฏหมายเพื่อการยอมรับทางเพศกและเพื่อปลดแบนการแสดงของเธอ ศาลไม่ยอมรับการแปลงเพศของเธอให้มีความชอบธรรม และเรียกเธออย่างไม่ใส่ใจไว้อยู่ในกลุ่ม “ชายผู้รักเพศเดียวกัน” แล้วจึงไม่สามารถมองเห็นความเป็นหญิงของเธอได้ อ้างไปถึงการตีความทื่อ ๆ ทางการแพทย์และกฎหมาย ที่ควบคุมสิทธิเหนือร่างกาย ต้องใช้เวลาถึงแปดปี เออร์ซอยถึงจะทวงพื้นที่บนเวทีในตุรกีคืนมาได้ และมีตัวตนในทางกฎหมายในฐานะผู้หญิงที่มี “บัตรประชาชนสีชมพู” หลักไมล์ที่สำคัญที่สะท้อน “เสรีภาพ” ฉบับรัฐบาลนีโอลิเบอรัลซึ่งกำลังเฟื่องฟู

แม้จะผ่านการต่อสู้เรื่องเพศและอัตลักษณ์ทางเพศมาแล้ว แต่เออร์ซอยเองก็ไม่ได้สนับสนุนสิทธิ LGBTIQ+ ตรงกันข้าม เธอดูจะเข้ากันได้กับอุดมการณ์แบบอนุรักษนิยมและชาตินิยม เธอเว้นระยะตัวเองกับชุมชน LGBTIQ+ และทำกระทั่งประนามการรักร่วมเพศในวันแห่งสัญลักษณ์ของขบวนพาเหรดไพรด์ในอิสตันบูลปี 2016 ในขณะที่เควียร์กำลังโดนปราบอย่างเหี้ยมโหด ในเดือนถัดมา นักกิจกรรมข้ามเพศ ฮานเด เคเดอร์ (Hande Kader) ถูกข่มขืน ถูกกระทำย่ำยี และถูกเผา ภายใต้ระบอบอำนาจนิยมรุนแรงของเออร์โดกาน (Erdogan) ตุรกีกลายเป็นจุดส่งแรงสะเทือนแห่งการฆาตรกรรมคนข้ามเพศในยุโรป

คู่ขนานกันไปกับเรื่องของเออร์ซอย บุคคลสำคัญอย่าง ฮูยซุซ วีรจีน (Huysuz Virjin) หรือ “วีรจีนขี้หงุดหงิด” และ เซคี มูเรน ก็กำลังท้าทายขนบเดิม ๆ ทางเพศ และเผชิญหน้ากับการแบนการแสดงในที่สาธารณะและการเผยแพร่ออกอากาศ ด้วยฉายา “ลิเบอเรซแห่งตุรกี” (Turkish Liberace) มูเรนถูกยกย่อง ไม่เพียงแต่ด้วยพรสวรรค์ทางดนตรีของเขา แต่ยังในฐานะสัญลักษณ์นอกศาสนา ใต้ระบอบทหาร จารึกสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับสิ่งภูมิภาค, ก่อนโมเดิร์น, ที่ไม่ใช่ตะวันตก ชุดที่สดใสขึ้นเรื่อย ๆ ของมูเรน จากกะโปรงสั้นสู่รองเท้าส้นตึก คือสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ มากกว่าคำประกาศถึงเพศของเขา ท่ามกลางรูปลักษณ์เยอะ ๆ ของเขา เขาปฏิเสธนัยความหมายแฝงใด ๆ เกี่ยวกับเพศของเขา อ้างว่าสไตล์เหมือนกันกับของซีซาร์, บรูตุส, หรือเจ้าชายจากต่างดาว มากกว่าชายตุรกีทั่วไป ที่ข้างหลังม่าน มูเรนแอบสนับสนุนคลับเกย์และมีความสัมพันธ์กับหนุ่ม ๆ โปรไฟล์ดี แต่ตัวตนในทางสาธารณะของเขา ที่บรรจงสร้างผ่านการปรากฎตัวตามสื่อและบทที่เขาเล่นในหนัง ก็ถูกคัดสรรอย่างดี ให้ดูเป็นคนชอบเพศตรงข้าม เสียงดนตรีของเขา เล่าเรื่องรักที่ไม่สามารถครอบครองและความเศร้าโศก สั่นสะเทือนไปลึกซึ้งสู่ผู้ฟังของเขา และกลายเป็นสื่อกลางที่เขาจะได้สื่อสารความรู้สึกภายใน ผลงานดนตรีที่มากมายของเขาเต็มไปด้วยเพลงที่ร้องไห้กับรักที่เป็นไปไม่ได้, ความกลัวที่จะถูกทอดทิ้ง, และความเศร้าซึม ซึ่งคือ “พาหนะที่อยู่ทุกหนแห่ง สำหรับการสื่อสารระหว่างมูเรนกับแฟน ๆ ของเขา”

ไม่ต้องบอกผู้ใด ไม่ต้องให้ความโหยหาเราเป็นที่รับรู้ ไม่ต้องถูกดูในที่กำบัง เราจะพบกันในฝัน เราจะพบกันด้วยเพลงเพลงนี้

ในทำนองเดียวกันกับที่พวกทหารทำ แฟน ๆ ของมูเรนเรียกเขาว่า “พาชา” (Pasha) [ชื่อตำแหน่งสูง ๆ ทางทหารของตุรกี เหมือนฉายา “จ่า/เสธ.” ของคนไทย] สุดยอดทหารผู้บังคับบัญชา เขารับฉายานั้นด้วยความภูมิใจ เบี่ยงเบนความสนใจในการตีความของสาธารณชนไปจากกลิตเตอร์ของเขา ไปหาภาพความเป็นชายแทน ถ้าตามที่เขาว่ากัน ตอนที่เขาถูกถามเรื่องฉายานั้น มูเรนตอบว่า “พวกเขาจะไม่เรียกผมว่ายัยตุ๊ดถ้าเขาเรียกผมว่าพาชา” อย่างไรก็ตามเกราะกำบังนี้ล็อกเขาไว้กับการมีส่วนร่วมกับการทหาร หลังเขาเสียชีวิตในขณะที่แสดงอยู่บนเวที พินัยกรรมของมูเรนเปิดออกมาว่าเขามอบสมบัติให้กับมูลนิธิที่ช่วยเหลือทหารและทหารผ่านศึกตุรกี มันก็พูดยากว่าการตัดสินใจนี้ของเขาเป็นเหลี่ยมที่เขาแหย่และต้อนกองทัพตุรกีอันโด่งดังในด้านคลังแห่งหนังโป๊เกย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือเปล่า ในวันนี้ โชคไม่ดีที่ทั้งลิขสิทธิในเพลงของเขาและภาพสาธารณะของเขานั้นถูกควบคุมโดยกองทัพตุรกี; ชีวประวัติของมูเรนไม่สามารถตีพิมพ์ได้ และใครก็ตามที่อยากเล่นคัฟเวอร์เพลงของเขาจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับทางกองทัพ

มูเรน, เออร์ซอย, และฮูยซุซ ถูกมองโดยทั่วไปในฐานะเควียร์ผู้มาก่อน ในขณะที่ก็ถูกวิพากษ์สำหรับการอยู่เป็น ไม่กล้าหาญพอที่จะ “เปิดตัว” ตัวเอง ฉันสงสัยในเรื่องการนิยามตัวตน (persona) ของผู้ไม่ยอมอยู่ในกรอบทางเพศในฐานะชาวเควียร์ และพบว่านี่มันทั้งไม่ตรงยุคและเป็นมุมมองแบบตั้งศูนย์กลางมาจากตะวันตก แล้วยังเป็นการยัดเยียดที่ไม่จำเป็นสำหรับการจัดประเภทอัตลักษณ์อีกด้วย ฉันไม่ได้คาดหวังความโปร่งใสจากบุคคลสาธารณะ และปฏิบัติการแห่งการเปิดเผยตัวตนทางเพศในแบบที่มันเป็นอยู่ก็กำลังอยู่ในจุดที่หมิ่นเหม่ ฉันหวังจะเห็นพวกเขามีตัวตน/สไตล์แบบเควียร์หรือกระทำความเควียร์ต่าง ๆ แทนที่จะเป็นเควียร์; ฉันเลือกที่จะมองไปยังชีวิตและผลงานเพื่อที่จะจัดวางแง่มุมและยุทธวิธีของเควียร์ที่ได้ฝังลึงลงไปในความทรงจำร่วมของสังคมตุรกีเรียบร้อยแล้ว

โรคระบาดทำให้ LGBTIQ+ ที่เป็นคนโชว์กลางคืนต้องตกงาน ตอกย้ำสถานะที่เปราะบางอยู่แล้วยิ่งขึ้นไปอีก อูซูนรับมือด้วยการไปร่วมก่อตั้ง ‘Through the Window’ พื้นที่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่มาถ่วงดุลสื่อโซเชียลและการประชุมออนไลน์ด้วยศิลปะดิจิทัล, การแสดง, และงานกิจกรรมโดยศิลปินเควียร์จากตุรกีและเนเธอร์แลนด์ การสนับสนุนให้เป็นที่รู้จักและการสนับสนุนด้านการเงิน ทำให้ศิลปินท้องถิ่นได้รับความสนใจ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่อยู่นอกวงการศิลปะดั้งเดิมได้สร้างงานและแบ่งปันผลงานออกมา สำหรับอูซูน โปรเจกต์นี้ไม่ได้เป็นแค่การนำเสนอผลงานศิลปะ; มันเกี่ยวกับการสร้างพื้นที่การสื่อสาร สำหรับการแสดงออกและการเชื่อมโยงกัน อุดรอยกลวงเปล่าที่ถูกทิ้งมาจากการปิดตัวลงของพื้นที่จัดงานทางกายภาพ

ตั้งแต่ปี 2015 ตุรกีพบกับการจำกัดกิจกรรมไพรด์ เพื่อความหลากหลายทางเพศ ผู้มีอำนาจสั่งแบนการรวมตัวเล็ก ๆ ในฤดูกาลของไพรด์ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละปี ผู้คนนับร้อยก็ยังท้าทายการแบนเหล่านี้อย่างกล้าหาญ และมุ่งมั่นที่จะจัดการเดินขบวนไพรด์ในอิสตันบูลต่อไป ความพยายามที่สร้างสรรค์ของพวกเขาเพื่เอาชนะการจำกัดมักจะอยู่กับแทคติกการเมืองที่แหลมคม อย่างการสร้างสิ่งกีดขวาง (blockades), แก๊สน้ำตา, และการปิดบริการคมนาคมสาธารณะ, นำมาสู่การจับกุม 25 คนในปี 2021 และพุ่งขึ้นสูงถึง 373 คนในปี 2022.

ความเป็นจริงที่คลี่ตัวออกในปัจจุบัน

ในปี 2020 ขณะที่ฤดูไพรด์เริ่มใกล้เข้ามา อูซูนปลดปล่อยจิตวิญญาณแห่งการลุกดขึ้นสู้มาสู่ดนตรี โดยสร้าง “ALAN2020 (SPACE2020).” เพลงที่ผุดขึ้นมาเป็นเพลงชาติแห่งไพรด์ประจำปีนั้น สมาชิกจากต่างชุมชนช่วยกันแชร์วิดีโอที่พวกเขาเต้นกับเพลงนั้น โดยที่พวกเขาถูกถักทอเข้าด้วยกันเป็นวิดีโอตัวเต็ม เนื้อเพลงมีอยู่ว่า

เราเหลืออดแล้ว เราจะปั่นป่วนไปจนหยดสุดท้าย ออกไปให้ห่างจากสายตาพวกเราถ้าคุณคิดว่าเราเลือกข้าง ร็อค ร็อค ช็อค ช็อค มองข้างหลัง มองอย่างภาคภูมิ จะเอาชนะมันได้ ไม่ใช่งานง่าย

ฉันเสรีที่รัก!

พอทีความเกลียดชัง ให้ดอกไม้ได้เดินขบวน เบ่งบานเพื่อบานเบ่ง ล้นทะลักจากข้างบน เขาเจ็ดลูก สีเจ็ดสี เราคือลูบุนกา (lubunca) สีสันไม่จาง และเสียงเราก็เช่นกัน

ด้วยการร่วมงานกับศิลปิน/ผู้กำกับ Onur Karaoğlu อูซูนกสร้าง ‘เสียงร้องแห่งประวัติศาสตร์ข้ามเพศ’ A Trans History Sung การแสดงข้ามศาสตร์ที่ถักทอองค์ประกอบของการแสดง, ละครเวที, และดิจิทัลอาร์ต การแสดงนี้เปิดตัวที่การไลฟ์สดในอินสตาแกรม บนบัญชีที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ A Trans History Sung. หลังจากนั้น การแสดงดิจิทัล กับคอมเมนต์จากผู้ชมทางบ้าน ภาพที่แบ่งปันกันมา และเรื่องเล่าย้อนกลับทั้งหลาย ก็ถูกตัดต่อเข้ารวมกันเป็นวิดีโอสี่จอ ที่แสดงในฐานะส่วนหนึ่งของงานการแสดง Volksbühne Berlin's Next Waves Theater program.

การแสดงนั้นทำให้เห็นจุดสำคัญหนึ่งในชีวิตของอูซูน ที่เห็นได้ในการตัดสินใจอันเฉียบแหลมที่จะย้ายไปอยู่ที่เบอร์ลิน ตลอดการแสดงนั้น อูซูนเล่าเรื่องที่สำคัญในชีวิตเธอในฐานะคนข้ามเพศในอิสตันบูล สลับกันกับการแสดงบทเพลงที่สำคัญทั้งในทางส่วนตัวและส่วนรวม ศิลปินเองสะท้อนออกมาว่า “เราฟังความทรงจำของฉัน ความทรงจำที่เรามีร่วมกัน สร้างอนุสรณ์สถานดิจิทัล; แม้ฉันจะออกจากอิสตันบูลไป บัญชีอินสตาแกรมนี้จะยังยืนยงอยู่เป็นคำประกาศ การจากลานั้นยากกว่าหรือการยังอยู่? ใครถูกบีบบังคับให้ลา? ในการแสดงนี้ ฉันจากไป แต่มันเป็นการจากลาที่ฉันปรารถนาอย่างแท้จริงงั้นหรือ?”

ในปี 2021 อูซุนได้แรงบันดาลใจจากผลงานสุดกวนที่โมสาร์ทเขียนให้เพื่อนของเขาอย่าง “Leck mich im Arsch (เลียตูดฉัน)“ และนำมันมานำเสนอใหม่ ดัดแปลงบทประพันธ์แบบแคนนอนสี่ท่อนของโมสาร์ทมาทำเนื้อเพลง ‘ลูบูนกา’ Lubunca และอัดเสียงร้องเปล่า ๆ ของมัน อูซูนสร้าง Koli Canon (แคนนอนของคู่ขา). แคนนอน — รูปแบบการประพันธ์และเทคนิคดนตรีที่ตั้งอยู่บนหลักการแห่งการเลียนแบบ โดยทำนองที่ถูกเลียนจะถูกเล่นในเวลาที่วางไว้ ทับซ้อนกันไปมากับทำนองอื่น — มันน่าสนใจตรงแนวโน้มทางการเมืองของมัน แต่ละเสียงที่สอดประสานกันกับทำนองเดิมที่ถูกเล่นซ้ำ เจือปนไปด้วยโทนเสียงที่ต่างกัน สร้างตำแหน่งแห่งที่ของตนภายในกรอบดนตรีที่มีร่วมกัน และก่อให้เกิดการผสมผสานของการแสดงออกส่วนบุคคลและความไร้ตัวตนร่วมกัน

งาน “Koli Canon” ขับร้องโดยสี่ตัวตนที่สร้างขึ้นมา: Butch Berna, Dikiz (Voyeur) Jülyet, Madame Sipsi, และตัว Kübra Uzun เอง อยู่ในฉากของงานน้ำชาที่บ้านของอูซูน แคนนอนคลี่คลายทำนองของมันไป เรื่องเล่าที่เกี่ยวพัน ขบขัน และส่งพลังของตัวละครเหล่านี้ก็เผยภาพของมันไป ตัวตนเหล่านี้ที่อูซูนเรียกว่า “เพื่อนใหม่” ที่เธอเพ้อพกขึ้นมาล้วนเตือนให้นึกถึงจักรวาลของฮูยซุซ วีรจิน, มูเรน, และบูเลนท์ เออร์ซอย: ตัวตนสไตล์แคมป์ (camp) ระดับตำนาน ผู้ที่อูซุนแยกตัวออกมาทางการเมือง ถึงจะเอาสไตล์ของพวกเขามาใช้ พอบวกเข้ากับเรื่องราวชีวิต, สไตล์, เครื่องแต่งกาย, เนื้อเพลง, และเสียง Koli Kanonu จัดวางตัวเองในฐานะเอ็มวีที่ประกอบไปด้วยงานศิลปะซึ่งใช้วิธีการสร้างโลกแบบเควียร์ ในวิดีโออีกชิ้น “Jülyet's Habanera” อูซุนตีความผลงานของบีแซจากคาร์เมนใหม่ กับเนื้อเพลงในลูบูนกา โดยสวมใส่เหล่าตัวตนของเธอ ในตัวตนของ Dikiz Jülyet เธอร้องว่า

‘ก้นนี่เป็นของฉัน นมนี่เป็นของฉัน ฉันจะเอาใครมันก็เรื่องฉันเองจะตัดสินใจ ฉันจะเลือกเองว่าจะทำอะไร: หนุ่มน้อยหรือป๋าหรือใคร ๆ ก็ตาม’

ผลงานการละคร ชีวิต และตัวตนต่าง ๆ ของคูบราอูซุนสร้าง 'โรงละครแห่งชีวิตประจำวันที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งมากำหนดความเป็นจริง' ทำลายระยะห่างระหว่างศาสตร์แห่งการมี (ontology) อยู่และการแสดง เธอไม่เคยแสดงบุคลิกภาพที่เธอไม่ได้ประดิษฐ์ขึ้นเอง เพราะมันไม่มีชีวิตในอดีตหรืออนาคตของพวกมัน การแสดงของเธอดำเนินต่อไปใน 'โครงการสร้างโลก' ของเธอ นั่นคือ มัน 'พยายามสร้างโลก ที่แนวคิดของ 'โลก' แตกต่างจาก 'ความเป็นสาธารณะ' ... แตกต่างจากชุมชนหรือกลุ่ม เพราะมันจำเป็นต้องรวมผู้คนมากกว่าที่จะระบุได้ พื้นที่มากกว่าที่จะวางแผนที่ได้เกินไปกว่าจุดอ้างอิงไม่กี่จุด รูปแบบของความรู้สึกที่สามารถเรียนรู้ได้มากกว่าที่จะยืมมาจากสังคม'

1. Rosza Daniel Lang/Levitsky, ‘‘Our Own Words: Fem & Trans, Past & Future,’’ e-flux 117( April 2021): 20. 2. Vintage Porn - Part I,2014. Directed by Emre Busse & Burak Erkil, Produced by Pornceptual, Act: Q-BRA, Performance: Selin Tural, Make-up: Deniz Eda Göze, Soundtracks: “Votre Toast” by Bizet, “Vogue” by Madonna https://vimeo.com/110359301. 3. Paul Miller, “Algorithms: Erasures and the Art of Memory,” in Audio Culture: Readings in Modern Music, ed. Christoph Cox and Daniel Warner, rev. ed. (Bloomsbury Academic, 2017), 472. 4. https://www.youtube.com/watch?v=Iv28guYlqU4 Commissioned by the Pera Museum, Istanbul. Director: Alper Yıldırım and Ipek Cinar; Director of Photography: Ilkin Eskipehlivan; Producers: Çiçek Çocuk, Alper Yıldırım, and İpek Çınar; Music: Flower Child; Mix and Mastering: Baris Ergun; Styling: Antresx; Makeup: Tusidi. 5. “Bülent Ersoy giyimini düzeltmesi için emniyete çağrılarak uyarıldı,” Milliyet, January 28, 1981. 6. Başak Ertür and Alisa Lebow, "Coup de Genre: The Trials and Tribulations of Bülent Ersoy," Theory & Event 17.1 (2014). 7. Translation by Bülent Somay, through Başak and Lebow, "Coup de Genre: The Trials and Tribulations of Bülent Ersoy." 8. Martin Stokes, "The Tearful Public Sphere: Turkey’s ‘Sun of Art,’ Zeki Müren," in Music and Gender: Perspectives from the Mediterranean, ed. Tullia Magrini (Chicago: the University of Chicago Press, 2003), 307-328. 9. Eser Selen, "The Stage: A Space for Queer Subjectification in Contemporary Turkey," Gender, Place & Culture 19.6 (2012): 738. 10. Selen, “The Stage,”737. 11. Until recently, gay men in Turkey seeking exemption from compulsory military service, which prohibits the participation of “sick” gay men, were compelled to submit photographic or video evidence of themselves engaging in sexual intercourse, specifically in a passive role, to validate their sexual orientation. 12. https://www.npr.org/2022/06/27... 13. Music: Mx. Sür and Kübra Uzun; Lyrics: Kübra Uzun; Director: Efe Mine; Producer: XSM Recordings; Mixing: Salih Topuz; Mastering: Çağan Tunalı; Mx. Sür and Kübra Uzun's Costume Design: AntreSx; Mx. Sür & Kübra Uzun's Makeup: tusidi; Translation: Willie Ray & Madır Öktiş. 14. “Queer” in Lubunca. 15. Video version: https://vimeo.com/485413101/ddddcc338f; Instagram page: @atranshistorysung 16. Conceived and Performed by Kübra Uzun, Conceived and Directed by Onur Karaoğlu, Video Editing and Sound by Emre Kaya, Additional Camera by Metin Akdemir FOX, Arya Sezer, Translation by Nazım Dikbaş, Additional Translation by Onur Karaoğlu 17. Lubunca is a secret Turkish cant and slang used by sex workers and the LGBTIQ+ community in Turkey; derived from slang used by Romani people, it also uses terms from other languages, including Greek, Arabic, Armenian, and French. 18. Berlant, Lauren, and Michael Warner. "Sex in public." Critical inquiry 24.2 (1998): 558