ในหลาย ๆ ครั้งที่มีการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลกก็มักจะมีชื่อของเวียนร่วมติดอันดับด้วยเสมอ ไม่ว่าจะด้วยสภาพบ้านเมืองที่ยังคงความงดงามในแบบยุโรปแท้ ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของเวียนนาได้เป็นอย่างดี หรือจะด้วยความเป็นเมืองแสนสงบที่มีพื้นที่สีเขียวที่กินอาณาบริเวณมากกว่าครึ่งของพื้นที่ทั้งหมด และยังมีพื้นที่สาธารณะมากยิ่งกว่าเมืองไหน ๆ แต่มันก็ทำให้ประชากรชาวเวียนนาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน

ในหลาย ๆ ครั้งที่มีการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลกก็มักจะมีชื่อของเวียนร่วมติดอันดับด้วยเสมอ ไม่ว่าจะด้วยสภาพบ้านเมืองที่ยังคงความงดงามในแบบยุโรปแท้ ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของเวียนนาได้เป็นอย่างดี หรือจะด้วยความเป็นเมืองแสนสงบที่มีพื้นที่สีเขียวที่กินอาณาบริเวณมากกว่าครึ่งของพื้นที่ทั้งหมด และยังมีพื้นที่สาธารณะมากยิ่งกว่าเมืองไหน ๆ แต่มันก็ทำให้ประชากรชาวเวียนนาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน

ปักหมุด 5 จุดท่องเที่ยวในเวียนนาที่สายศิลปวัฒนธรรมไม่ควรพลาดเด็ดขาด

ในหลาย ๆ ครั้งที่มีการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลกก็มักจะมีชื่อของเวียนร่วมติดอันดับด้วยเสมอ ไม่ว่าจะด้วยสภาพบ้านเมืองที่ยังคงความงดงามในแบบยุโรปแท้ ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่มรวยทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของเวียนนาได้เป็นอย่างดี หรือจะด้วยความเป็นเมืองแสนสงบที่มีพื้นที่สีเขียวที่กินอาณาบริเวณมากกว่าครึ่งของพื้นที่ทั้งหมด และยังมีพื้นที่สาธารณะมากยิ่งกว่าเมืองไหน ๆ แต่มันก็ทำให้ประชากรชาวเวียนนาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน

และด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีจนน่าอิจฉาของประชากรในเมืองแสนโรแมนติกแห่งนี้ และการเป็นสถานที่ให้กำเนิดศิลปินและนักคิดนักเขียนระดับโลกมากมาย ก็ทำให้ในแต่ละปีเวียนนามีเหล่านักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นพระราชวัง Schönbrunn พระราชวัง Belvedere ร้านกาแฟโบราณสไตล์ Coffee House บริเวณ MuseumsQuartier และอีกหลายสถานที่ยอดฮิตที่ยังคงกินใจเหล่านักเดินทางจากทั่วโลกทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันไม่เสื่อมคลาย

Schönbrunn Palace
สัมผัสบรรยากาศพระราชวังที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิ Napoléon Bonaparte และพระนาง Marie Antoinette 

ในหมู่มวลพระราชวังทั่วทั้งเวียนนา พระราชวัง Schönbrunn ยังคงยืนหนึ่งในด้านความยิ่งใหญ่อลังการจากอาคารสไตล์ Baroque ที่เป็นที่นิยมในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยมันถูกออกแบบโดย Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi ตั้งแต่ช่วงปี 1696 - 1712 เพื่อใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ Habsburg ที่เคยปกครองประเทศออสเตรียมาอย่างยาวนาน โดย เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ Napoléon Bonaparte และพระนาง Marie Antoinette เมื่อครั้งยังเยาว์วัยด้วย

แม้ในปัจจุบันประเทศออสเตรียจะหมดยุคของระบอบจักรพรรดิและเข้าสู่การปกครองแบบสหพันธรัฐเต็มตัว แต่พระราชวัง Schönbrunn ก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับต้น ๆ ของเวียนนาสำหรับเหล่านักท่องเที่ยว ด้วยภายในที่มีถึง 1,441 ห้องและเป็นที่จัดแสดงผลงานศิลปะจำนวนมาก, สวนจัดสไตล์ Baroque บริเวณด้านหน้าพระราชวังที่มีความสวยงามอลังการติดอันดับโลก, Tiergarten Schönbrunn สวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และสิ่งก่อสร้างที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย จึงทำให้พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในเวลาต่อมา

The Wiener Musikverein
ฟังเพลงคลาสสิคในบรรยากาศแบบดั้งเดิม

มาถึงเมืองแห่งดนตรีคลาสสิคแบบเวียนนาแล้วจะไม่แวะไปสัมผัสประสบการณ์จริงด้วยตาและหูตัวเองก็คงจะยังไง ๆ อยู่ ซึ่งถ้าเราคิดจะไปฟังการบรรเลงดนตรีคลาสสิคแบบสด ๆ ที่เวียนนากันสักครั้งในชีวิตก็จะไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า The Wiener Musikverein ฮอลล์แสดงดนตรีคลาสสิคเก่าแก่ที่เปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 1870 และในปัจจุบันก็ยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตของวง Vienna Philharmonic หนึ่งในวงออร์เคสตราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกด้วย

นอกจากความยิ่งใหญ่ของงานดนตรีแล้ว ตัวอาคารและการตกแต่งภายในเองก็มีความสวยงามอลังการไม่แพ้กัน โดยมันได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวแดนิช Theophil Hansen ที่ต้องการจะให้อาคารแห่งนี้มีลักษณะแบบวิหารจากยุคกรีกโบราณในสไตล์ Neoclassical ที่เป็นการฟื้นฟูศิลปะแบบกรีกโรมันกลับมาทำใหม่อีกครั้ง

ลองหลับตาแล้วนึกถึงการได้สัมผัสกับความอลังการของ ‘Serenade No. 13 : Eine kleine Nachtmusik’ โดย Mozart หรือการได้ฟังเพลงวอลซ์หวาน ๆ ‘The Blue Danube’ โดย Johann Strauss II ในสถานที่ที่นอกจากจะสวยงามอลังการแล้วยังมีอายุร่วม 150 ปีดูสิ แค่คิดก็ฟินแล้ว

Café Museum
แวะจิบกาแฟในร้านเดียวกับศิลปินเอกระดับโลก

แม้วัฒนธรรม Coffee House จะถือกำเนิดมาอย่างยาวนานและกระจายตัวไปในหลายประเทศทั่วยุโรป แต่เวียนนาก็ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่โดดเด่นและยังคงเก็บรักษาความงดงามของมันไว้ได้อย่างดีจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดย UNESCO ซึ่งทั่วทั้งเมืองเวียนนาจะมีร้านกาแฟสไตล์ดั้งเดิมอายุกว่าหลายร้อยปีปรากฏให้เห็นมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Café Museum ร้านกาแฟเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1899 โดยชื่อ Café Museum ก็มีที่มาจากตำแหน่งที่ตั้งของมันที่อยู่ใกล้กับ Kunsthistorisches Museum อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญของเวียนนานั่นเอง

แม้จะไม่ใช่ร้านกาแฟสไตล์ Coffee House ที่เก่าแก่หรือสวยงามที่สุดในเวียนนา แต่ร้าน Café Museum ก็ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาตร์อย่างมาก เพราะมันเป็นที่นัดพบสำคัญของเหล่าศิลปิน สถาปนิก และนักคิดนักเขียนชาวออสเตรียในขณะนั้นมากมาย ตั้งแต่ Gustav Klimt, Oskar Kokoschka, Egon Schiele, Otto Wagner ไปจนถึง Karl Kraus ที่จะคอยแวะเวียนกันมานั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ และนัดพบมิตรสหายมากหน้าหลายตากัน ณ ที่แห่งนี้

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ร้าน Café Museum มีการดัดแปลงตกแต่งเพิ่มเติมจากดีไซน์แรกเริ่มของสถาปนิก Adolf Loos อยู่หลายครั้ง แต่อย่างไรก็ดี มันก็ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายในแบบ Coffee House ดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น การใช้ท็อปโต๊ะหินอ่อน เก้าอี้ไม้ดัด Thonet และการปูพื้นด้วยไม้ปาร์เกต์ รวมไปวัฒนธรรมการกินกาแฟที่ไม่เหมือนใคร

Naschmarkt
ช็อปปิ้งในตลาดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน พร้อมชมอาคารโดยกลุ่ม Vienna Secession ที่ตั้งอยู่โดยรอบ

เดินชมงานศิลปะและสถาปัตยกรรมกันจนเหนื่อยแล้วก็คงได้เวลาของการช็อปปิ้งสักที แต่จะให้สายศิลปวัฒนธรรมแบบเราไปช็อปปิ้งในกันห้างก็คงจะธรรมดาเกินไป เราจึงมาปักหมุดกันที่ Naschmarkt ตลาดที่โด่งดังและได้รับความนิยมสูงสุดในเวียนนามาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16

ณ ตลาดแห่งนี้ เราไม่เพียงสามารถเลือกซื้อของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม และวัตถุดิบที่มีคุณภาพมากมายตั้งแต่เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ ชีส ไปจนถึงผลไม้สดเท่านั้น แต่สำหรับคนรักงานศิลปะและการออกแบบแล้ว ตลาดแห่งนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยอาคารที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกกลุ่ม Vienna Secession (กลุ่มศิลปินและสถาปนิกชาวเวียนนารุ่นใหม่ที่นำทีมโดย Gustav Klimt ในช่วงปี 1897 - 1914) ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย หนึ่งในนั้นคือผลงานการออกแบบอาคาร Majolikahaus โดย Otto Wagner สถาปนิกผู้โด่งดังนั่นเอง

 

Hotel Sacher 
ชิมเค้ก Sachertorte รสชาติดั้งเดิมที่โรงแรมต้นฉบับ

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมแล้ว เวียนนายังเป็นอีกหนึ่งเมืองที่โดดเด่นด้านวัฒนธรรมการกินที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานหลายร้อยปี หนึ่งในนั้นคือเมนู Sachertorte ที่ไม่เพียงเป็นของดีเมืองเวียนนา แต่ยังโด่งดังไปทั่วโลกด้วย

Sachertorte คือเค้กช็อคโกแลตรสชาติเข้มข้นที่ถูกสอดไส้ด้วยแยมแอพริคอต เคลือบผิวด้านนอกด้วยดาร์คช็อคโกแลตเนื้อเนียน และมักจะจัดเสิร์ฟคู่กับวิปครีมชนิดจืด ซึ่งชื่อ Sachertorte เองก็ถูกตั้งตามชื่อของ Franz Sacher บุคคลแรกที่คิดค้นเค้กสูตรเด็ดนี้ขึ้นมาในปี 1832 เพื่อถวายแด่ Prince Metternich ที่ต้องการเมนูขนมหวานสูตรพิเศษเพื่อใช้ต้อนรับแขกคนสำคัญ

โดยปัจจุบัน หากเราอยากจะสัมผัสรสชาติเค้ก Sachertorte แบบดั้งเดิมจากปี 1832 ก็ยังสามารถไปต่อคิวรอลิ้มรสกันได้ที่ Hotel Sacher โรงแรมระดับห้าดาวของเวียนนาที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1876 โดย Eduard Sacher ลูกชายของ Franz Sacher เจ้าของสูตรต้นฉบับนั่นเอง ซึ่งนอกจากที่นี่จะมีพระเอกอย่างเจ้าเค้ก Sachertorte เป็นตัวชูโรงแล้ว ภายในอาคารก็ยังถูกตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา ควรค่าแก่การไปนอนพักสุด ๆ

รับชมรายการ Self-Quarantour EP. Before Sunrise เต็ม ๆ ได้ที่:

แหล่งข้อมูล :
20 Must-Visit Attractions in Vienna, Austria, 27 Top-Rated Tourist Attractions & Things to Do in Vienna, 25 Top Tourist Attractions in Vienna