รู้จัก เซซาร์ เปลลี สถาปนิกผู้สร้างตึกแฝดปิโตรนาส ผู้ไม่เคยบวชเป็นพระ

Post on 27 August 2025

ช่วงนี้หลาย ๆ คนที่ติดตามข่าวก็น่าจะเคยเห็นข่าวของอดีตพระท่านหนึ่งที่บอกกับตำรวจว่า เขาคือผู้สร้างตึกแฝดปิโตรนาส ว่าแต่…มันจริงไหมนะ? วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมารู้จักเบื้องหลังของสถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่แห่งนี้ไปด้วยกัน เพราะนอกจากเรื่องดีไซน์สุดล้ำ ตึกปิโตรนาสก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ความยิ่งใหญ่ของประเทศมาเลเซียในยุค 90 ด้วย

ความจริงแล้ว เรื่องที่มาที่ไปของตึกแฝดปิโตรนาสไม่ใช่เรื่องลึกลับใด ๆ เลยเมื่อเทียบกับงานศิลปะชิ้นอื่น ๆ ที่มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายให้เราได้ฟังกันสนุก ๆ เพราะแค่ลองเสิร์ชชื่อบนกูเกิลก็จะทราบทันทีว่าผู้ที่ออกแบบตึกแฝดนี้คือ เซซาร์ เปลลี (César Pelli) สถาปนิกชาวอาร์เจนตินา-อเมริกัน ผู้ผสมผสานแนวคิดสถาปัตยกรรมสมัยใหม่เข้ากับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมอิสลามของมาเลเซียได้อย่างลงตัว

เซซาร์ เปลลี เกิดที่อาร์เจนตินา ก่อนจะย้ายไปศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาและสร้างชื่อเสียงในวงการสถาปัตยกรรมระดับโลก เขายังเคยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัยเยล หนึ่งในสถาบันชั้นนำของโลก และมีผลงานการออกแบบตึกสูงระฟ้าที่โดดเด่นทั้งในด้านนวัตกรรมและความสวยงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบสถาปนิกอเมริกันผู้ทรงอิทธิพลที่สุด อีกทั้งยังได้รับรางวัล AIA Gold Medal ในปี 1995 ซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุดของวงการสถาปนิกอเมริกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถและชื่อเสียงของเขาในระดับโลก

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่เปลลีได้รับเลือกให้ออกแบบตึกแฝดปิโตรนาสไม่ได้มาจากชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่เพราะแนวคิดการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับ ‘บริบทท้องถิ่น’ โดยเขาเชื่อว่าสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสภาพแวดล้อมของพื้นที่ ซึ่งตรงกับความตั้งใจของมาเลเซียในยุคของนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด (Mahathir Mohamad) ผู้มีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างแลนด์มาร์กใหม่เพื่อประกาศการเติบโตทางเศรษฐกิจ และทำให้ตึกนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และความทะเยอทะยานของมาเลเซียในเวทีโลก

จากโจทย์นี้ เปลลีก็ได้เลือกแรงบันดาลใจหลักเป็นลวดลายอิสลาม ‘Rub el Hizb’ (รุบอ์ อัลฮิซบ์) หรือ รูปดาวแปดแฉกที่เกิดจากการซ้อนกันของสี่เหลี่ยมสองรูป ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในวัฒนธรรมอิสลามที่สื่อถึงเอกภาพ ความสามัคคี ความมั่นคง และความมีเหตุผล เมื่อมองจากด้านบน เราจะเห็นผังพื้นของตึกทั้งสองสะท้อนรูปทรงนี้อย่างชัดเจน โดยในตอนแรก แบบร่างที่เปลลีนำเสนอ ยังไม่เป็นที่พอใจของนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด เท่าไร เพราะเขาอยากได้สิ่งที่ “บ่งบอกความเป็นมาเลเซีย” ได้ชัดเจนมากกว่านี้ ทำให้หลังจากผ่านการแก้ไขหลายครั้ง เปลลีก็นำรูปทรงเรขาคณิตอิสลามมาประยุกต์ใช้จนลงตัว

ทว่าการใช้รูปดาวแปดแฉกเพียงอย่างเดียวทำให้พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างจำกัด เปลลีจึงแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มส่วนครึ่งวงกลมเข้าไปในมุมด้านในแต่ละด้าน จนกลายเป็นโครงสร้างที่มีทั้งความงดงามและความคุ้มค่าในการใช้งาน ด้วยวิธีการนี้ พื้นที่ใช้สอยในแต่ละตึกจึงเพิ่มขึ้นรวมกว่า 43,600 ตารางหลา (36,455 ตารางเมตร) โดยมีส่วนต่อขยายทรงกลมที่เรียกว่า ‘บัสเซิล’ (Bustle) สูงถึง 44 ชั้น

นอกจากนี้ ลวดลายการตกแต่งภายในอาคารยังได้รับแรงบันดาลใจจากงานหัตถกรรมและลายทอผ้าแบบดั้งเดิมของมาเลเซีย ผสมผสานเข้ากับการใช้วัสดุทันสมัยอย่างสเตนเลสและกระจก สร้างลวดลายอิสลามที่วิบวับ สวยงาม และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่ทำให้ชาวมาเลเซียรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้มอง

เมื่อสร้างเสร็จในปี 1998 ตึกปิโตรนาสได้กลายเป็น อาคารที่สูงที่สุดในโลก แซงหน้า Sears Tower ในชิคาโก และยังมีนวัตกรรมวิศวกรรมมากมาย เช่น การใช้คอนกรีตเสริมเหล็กแรงสูง และ Skybridge ระหว่างสองอาคาร ซึ่งสูงที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าและความทะเยอทะยานของมาเลเซียอย่างชัดเจน

แม้วันนี้ตึกแฝดปิโตรนาสจะไม่ได้สูงที่สุดในโลกแล้ว แต่ยังคงเป็น ตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก และยังยืนหยัดอย่างสง่างามเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกัวลาลัมเปอร์ เป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ศูนย์การค้าหรู และจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก กลายเป็นมรดกที่พิสูจน์ถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของมาเลเซีย และเป็นผลงานชิ้นเอกของเปลลีที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังต่อไป

**เซซาร์ เปลลี (César Pelli)**

เซซาร์ เปลลี (César Pelli)