ถอดรหัส 3 ปรัชญาความงามแบบญี่ปุ่น ผ่านผลงานออกแบบของ ยูนิ โยชิดะ ที่สะท้อนสุนทรียะ 10 ปีของ SHISEIDO ULTIMUNE

Post on 6 July

หากใครติดตามศิลปินในแวดวงโฆษณามาบ้าง เชื่อว่าต้องคุ้นเคยกับชื่อของ ‘ยูนิ โยชิดะ’ (Yuni Yoshida) ศิลปินและผู้กำกับศิลป์ชื่อดังของญี่ปุ่น ผู้ขึ้นชื่อเรื่องการทำงานโฆษณาให้เป็นงานศิลปะแนวเซอร์เรียล ที่เน้นการจัดวางอย่างพิถีพิถัน ใช้วัสดุจริงในการทำงาน และแฝงไปด้วยความละเอียดอ่อน

แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าเธอได้มาทำงานร่วมกันกับ SHISEIDO ในโอกาสครบรอบ 10 ปี เซรั่ม ULTIMUNE สุดไอคอนิก ภายใต้แคมเปญ ‘BELIEVE IN BEAUTY’ แคมเปญที่ออกแบบขึ้นมา เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบหนึ่งทศวรรษอย่างยิ่งใหญ่ และถ่ายทอดให้ทุกคนเห็นถึงพลังแห่งความงามที่สามารถขับเคลื่อนชีวิตของทุกคนอย่างมีพลัง

สำหรับคอนเซปต์ BELIEVE IN BEAUTY มาจากความเชื่อของ SHISEIDO ที่มองว่าความงามเป็นของเราทุกคนและเป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัว เพียงแต่มันอาจจะถูกกักขังอยู่ภายในและรอคอยวันเปล่งประกายอยู่ ดังนั้นความงามจึงไม่ใช่สิ่งที่เรามองเห็นเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่เราสามารถเชื่อในมันได้ด้วย ซึ่งเซรั่ม ULTIMUNE ก็เป็นเครื่องมือสำคัญจาก SHISEIDO ที่สามารถจุดประกายและปลดปล่อยความงามของทุกคนออกมาได้

หลังจากที่ซุ่มทำแคมเปญร่วมกันมานาน ล่าสุดทางแบรนด์ SHISEIDO ก็ได้ปล่อยภาพนิ่งและวิดีโอทั้งหมดที่ทำร่วมกับโยชิดะออกมาให้เราได้รับชมกันแล้ว GroundControl เลยถือโอกาสนี้ชวนทุกคนไปร่วมสำรวจสุนทรียศาสตร์ของ SHISEIDO ในผลงานศิลปะของโยชิดะ พร้อมถอดรหัส 3 ปรัชญาความงามในวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ปรากฏอยู่บนผลงานของเธอไปด้วยกัน

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในผลงานฉลองครบรอบ 10 ปี เซรั่ม ULTIMUNE ของโยชิดะ คือการดึงเอาสีแดงและดอกฮานาซึบากิอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ SHISEIDO มาใช้เป็นองค์ประกอบหลักในชิ้นงาน โดยทั้งสองสิ่งนี้เป็นสัญญะที่แทนถึงพลังบวกและแก่นแท้ของความงาม โดยโยชิดะได้นำดอกฮานาซึบากิมาจัดวางอย่างพิถีพิถันให้เป็นรูปวงกลมซ้อนกันหลายชั้นคล้ายคลื่นน้ำ และตรงกลางจะเป็นพื้นที่ที่ให้ มาซามิ นากาซาวะ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ SHISEIDO ยืนอยู่ ราวกับเธอคือหยดน้ำหยดแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นของแรงกระเพื่อมทั้งหมด

โยชิดะได้อธิบายถึงการเรียงดอกไม้ให้เป็นคลื่นนำแบบนี้ว่า “แรงกระเพื่อมของน้ำที่ขยายเป็นวงกว้างยังสื่อถึงผิวที่ได้รับความชุ่มชื้นและกระจ่างใส และยังเปรียบเหมือนจำนวนผู้ใช้ ULTIMUNE ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ”

เมื่อได้เห็นขั้นตอนการทำงานศิลปะชิ้นนี้ของโยชิดะ ก็ชวนให้นึกถึงศาสตร์การจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า ‘อิเคบานะ’ (Ikebana) ที่ไม่ได้มีรูปแบบการจัดวางดอกไม้แบบตายตัว เพราะจะเน้นไปที่กระบวนการในการจัดมากกว่า กล่าวคือในระหว่างที่เราหยิบ จับ และจัดดอกไม้ลงในภาชนะ เราต้องมีการมองวัสดุ ดอกไม้ และธรรมชาติตรงหน้าอย่างลึกซึ้งตั้งใจ พร้อมชื่นชมกับทุกความงามตรงหน้า ผ่านความเงียบและสมาธิในการจัดวางดอกไม้

ซึ่งกระบวนการทำงานของโยชิดะก็มีสุนทรียศาสตร์แบบอิเคบานะอยู่เหมือนกัน อย่างการจัดวางกลีบดอกไม้อย่างพิถีพิถันตั้งใจ ซึ่งสิ่งนี้ยังสะท้อนถึงปรัชญาความงามแบบอิคิ (Iki) หรือความงามแบบซื่อตรงที่ใช้ในการอธิบายความงามที่ไม่โจ๋งครึ่ม ความงามอันประณีต ความเรียบร้อย ความเนี้ยบ แบบไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งสิ่งใดเข้าไปเพิ่ม และชื่นชมสิ่งที่ธรรมชาติมีอยู่ เหมือนกับที่โยชิดะเลือกใช้ดอกฮานาซึบากิและดอกไม้สีแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของแบรนด์ SHISEIDO มาจัดวางอย่างประณีต เพื่อถ่ายทอดความงามในแบบของตัวเองออกมา

ในหลาย ๆ วัฒนธรรม ‘วงกลม’ มักเป็นสัญลักษณ์แทนความกลมกลืน ความสมดุล และวัฏจักรของชีวิต และในวัฒนธรรมญี่ปุ่น วงกลมก็ยังเป็นภาพแทนของความงามตามปรัชญาเอนโซ (Ensō) ปรัชญาที่มีแนวคิดมาจากการตวัดพู่กันให้เป็นวงกลมในครั้งเดียว ไม่มีการเสริมเติมแต่งเพิ่ม ซึ่งวงกลมที่ได้ก็อาจจะไม่ได้กลมหรือสวยสมบูรณ์พร้อมทั้งหมด โดยวงกลมที่ไม่สมบูรณ์พร้อมและไม่ปิดบรรจบกันทั้งหมดนี้ ก็สามารถสื่อได้ถึงความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์และการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ได้ด้วย

แนวคิดในปรัชญาความงามนี้เหมือนกับวงกลมในผลงานของโยชิดะ ที่มีทั้งวงกลมที่สมบูรณ์พร้อม และวงกลมที่มีบางส่วนขาดหายไป จึงสามารถตีความได้ถึงความงามของมนุษย์ที่แตกต่างกัน และถ้าเรากล้าเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ และเชื่อในความเป็นไปได้ ความงามก็จะปรากฏขึ้นและกลายเป็นเราในเวอร์ชันที่ดีและสวยงามที่สุด ตามคอนเซปต์ BELIEVE IN BEAUTY ในแคมเปญฉลองครบ 10 ปี เซรั่ม ULTIMUNE ของ SHISEIDO

ULTIMUNE คือเซรั่มตัวดังของ SHISEIDO ที่ขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวแบบล้ำลึกที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย อันเกิดมาจากการทุ่มเทและลงทุนลงแรงของทีมงานที่ผนวกทั้งนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ และสุนทรียศาสตร์ เพื่อช่วยให้ทุกคนเปิดเผยความงามของตัวเองออกมาผ่านงานผิวที่สุขภาพดีในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง ซึ่งเราสามารถเห็นสิ่งนี้สะท้อนออกมาในผลงานของโยชิดะได้อย่างชัดเจน จากการใช้คอนเซปต์เป็นเรื่องหยดน้ำและกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรย ชวนให้นึกถึงปรัชญาความงามแบบมิยาบิ
.
ปรัชญาความงามแบบมิยาบิ เป็นอีกหนึ่งปรัชญาชื่อดังของญี่ปุ่นที่ว่าด้วยเรื่องความงามที่เกิดจากการขัดเกลา โดยเป็นความงามที่เชื่อมโยงกับความเป็นราชสำนักของญี่ปุ่น หรือเรียกง่าย ๆ ว่าความงามประเภทนี้คือความงามแบบสาวชาววังที่จะทำแต่สิ่งที่สง่างาม ได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี และเป็นความงามในอุดมคติที่หาได้ยาก แต่ในขณะเดียวกันปรัชญานี้ก็ยังเชื่อในเรื่องของเกิด แก่ เจ็บ ตาย และความไม่ยั่งยืน กล่าวคือเป็นความงามที่มีจุดพีคสูงสุดแต่พอถึงเวลาหนึ่งก็ต้องร่วงโรย เช่น การชมดอกซากุระที่จะงดงามอยู่เพียงสองอาทิตย์ แต่ไม่นานมันก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลา ซึ่งความรู้สึกกึ่งเศร้าและซาบซึ้งที่เกิดจากการได้ชมสิ่งสวยงามก่อนจะหายไปถูกเรียกว่า Mono no aware (ยังไม่มีคำแปลในภาษาอื่นที่ครอบคลุม)

สิ่งนี้เชื่อมโยงกับผลงานของโยชิดะจากคอนเซปต์เรื่องหยดน้ำและวงกลม ที่ชวนให้นึกถึงวัฏจักรของชีวิต ธรรมชาติของมนุษย์ และความสดชื่นมีชีวิตชีวา ซึ่งสิ่งนี้เปรียบได้กับความงามในอุดมคติที่ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม มีชีวิต แต่องค์ประกอบนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลีบดอกไม้ที่ไร้ชีวิตแล้ว ไม่นานสิ่งนี้ก็จะแห้งเหี่ยวโรยราไป ซึ่งก็ทำให้นึกถึงความไม่ยั่งยืน องค์ประกอบนี้จึงชวนให้คิดถึงปรัชญามิยาบิ ที่ให้ความสำคัญกับความงามในอุดมคติแบบที่เซรั่ม ULTIMUNE จะช่วยจุดประกายให้ผิวของทุกคนอยู่ในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจริงของธรรมชาติ ที่ทุกอย่างก็ต้องจางหายไป

ผลงานของโยชิดะจึงสะท้อนปรัชญามิยาบิ ใน ULTIMUNE ที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าสู่ความงามในอุดมคติของตัวเองผ่านทุกหยดอันทรงคุณค่า ให้เรามีช่วงเวลาทองในความงามของตัวเองอย่างยาวนาน จนกว่าจะถึงเวลาร่วงโรยที่เหมาะสม เหมือนกับช่วงเวลาของดอกซากุระที่ต้องลาจากต้นไม้ไปเช่นกัน