BIGBANG ตำนานฆ่าไม่ตายแห่ง K-Pop ที่จะกลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อดอกไม้บาน
“ในวันที่ดอกไม้บาน เราจะกลับมาพบกันอีกครั้ง”
ข้อความข้างต้นคือเนื้อเพลงส่วนหนึ่งของซิงเกิล Flower Road ที่ราชาแห่งวงการ K-Pop อย่างวง BIGBANG ได้ร้องไว้เมื่อปี 2018 ถือเป็นบทเพลงสุดท้ายที่เหล่า VIP (ชื่อเรียกแฟนคลับวง BIGBANG) ได้รับฟังเป็นเพลงสุดท้ายก่อนที่สมาชิกทั้ง 5 คนอย่าง G-Dragon (ควอน จียง), T.O.P (ชเว ซึงฮยอน), แทยัง (ดง ยองเบ), แดซอง (คัง แดซอง) และอดีตสมาชิกอย่าง ซึงรี (อี ซึงฮยอน) จะแยกย้ายกันไปเข้ากรมและทำกิจกรรมในฐานะศิลปินเดี่ยว
ไม่ว่าเส้นทางสายนี้จะเป็นถนนดอกไม้อย่างที่พวกเขาคาดหวังไว้หรือไม่ เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 16 ปีที่ BIGBANG เข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิงของประเทศหลีใต้ (และลามไปดังไกลทั่วโลก) พวกเขาก็ผ่านมรสุมครั้งใหญ่มานับไม่ถ้วน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเขาคือตำนานที่ยังมีชีวิต ที่ความสำเร็จของพวกเขาไม่เพียงเปลี่ยนค่ายเพลงขนาดกลางอย่าง YG Entertainment ให้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทสายบันเทิงท็อป 3 ของเกาหลีใต้ (ยาง ฮยอนซอก ประธานค่ายในเวลานั้นถึงกับเคยกล่าวไว้ว่า “YG ไม่ได้สร้าง BIGBANG แต่เป็น BIGBANG ต่างหากที่สร้าง YG”) แต่ยังเข้ามาพลิกโฉมหน้าวงการ K-Pop ไปตลอดกาล เป็นแรงบันดาลใจให้แก่หนุ่มสาวทั่วโลก ทั้งในด้านดนตรี แฟชั่น และศิลปะ
ก่อนที่สมาชิกปัจจุบันทั้ง 4 คนจะกลับมาพร้อมกับซิงเกิลใหม่คืนนี้ GroundControl อยากชวนทุกคนย้อนกลับไปดูชีวิตและผลงานของพวกเขาที่แม้จะมีทั้งช่วงเวลาที่ขึ้นสุดและลงสุด แต่ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งดนตรีในทุกขณะ
6 - 1 = 5
ก่อนจะถูกฟอร์มวงเป็นบอยกรุปสมาชิก 5 คนอย่างที่หลายคนคุ้นเคย แรกเริ่มเดิมที BIGBANG ยังมีอีกหนึ่งอดีตสมาชิกอย่าง Sol-1 หรือ จาง ฮยอนซึง (อดีตสมาชิกวง BEAST และ Trouble Maker) ที่เคยร่วมใช้เวลาฝึกซ้อมในฐานะเด็กฝึกหัดมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ดี ในรายการสารคดีกึ่งเซอร์ไววัล BIGBANG Documentary ที่ทางต้นสังกัด YG Entertainment ได้จัดทำขึ้นเพื่อคัดเลือกเด็กฝึกหัดฝีมือดีมาเป็นสมาชิกวงบอยกรุปวงใหม่ของค่าย ฮยอนซึงก็ถูกคัดออกในโค้งสุดท้ายของรายการ เหลือไว้เพียง G-Dragon และ แทยัง สองเพื่อนซี้ลูกหม้อของค่ายที่ได้เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดตั้งแต่อายุ 11 ปี และเคยฝากผลงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มาก่อนหน้านี้แล้ว, T.O.P อดีตแรปเปอร์ใต้ดินน้ำเสียงดุดัน, แดซอง หนุ่มเสียงหวานอารมณ์ดี และ ซึงรี สมาชิกที่อายุน้อยที่สุดของวง ที่สามารถผ่านบทสอบสุดหินที่มีทั้งการร้อง การแรป การเต้น และการแต่งเพลงมาได้
ด้วยสมาชิก 5 คนที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี BIGBANG เริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 สิงหาคม 2006 ในคอนเสิร์ต YG Family 10th Anniversary Concert ณ Olympic Gymnastics Arena ตามมาด้วยซิงเกิลอัลบั้ม BIGBANG ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ที่นอกจากจะมีเพลงใหม่แกะกล่องเป็นของตัวเองแล้ว ยังมีเพลงที่ดัดแปลงมาจากซิงเกิลสุดฮิตอย่าง We Belong Together ของ Mariah Carey และ This Love ของ Maroon 5 รวมอยู่ด้วย ก่อนที่วงจะทยอยปล่อยเพลงใหม่ออกมาเรื่อย ๆ ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิลอัลบั้ม BIGBANG Is V.I.P, BIGBANG 03 และอัลบั้มเต็มชุดแรก BIGBANG Vol.1 โดยหลาย ๆ เพลงก็ถูกร่วมเขียนเนื้อร้องและทำนองด้วยสมาชิกในวงเอง
แรงระเบิดครั้งใหญ่ของวงการ K-Pop
แม้คอนเซ็ปต์ Hip Hop ผสม R&B ของพวกเขาจะแตกต่างจากวงบอยกรุปในตลาดวงอื่น ๆ ที่ในเวลานั้นยังเน้นไปที่เพลงป็อปฟังสบายเป็นหลัก แต่ผลตอบรับของสาธารณชนที่มีต่อ BIGBANG ก็ยังอยู่ในระดับกลาง ๆ เท่านั้น ก่อนที่ซิงเกิล Lies จากอีพี Always ที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับวง
Lies ถือเป็นเพลงแรกของ BIGBANG ที่สามารถขึ้นชาร์ทอันดับ 1 และยังสามารถครองแชมป์ได้นานถึง 6 สัปดาห์ อีกทั้งยังได้รางวัล Song of the Month จาก Cyworld Digital Music Awards ถึง 2 เดือนซ้อน ด้วยยอดขายประจำเดือนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ Cyworld กว่า 200,000 ก็อปปี้ในเดือนกันยายน 2007 โดยนอกจาก Lies จะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนโด่งดังไปทั่วประเทศแล้ว Lies ยังถูกเขียนเนื้อร้องและทำนองโดย G-Dragon หัวหน้าวง สิ่งเหล่านี้เองทำให้ BIGBANG เริ่มถูกจดจำในฐานะวงไอดอลวงแรกที่สมาชิกมีส่วนร่วมในการเขียนเพลงด้วยตัวเอง แตกต่างจากภาพลักษณ์ของวงบอยกรุปในเวลานั้นที่มักจะถูกตัดสินว่าเป็นเพียงผลผลิตของโรงงานผลิตไอดอลเท่านั้น
BIGBANG ยังคงสานต่อความสำเร็จจาก Lies ด้วยอีกหนึ่งเพลงฮิตจากฝีมือของ G-Dragon อย่าง Last Farewell จากอีพี Hot Issue ที่สามารถขึ้นชาร์ทอันดับ 1 ได้นานถึง 8 สัปดาห์ ขึ้นแท่นเป็นเพลงจากวงบอยกรุปที่อยู่บนชาร์ทได้นานที่สุด ก่อนจะทะยานสู่จุดสูงสุดด้วยเพลง Haru Haru อีกหนึ่งผลงานการเขียนเพลงของ G-Dragon จากอีพี Stand Up ที่สามารถขึ้นชาร์ทอันดับ 1 ได้นานถึง 7 สัปดาห์ และถูกดาวน์โหลดมากกว่า 5 ล้านครั้ง และในปี 2008 พวกเขายังตอกย้ำความยิ่งใหญ่ด้วยเพลง Sunset Glow จากอัลบั้ม Remember ที่ไปหยิบเอาบทเพลงอมตะจากปี 1988 ของศิลปิน Lee Moonse มาตีความใหม่จนกลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองอีกครั้ง
ความสำเร็จในครั้งนี้ส่งผลให้พวกเขาได้รับรางวัล Best Male Group และรางวัล Song of The Year จากเพลง Lies ในงาน 2007 Mnet Asian Music Awards, รางวัล Artist of the Year และรางวัล Digital Record of Year awards ในงาน 17th Seoul Music Award รวมไปถึงรางวัล Artist of the Year ในงาน 2008 Mnet Asian Music Awards เรียกได้ว่า BIGBANG สามารถเก็บครบทุกรางวัลใหญ่ได้ภายในเวลาไม่นานเท่านั้น
นอกจากจะปล่อยเพลงภาษาเกาหลีออกมาเรื่อย ๆ แล้ว BIGBANG ยังเริ่มทำกิจกรรมในประเทศญี่ปุ่นจนมีเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย และเดินสายออกทัวร์คอนเสิร์ตไปตามเมืองต่าง ๆ จนสามารถสร้างฐานแฟนคลับได้ทั่วเอเชีย ก่อนจะตัดสินใจพักกิจกรรมวงชั่วคราว และค่อย ๆ ทยอยปล่อยผลงานของสมาชิกแต่ละคนในฐานะศิลปินเดี่ยว ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสาธารณชน เริ่มตั้งแต่ G-Dragon กับอัลบั้ม Heartbreaker ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Album of the Year จากเวที 2009 Mnet Asian Music Awards อีกทั้งยังขึ้นแท่นเป็นผู้นำเทรนด์แฟชั่นสุดล้ำที่วัยรุ่นเกาหลีต่างรอติดตาม, แทยังกับซิงเกิลฮิตอย่าง Where U At และ Wedding Dress ที่โด่งดังไปไกลในระดับอินเตอร์, แดซองกับผลงานวาไรตี้ และเพลง Look at me, Gwisun และเพลง Big Hit เพลงทรอทที่ถูกใจลูกเด็กเล็กแดงทั่วประเทศ, T.O.P กับผลงานการแสดงในละครเรื่อง I Am Sam และ Iris รวมไปถึงภาพยนตร์เรื่อง 71: Into the Fire และเรื่อง 19-Nineteen ที่เขานำแสดงร่วมกับซึงรี ที่ก่อนหน้านั้นได้ปล่อยเพลงดังอย่าง Strong Baby มาก่อนแล้ว นอกจากนั้น BIGBANG ยังได้ร่วมคอลแลบกับเกิร์ลกรุปจากค่ายเดียวกันอย่าง 2NE1 ในเพลง Lollipop เพื่อโปรโมทโทรศัพท์มือถือ LG Cyon จนกลายเป็นอีกหนึ่งซิงเกิลฮิตของทั้งสองวง โดยในปี 2010 BIGBANG ยังได้ปล่อยอัลบั้ม GD & TOP ผลงานจากซับยูนิตแรปไลน์ของวงที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นคู่หูไอดอลแรปเปอร์ที่ดีที่สุดด้วย
หลังจากเกือบสองปีที่ไม่ได้ทำกิจกรรมวง BIGBANG กลับมาอีกครั้งด้วยอีพี Tonight ในปี 2011 ด้วยทิศทางดนตรีที่เติบโตและลุ่มลึกมากขึ้น โดยซิงเกิล Tonight และ Love Song ก็ยังคงทำได้ดีบนชาร์ทเช่นเคย ซึ่งในปีเดียวกันนั้นเอง BIGBANG ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการชนะรางวัล Best Worldwide Act จากเวที 2011 MTV EMAs ด้วยคะแนนโหวตกว่า 58 ล้านเสียง ถือเป็นศิลปินเกาหลีวงแรกที่ชนะรางวัลระดับสากล และเปิดประตูให้ BIGBANG เป็นที่รู้จักในฝั่งตะวันตกมากขึ้นด้วย
I’m still alive.
แม้ความสำเร็จจากผลงานเพลงจะค่อย ๆ แผ่ขยายไปในระดับโลก แต่ในปี 2011 ความโด่งดังของพวกเขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสมาชิกวง BIGBANG มีชื่ออยู่ในข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่ข่าวอุบัติเหตุทางรถยนต์ของแดซองที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (ตรวจสอบแล้วไม่พบแอลกอฮอล์ในร่างกายของแดซอง) ไปจนถึงข่าวการเสพกัญชาในช่วงอยู่ในประเทศญี่ปุ่นของ G-Dragon ที่ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการเป็นศิลปินของ BIGBANG ที่ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เยาวชน ชาวเน็ตเกาหลีใต้จำนวนมากเริ่มโจมตีพวกเขาตามสื่อออนไลน์และหน้าข่าวต่าง ๆ จนหลายคนถึงกับคาดคะแนกันไปต่าง ๆ นานาว่า นี่อาจเป็นจุดสิ้นสุดของราชาเพลง K-Pop วงนี้แล้วจริง ๆ
อย่างไรก็ดี นอกจาก BIGBANG จะยังไม่ตายแล้ว พวกเขายังกลับมาใหม่อย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยอีพี Alive ในปี 2012 ที่ยังคงประสบความสำเร็จทั้งในแง่คำชมและยอดขาย เป็นเหมือนการประกาศกร้าวว่า พวกเขายังมีชีวิตอยู่ และจะยังคงผลิตผลงานเพลงคุณภาพเยี่ยมต่อไป โดยซิงเกิลหลักทั้ง 3 เพลงอย่าง Blue, Bad Boy, และ Fantastic Baby ยังคงขึ้นชาร์ทในบ้านอย่างงดงามเช่นเคย ซึ่งในครั้งนี้ BIGBANG พาดนตรีของพวกเขาไปไกลกว่าเดิมด้วยการทะยานไปติดชาร์ทอันดับที่ 150 บน Billboard 200 นับเป็นครั้งแรกที่ศิลปินเกาหลีและอัลบั้มภาษาเกาหลีสามารถมาได้ไกลถึงขนาดนี้ นอกจากนี้ มิวสิกวิดีโอเพลง Fantastic Baby ยังกลายเป็นเพลงเกาหลีที่มียอดผู้ชมสูงสุดบนยูทูบ ก่อนที่จะถูกทำลายสถิติลงในภายหลังโดยเพลง Gangnam Style ของ PSY รุ่นพี่ร่วมสังกัด YG Entertainment
นอกจากการมาถึงของอีพี Alive จะทำให้พวกเขาได้รับรางวัล Best Male Group, Artist of the Year และ Best Male Solo (G-Dragon) จากงาน 14th Mnet Asian Music Awards แล้ว มันยังช่วยตอกย้ำความคิดสร้างสรรค์ของ BIGBANG ทั้งในแง่ดนตรี มิวสิกวิดีโอ และแฟชั่น พวกเขามีงานถ่ายแบบ และโฆษณาสินค้าเข้ามาหามากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์แฟชั่นหัวนอกที่ต่อแถวเข้ามาเสนอตัวให้พวกเขาได้สวมใส่คอลเลกชั่นล่าสุดกันแบบไม่ว่างเว้น หลังจากตระเวณทัวร์คอนเสิร์ตสเกลยักษ์ไปทั่วโลก ในปี 2013 พวกเขาก็ได้กลับมาพักงานวง แต่สานต่อกิจกรรมเดี่ยวของแต่ละคนกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้ม Let’s Talk About Love ของซึงรี, อัลบั้ม Coup d’Etat ของ G-Dragon ที่มีเพลงดังอย่าง Crooked และ Who You? รวมอยู่ด้วย, อัลบั้ม Rise ของแทยังที่มีพระเอกเป็นสุดยอดเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Eyes, Nose, Lips รวมไปถึงซิงเกิลอย่าง Ringa Linga และ 1AM โดยในเวลาต่อมาสองเพื่อนซี้ก็ได้ปล่อยซิงเกิล Good Boy ออกมาในปี 2014 จนสามารถทะยานไปติดชาร์ท Billboard World Digital Singles Chart ได้สำเร็จ
นอกจากนั้น อีกหนึ่งสมาชิกอย่าง T.O.P ยังลุยงานแสดงอีกครั้งกับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Commitment อละเรื่อง Tazza: The Hidden Card อีกทั้งยังเปิดตัวซิงเกิลฮิปฮอปสุดแหวกแนวอย่าง Doom Dada ออกมาให้เหล่า VIP ได้ฟัง หลังจากห่างหายจากการทำเพลงเดี่ยวไปตั้งแต่ปี 2010 กับเพลง Turn It Up ส่วนด้านแดซองยังคงเดินหน้าบุกตลาดญี่ปุ่น ปล่อยอัลบั้มและเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ จนขึ้นแท่นเป็นศิลปินเกาหลีคนแรกที่มีจำนวนผู้ชมสูงสุดถึง 100,000 คนในเวลาเพียง 2 ปี
หลังจากพักกิจกรรมกลุ่มไปนานกว่า 3 ปี BIGBANG กลับมาอีกครั้งด้วยโปรเจกต์พิเศษที่ค่อย ๆ ปล่อยเพลงใหม่ของพวกเขาออกมาทีละ 2 เพลงผ่านซิงเกิลอัลบั้ม M (Loser และ Bae Bae), A (Bang Bang Bang และ We Like 2 Party), D (Sober และ If You) และ E (Zutter และ Let's Not Fall in Love) ก่อนจะสรุปเป็นอัลบั้ม MADE ในช่วงปลายปี 2016 พร้อมอีก 3 เพลงใหม่ Fxxk It, Last Dance และ Girlfriend ที่ทั้ง 11 เพลงในอัลบั้มต่างก็กลายเป็นเพลงฮิตที่ต้องต่อสู้กันเองบนชาร์ทเพลงทั้งในประเทศและนอกประเทศแบบไม่มีใครยอมใคร ถือเป็นการปิดฉากลงอย่างสวยงามก่อนที่สมาชิกในวงจะต้องแยกย้ายกันไปรับใช้ชาติตามกฎหมายของประเทศเกาหลีใต้
ถนนสายดอกไม้ที่ได้ง่ายดายนัก
ไม่นานหลังจากพี่ใหญ่ของวงอย่าง T.O.P ต้องเข้ากรม สมาชิกที่เหลือก็ผลัดกันออกผลงานเดี่ยว เริ่มตั้งแต่ Kwon Ji Yong อัลบั้มสุดล้ำในรูปแบบ USB Flash Drive ของ G-Dragon, อัลบั้ม White Night ของแทยัง และมินิอัลบั้ม D-Day ของแดซอง ก่อนที่สมาชิกทั้งสามจะทยอยกันเข้าไปรับใช้ชาติในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยมีซิงเกิล Flower Road บทเพลงอันว่าด้วยการกลับมาพบกันอีกครั้งในวันที่ดอกไม้ผลิบานจากสมาชิกทั้ง 5 คนถูกปล่อยออกมาเซอร์ไพรส์แฟน ๆ โดยไม่มีการโปรโมทใด ๆ ทั้งสิ้น
แม้ทุกอย่างจะกำลังดูไปได้สวย แต่ในปี 2017 ในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ T.O.P ก็ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดจากการเสพกัญชาในช่วงปี 2016 จนมีผลทำให้เขามีอาการเครียดจนโอเวอร์โดสยานอนหลับ ต้องถูกส่งตัวเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นการด่วน ในฝั่งคดีความ เขายังถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง โดยสั่งให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี อีกทั้งยังต้องเริ่มต้นเข้ากรมใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในหน้าที่งานบริการสาธารณะ เนื่องจากเขาโดนปลดออกจากกรมตำรวจหลังพบว่ามีความผิดจริงในคดียาเสพติด
ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ T.O.P จะทำให้เหล่า VIP เศร้าใจแล้ว ในอีก 2 ปีต่อมา คดีความของอีกหนึ่งสมาชิกวง BIGBANG อย่างซึงรีคงทำให้แฟน ๆ ใจสลายยิ่งกว่า เพราะเขาเข้าไปมีชื่อพัวพันในคดีอาชกรรมภายใน Burning Sun ผับที่เขามีส่วนร่วมลงทุน ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ การค้าประเวณี และการซื้อขายยาเสพติด และทันทีที่ชื่อของเขาปรากฏบนหน้าข่าวฉาวอีกครั้ง ซึงรีก็รีบประกาศลาออกจากวง BIGBANG รวมถึงขอเกษียณตัวเองจากวงการบันเทิงเกาหลีไปตลอดกาล ปิดตำนานยุครุ่งเรืองของตำนาน K-Pop ทั้ง 5 คน คงเหลือสมาชิกปัจจุบันเพียง 4 คนเท่านั้น
ตำนานบทใหม่ของราชาทั้งสี่
หลังจากผ่านมรสุมหลายต่อหลายลูก แม้สมาชิกปัจจุบันทั้งสี่คนจะออกจากกรมกันครบแล้ว แต่ BIGBANG ก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมาทำงานในวงการดนตรีอีกเลย สมาชิกแต่ละคนต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานและใช้ชีวิตส่วนตัว แทยังกับการพักผ่อนอย่างสงบกับภรรยาและลูกน้อย, T.O.P ที่ยังคงคลุกคลีอยู่ในแวดวงศิลปะ และแอบซุ่มทำเพลงโซโล่อยู่เงียบ ๆ , G-Dragon กับบทบาทพ่อค้าแบรนด์ PEACEMINUSONE ที่ยังผลิตสินค้าสุดเทรนดี้ออกมาเรื่อย ๆ และแดซองในฐานะมือกลองยูทูบเบอร์หน้าใหม่ที่ปล่อยคลิปออกมาอย่างสม่ำเสมอ
แต่แล้วในที่สุด กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา YG Entertainment ก็ได้ฤกษ์ประกาศการคัมแบคด้วยเพลงใหม่ในรอบเกือบ 4 ปีของ BIGBANG ที่คราวนี้กลับมาพร้อมกับดิจิทัลซิงเกิล Still Life ที่ว่าด้วยการก้าวข้ามผ่านฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบหม้ร่วง และฤดูหนาวตลอดชีวิตการทำงานกว่า 16 ปีของพวกเขา โดยซิงเกิลใหม่ในฐานะวงสมาชิก 4 คนเพลงนี้จะถูกปล่อยออกมาในวันที่ 5 เมษายน 2022 เวลา 0:00 น. ของเกาหลี หรือวันนี้ 22:00 น. เวลาไทยนั่นเอง
ไม่ว่าบทสรุปของการกลับมาในครั้งนี้จะเป็นเช่นไร แต่เชื่อเหลือเกินว่า BIGBANG ยังเคงป็นตำนานฆ่าไม่ตายแห่ง K-Pop ที่จะอยู่ในใจของเหล่า VIP ตลอดไป
อ้างอิง:
https://thekrazemag.com/latest-updates/2018/4/7/history-of-k-pop-bigbang
https://www.allkpop.com/article/2020/06/firsts-in-the-kpop-industry-made-by-bigbang
https://www.allkpop.com/article/2020/06/dfd
https://kpop.fandom.com/wiki/BIGBANG