Baphoboy กับคำถามถึงความเชื่อและศาสนา ในวันที่ทุกสิ่งผสมปนเปกันไปหมด

Baphoboy กับคำถามถึงความเชื่อและศาสนา ในวันที่ทุกสิ่งผสมปนเปกันไปหมด

Baphoboy กับคำถามถึงความเชื่อและศาสนา ในวันที่ทุกสิ่งผสมปนเปกันไปหมด

ถ้าให้ลองหยิบยกผลงานศิลปะสะท้อนสังคมการเมืองไทย ที่เดือดดาลไม่แพ้เหตุการณ์ในทุกวันนี้ ภาพหน้ายิ้มปริศนาเป็นแพทเทิร์นเดียวกัน คงเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ใครหลายคนคงรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี ซึ่งผลงานอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์นี้จะเป็นของใครไปไม่ได้เลยนอกจาก Baphoboy ศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้มาพร้อมกับการตั้งคำถามต่อทุกสิ่งรอบตัว

ความเป็นคนช่างสงสัย ทำให้ Baphoboy เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองเท่านั้น แต่ทุกสิ่งรอบตัวของเขา ทำให้เกิดคำถามได้ทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องเพศ การศึกษา ระบบสังคม รวมถึงเรื่องศาสนาด้วยเช่นกัน

การเรียนในห้องเรียนที่ถูกครอบด้วยความคิดแบบดั้งเดิม กลายมาเป็นหนึ่งปัญหาใหญ่ในการแสดงออกทางความคิดของเด็กรุ่นใหม่ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถถ่ายทอดผลงานตามที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่ Baphoboy รู้ซึ้งถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่านิสัยส่วนตัวที่เป็นคนประเภทยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ส่งต่อถึงการสร้างสรรค์ผลงานของเขาโดยตรง ดังนั้น ทุกคำถามที่เขาตั้งขึ้น จึงเป็นเหมือนแรงผลักดันสำคัญในการต่อยอดความคิดและวิธีการแสดงออกในผลงานที่แตกต่างออกไป

การเป็น LGBTQ มีส่วนสำคัญอย่างมากต่องานของ Baphoboy โดยเฉพาะในภาพที่เกี่ยวข้องกับ ‘ศาสนา’

เมื่อพูดถึง ศาสนา และ ความเชื่อ ในทุกวันนี้ การหยิบเอาหลักตรรกะเหตุผลในโลกสมัยใหม่มาเปรียบเทียบกับโลกยุคเก่าคงเป็นแนวคิดที่อธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้ดีที่สุด แต่สำหรับ Baphoboy คำถามที่โลดแล่นอยู่ในหัวของเขา เกิดขึ้นมาอย่างง่าย ๆ พร้อมกับความ ‘แฟนตาซี’ ที่มีเอ่อล้นอยู่เต็มตัวตั้งแต่ยังเด็ก

Baphoboy พบว่า เสียงสวดมนต์ในวัด โบสถ์ หรือดอกไม้ท่ีประดับตามพิธีต่าง ๆ อย่างสวยงาม สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีกลิ่นอายของความเป็นหญิง Baphoboy จึงเริ่มสงสัยว่าการที่ตัวเขาเป็นเกย์ เกิดขึ้นจากการเข้าวัดทำบุญด้วยหรือไม่ เมื่อเกิดคำถามหนึ่ง คำถามถึงศาสนาในแง่มุมอื่น ๆ ก็ตามมา เกิดเป็นผลงานที่นำเอาประวัติศาสดา มาตีความใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง

ความคิดของผู้คนที่ขัดแย้งในตัวเอง เช่นการโหยหานิพพาน แต่ก็ยังยึดติดกับรูปเคารพ รวมถึงความเชื่อและวิถีปฏิบัติทางศาสนาที่ผสมปนเปในสังคม ส่งผลโดยตรงต่อการเลือกเอาวัตถุดิบมาใส่งาน อย่างการหยิบภาพของ Sandro Botticelli มาตีความใหม่เป็นเรื่องราวเมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ แต่ผู้ให้กำเนิดดันเป็นพระแม่มารีในศาสนาคริสต์ ดังนั้น ภาพศาสนาของ Baphoboy จึงเป็นเหมือนตัวแทนสังคมที่ยุ่งเหยิงในทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับ Baphoboy แล้ว สิ่งต่าง ๆ รอบตัว เป็นเหมือนกุศโลบายที่เกิดขึ้นเพื่อให้เขาตั้งคำถาม และงานของเขาเองก็ตอกย้ำถึงสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะทั้งภาพวาดทางการเมืองและภาพศาสนา ไม่ได้มีความหมายเบ็ดเสร็จตายตัว แต่เป็นเหมือนกับการส่งคำถามต่อถึงผู้ชม ซึ่งใครจะตีความไปในทางไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิดและประสบการณ์ส่วนตัวที่แตกต่างกันออกไป

ติดตามผลงานของ Baphoboy ได้ที่ : Instagram