ความงดงามของ ‘เวนิส’ ที่ทำให้ Claude Monet ยอมห่างจากสระบัวอันเป็นที่รัก

ความงดงามของ ‘เวนิส’ ที่ทำให้ Claude Monet ยอมห่างจากสระบัวอันเป็นที่รัก

ความงดงามของ ‘เวนิส’ ที่ทำให้ Claude Monet ยอมห่างจากสระบัวอันเป็นที่รัก

แม้ว่าจะเคยมาเยือนประเทศอิตาลีแล้ว แต่กว่าที่ โคลด โมเนต์ จะได้มาเยือนเวนิสก็ตอนที่เขาอายุล่วงเข้า 68 ปี และเหตุผลเดียวที่เขายอมตกลงมาทริปนี้ก็เพราะการคะยั้นคะยอจาก อลิซ โฮเชเด ภรรยาคนที่สองของเขาที่เห็นว่าโมเนต์ใช้เวลาขลุกอยู่ในบ้านสวนที่จิแวร์นีของพวกเขามากเกินไป และโมเนต์ก็ไม่เคยยอมวางพู่กันจากภาพสระบัวของเขาเลย

ด้วยเหตุนี้ ทริปการเดินทางมายังเวนิสของโมเนต์และภรรยาจึงเป็นทริปพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยโมเนต์สัญญากับตัวเองและภรรยาว่าเขาจะไม่จับพู่กันเลยตลอดทริป แต่เมื่อได้มาถึงจริง ๆ โมเนต์กลับตกหลุมรักเวนิสตั้งแต่แรกเห็น ไม่ต่างจากศิลปินคนอื่น ๆ ที่ต่างก็ต้องมนต์ของแสงและสีแห่งเมืองกอนโดลาแห่งนี้ และหลังจากหักห้ามใจมาได้ 7 วัน โมเนต์ก็อดรนทนไม่ไหว และได้สั่งให้คนนำอุปกรณ์วาดภาพส่งตรงมาจากบ้านของเขาที่จิแวร์นี

ในที่สุดโมเนต์ก็ลงเอยด้วยการวาดภาพทิวทัศน์และสภาปัตยกรรมในเมืองเวนิสไปถึง 37 ภาพ โดยหนึ่งในนั้นคือภาพ San Giorgio Maggiore at Dusk (1908-12) ที่เขาวาดโบสถ์ San Giorgio Maggiore ยามพระอาทิตย์ตกออกมาถึง 6 เวอร์ชัน โดยการวาดแลนด์มาร์กแห่งนี้ซ้ำ ๆ หลายครั้งก็เพื่อที่จะจับแสงและสียามพระอาทิตย์ตกในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน หรือกล่าวง่าย ๆ ว่าเพื่อถ่ายทอดภาพที่ตาของเขากำลังเห็น ณ เวลานั้นจริง ๆ โดยกล่าวกันว่าในช่วง 10 สัปดาห์ที่อยู่ที่เวนิส โมเนต์และภรรยาตะออกไปนั่งเรือกอนโดลาในช่วงตอนเย็นของทุกวัน เพื่อชื่นชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ตกดินของเวนิสที่โมเนต์อธิบายว่า

 “เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก”