หยุดยาวทั้งที ไม่มีที่ไป มาพักชมธรรมชาติกับ Monet ด้วยกันมั้ย 🙂
ภาพวาดธรรมชาติของ Claude Monet ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากจินตนาการ แต่มาจากความเป็นนักท่องเที่ยวตัวยงผู้หลงรักในธรรมชาติและหลงใหลในความไม่หยุดนิ่งของฤดูกาล จนได้ชื่อว่าเป็นศิลปินคนสำคัญแห่งยุค Impressionism ที่ถ่ายทอดบรรยากาศธรรมชาติได้อย่างสวยงามชวนฝัน
ใครไม่ได้ออกไปไหน GroundControl ขอชวนเที่ยวไปกับภาพวิวทิวทัศน์ของ Monet ให้เราได้เอ็นจอยวันหยุดยาวแบบไม่ต้องออกจากบ้าน ลดความหงุดหงิดไม่มีรถติด
The Water-Lily Pond, 1899
หลังจากเป็นศิลปินตกยากต่อสู้เรื่องเงินมาอย่างทั้งชีวิต ในที่สุด Monet ก็ได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวจนสามารถซื้อบ้านในฝันที่ Giverny ได้สำเร็จในปี 1890 และที่นี่เองที่ Monet ได้สานต่ออีกหนึ่งความหลงใหล นั่นก็คือสวนของเขานั่นเอง
จากบ้านหลังน้อยในชนบท กลายมาเป็นสวนสวยสะพรั่งเต็มไปด้วยสารพัดดอกไม้หลากพืชพรรณด้วยการออกแบบสวนโดย Monet เอง บรรจงคัดสรรให้สวยงาม ไฮไลท์ที่โดดเด่นที่สุดในสวนของเขาก็คงต้องยกให้บ่อดอกบัวที่มีสะพานข้าม ปกคลุมด้วยต้นหลิวที่ห้อยลงมาทักทายเมื่อเดินผ่าน
ภาพวาดชุด Water Lilies นั้นมีทั้งหมดถึง 250 ชิ้นด้วยกัน เล็กใหญ่บ้าง สลับสับเปลี่ยนสีสันตามฤดูกาล ส่วนภาพที่เห็นสะพานจากมุมนี้ก็มีถึง 18 ภาพ สะท้อนให้เห็นถึงความรักที่ Monet มีให้กับบ่อบัวของเขา ถึงขั้นกับเคยกล่าวไว้ว่า “ทันใดนั้นฉันก็พบว่า บ่อน้ำของฉันมีเสน่ห์ หลังจากนั้นฉันก็ไม่มีแบบวาดภาพอื่นอีกเลย”
ปัจจุบันนี้เรายังสามารถไปชมความสวยงามของบ่อนี้ได้ถึงที่บ้านของ Monet ในเมือง Giverny ประเทศฝรั่งเศส
Poppy Field, 1873
หลังจากย้ายไปอยู่ที่อังกฤษมาพักใหญ่ Monet กลับมาฝรั่งเศสอีกครั้งในปี 1871 ที่เมือง Argenteuil อยู่ไม่ไกลจากปารีสนัก ขึ้นชื่อเป็นเมืองพักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองใหญ่
และที่เมืองนี้เอง Monet ก็ได้วาดอีกหลายภาพที่มีชื่อเสียงและเป็นที่คุ้นตา หนึ่งในนั้นก็คือ Poppy Field ภาพวาดทุ่งดอกป็อปปี้สีแดงที่วาดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ทำให้เหล่าดอกไม้เบ่งบานอวดสีสันอย่างเต็มที่ โดยมีสองคู่แม่ลูกเดินฝ่าดงดอกไม้ท่ามกลางท้องฟ้าสดใส ชวนให้เราหลงใหลไปตามฝันแห่งยุโรปฤดูร้อน
The Cliff at Etretat Sunset, 1882 - 1883
หน้าผารูปทรงหน้าตาคล้ายช้างที่อยู่เมือง Etretat นี้ คงจะเป็นที่ถูกอกถูกใจ Monet ไม่น้อย ขนาดที่มีการวาดวิวหน้าผานี้ถึง 18 ภาพด้วยกัน
แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตานอกจากความอลังการของเจ้าช้างแล้ว ภาพ The Cliff at Etretat Sunset ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญของการวาดภาพยุค Impressionism ที่เก็บบรรยากาศของแสงเมื่อช่วงเวลาของวันนั้นเปลี่ยนไป
ภาพ The Cliff at Etretat Sunset แลดูมีชีวิตชีวาจากสีที่ถูกแปรงพู่กันแต่งแต้มแยกอย่างชัดเจน ทำให้เราเห็นเป็นเหมือนการเคลื่อนไหวของคลื่นทะเล แสงพระอาทิตย์ยามเย็นโดดเด่นขึ้นมาด้วยสีที่ตัดกับท้องฟ้า เป็นอีกหนึ่งพระเอกสำคัญของภาพนี้
Cliff Walk at Pourville, 1882
ภาพหน้าผาแห่งเมือง Pourville นี้ถูกวาดขึ้นในช่วงระหว่างการหนีจากสภาวะความตึงเครียด มาพักผ่อนที่ Normandy เป็นระยะกว่าเกือบสองเดือนในช่วงปี 1882 สามปีหลังจากการเสียชีวิตของภรรยาคนแรก Camille และกำลังอยู่ในช่วงคบหากับ Alice Hoschede (ซึ่งจะกลายมาเป็นภรรยาคนที่สองของเขาในปี 1892)
เมือง Pourville ในสมัยนั้นเป็นเมืองการประมงอยู่ใกล้ทะเล สภาวะแวดล้อมใหม่นี้สร้างแรงบันดาลใจในการวาดแก่เขา ให้ได้ออกไปเดินวาดภาพธรรมชาติใกล้ชิดทะเล Monet ประทับใจเมืองนี้มาก ถึงขั้นต้องกลับมาซ้ำอีกรอบพร้อมกับ Alice ในปีเดียวกัน
องค์ประกอบอันหลากหลายของภาพนี้ถูกรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันผ่านฝีแปรงที่สั้นและคม ทั้งในส่วนของวิวทิวทัศน์ท้องทะเล และพงหญ้าบนหน้าผา หรือแม้กระทั่งตัวสาวๆ ที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็ถูกวาดด้วยฝีแปรงคล้ายๆ กัน ทำให้เห็นถึงความพริ้วไหวของผ้าจากลมทะเล
Garden at Sainte Adresse, 1867
Monet ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวที่เมือง Sainte-Adresse ใกล้ๆ บริเวณช่องแคบอังกฤษ ในช่วงฤดูร้อนปี 1867 และภาพนี้ก็ถูกวาดขึ้นในสวนติดทะเลแห่งนึง เห็นวิวเมือง Honfleur อยู่ไกลๆ
การวาดภาพชนชั้นกลางถือว่าเป็นที่นิยมกันอย่างมากสำหรับศิลปินในสมัยนั้น ภาพนี้ยังอยู่ในยุคแรกเริ่มของ Monet ที่ผสมผสานทั้งภาพวาดแบบเหมือนจริงในส่วนของภาพคนและเฟอร์นิเจอร์ ตัดกับฝีแปรงสั้นๆ ที่เริ่มปรากฏขึ้นในเหล่าดอกไม้ต่างๆ ก่อนจะมาถูกใช้อย่างจริงจังในไม่มีกี่ปีให้หลัง