(มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
จากนวนิยาย The Power of the Dog โดย โธมัส ซาเวจ ต่อยอดสู่ผลงานภาพยนตร์ของ เจน แชมเปียน ที่มานั่งแท่นผู้กำกับอีกครั้งในรอบหลายปี เพื่อถ่ายทอดสัมผัสอันละเมียดละไมภายนอก แต่แตกซ่านเร่าร้อนอยู่ลึกลงไปใน ‘ความเป็นชาย’ ของ ฟิล เบอร์แบงค์ (เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) หนุ่มวัยกลางคนในคราบคาวบอยผู้ห้าวหาญ เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์รัฐมอนทานา ชวนให้ผู้ชมเกิดความสงสัยในท่าทางและเรื่องเล่าปริศนาที่มีแต่ตัวละครเจ้าของเรื่องเท่านั้นที่รู้
มาดอันเคร่งขรึมดุดันของ ฟิล หัวหน้ากลุ่มคาวบอย ที่ผู้คนในฟาร์มเห็น ต่างจากความเปล่าเปลี่ยวที่เผยออกมาในช่วงเวลาส่วนตัว มีเพียงน้องชายแท้ ๆ อย่าง จอร์จ เบอร์แบงค์ (เจสซี เพลมอนส์) เท่านั้นที่เหมือนจะเข้าใจฟิลมากกว่าใคร แต่แล้วเมื่อ จอร์จพบรักกับ โรส กอร์ดอน (เคิร์สเทน ดันสต์) ความรู้สึกของฟิลจึงเริ่มสั่นคลอน กลายเป็นการแสดงออกอันแข็งกร้าว ไม่ยอมรับน้องสะไภ้แม่ม่ายลูกติด คนรักของน้องชายตัวเอง อาจเป็นเพราะ ปีเตอร์ (โคดี้ สมิท-แมคฟี) ลูกชายคนเดียวของโรส ทั้งดูผอมแห้งและอ่อนแอ เขาจึงตกเป็นเหยื่อให้ฟิลและกลุ่มแก๊งคาวบอยคอยเยาะเย้าอยู่เสมอ จนเกิดเป็นเกมทางอารมณ์ระหว่าง ฟิล พี่ชายที่หวงน้อง และโรส แม่ซึ่งหวงลูกชายไม่ต่างกัน แล้วใครจะเป็นเหยี่ยของเรื่องนี้ไปได้ถ้าไม่ใช่ปีเตอร์
ในขณะที่ความตุ้งติ้งของปีเตอร์ ช่วยปิดบังรสนิยมทางเพศของฟิลได้อย่างหมดจด ฟิลกลับเห็นภาพสะท้อนตัวเองจากปีเตอร์ คล้ายกลับว่ารูปลักษณ์ภายนอกของปีเตอร์คือความรู้สึกที่ฟิลปิดเอาไว้ และบุคลิกไม่สนโลกของฟิลเองก็เป็นตัวแทนสิ่งที่อยู่ในใจปีเตอร์ด้วยเหมือนกัน จนมาถึงการเปิดเผยตัวตนอย่างหมดเปลือกในสถานที่ที่ส่วนตัวที่สุด
เรามักจะได้เห็นชื่อ บรองโก เฮนรี แปะอยู่ตามพื้นที่และของใช้ส่วนตัวของฟิล รวมถึงนิตยสารเกย์ซึ่งถูกเก็บไว้อย่างดีในโพรงไม้ธรรมชาติ ทำให้เดาได้ว่าฟิลน่าจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบรองโก แม้ว่าเขาจะไม่มีตัวตนอยู่จริงบนจอภาพ แถมความสัมพันธ์นี้ยังดูลึกลับและนามธรรมจนเกินจะจินตนาการได้ ถึงอย่างนั้น ท่าทางที่ฟิลแสดงออกกลับเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าบรองโกยังมีตัวตนในความรู้สึกของฟิล การที่ปีเตอร์ก้าวเข้ามารู้จักเนื้อแท้ของฟิลโดยบังเอิญ จึงช่วยให้เขาสัมผัสตัวบรองโกได้อีกครั้ง และเชื่อว่าหลายคนที่ดูก็คงเห็นเศษเสี้ยงบางอย่างของบรองโกในตัวปีเตอร์ไม่ต่างจากที่ฟิลเห็น
เมื่อมองผ่านเลนส์ประวัติศาสตร์ตะวันตกในช่วงปี 1920 พบว่ามีการบันทึกเรื่อง เควียร์ (Queer) เอาไว้โดยอธิบายว่าเรื่องรักร่วมเพศมักเกิดขึ้นในกลุ่มคนทำฟาร์ม โรงปศุสัตว์ และคนที่ออกล่าตามธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่แล้วถูกมองว่าเป็นคนชายขอบที่กินอยู่ร่วมกันบนวิถีของตัวเอง จนอาจทำให้เกิดสัญชาตญาณทางเพศที่เปลี่ยนไประหว่างการเดินทาง สิ่งนี้เอง ทำให้ฟิลที่เป็นถึงเจ้าของฟาร์ม ไม่สามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้ เพราะเขาอาจหมดความน่าเช่ือถือไปได้ง่าย ๆ ดังนั้น ฟิลจึงปลดปล่อยความกระหายทางเพศผ่านท่าทางการลูบไล้อานม้าอย่างช้า ๆ จังหวะการดึงเชือกถักหนังสัตว์ และการถูตัวด้วยดินโคลน ซึ่งก็เชื่อว่าไม่ใช่แค่ฟิลเท่านั้นที่รู้สึกเติมเต็มจากการกระทำนี้ ในมุมหนึ่งท่วงท่าการขี่ม้า รวมถึงบุคลิกบึกบึนของความบอย คือตัวแทนอำนาจและความงามของผู้ชายที่สมบูรณ์แบบจนไม่ว่าเพศไหนก็หลงใหลตามไปได้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนดูอย่างเราจะรู้สึกวูบวาบกับเขาด้วย
กลับมาที่ความสัมพันธ์ภายในบ้าน เมื่อฟิลและปีเตอร์เริ่มสนิทสนมกัน สิ่งนี้ทำให้โรสซึ่งเป็นแม่ ออกอาการคลุ้มคลั่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ภาวะความเป็นแม่ที่เริ่มจิตตกเพราะพิษสุรา กำลังกัดกินเธอให้จมดิ่งลงในความทุกข์ เนื่องจากลูก ‘ไม่ใช่’ ของเธออีกต่อไป และปีเตอร์กำลังเดินตามเส้นทางที่โรสไม่อยากให้เป็น ในเวลาเดียวกันนี้ ปีเตอร์เองก็รู้ดีถึงสิ่งที่แม่เผชิญอยู่ แต่เขาแข็งแกร่งและแน่วแน่กว่าที่แม่คิด นั่นเป็นเหตุผลที่เขายังเชื่อมั่นในตัวเองและทำสิ่งนั้นโดยไม่ลังเลเรื่อยมา จนถึงตอนท้าย ความฉลาดของปีเตอร์ในด้านการแพทย์ จึงสร้างความสับสนให้คนดูไม่น้อยว่าเขาเป็นต้นเหตุที่นำมาสู่ข่าวชวนสลดใจหรือไม่นั่นเอง
รับชม The Power of the Dog ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
คลิกเพื่อรับชมตัวอย่างภาพยนตร์