คำถามแรกที่เกิดขึ้นหลังจากบทพูดสุดท้ายใน ‘A Cigarette Butt Named Life’ หรือ ‘ก้นบุหรีชื่อชีวิต’ จบลง ก็คือการรีเช็กกับตัวเองว่า นี่เรากำลังชมการแสดงอยู่ หรือกำลังนั่งฟังเรื่องเล่าของคนกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญมาเจอกันในบาร์กันแน่ เพราะบรรยากาศสลัว ๆ ใน Foojohn jazz club ที่ไม่ได้แบ่งว่าใครคือนักแสดงและใครคือผู้ชมอย่างชัดเจน ได้ทำให้เราหลงลืมไปชั่วขณะเหมือนกันว่า คนที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเราในตอนนี้ ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่เราบังเอิญได้ฟังเรื่องราวในชีวิตของเขาแบบไม่ตั้งใจ แต่เป็นนักแสดงต่างหาก
A Cigarette Butt Named Life คือละครเวทีแบบไร้เวที ที่เล่าเรื่องราวผ่านการอ่านบท (Staged Reading) เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของคน (เคย) มีความฝัน ความหวัง และคนที่กำลังตามหาจุดมุ่งหมายของชีวิต ผ่านมุมมองของเกย์ คนขายบริการ และการมอดไหม้ของบุหรี่ รวมถึงชีวิตจริงที่ไม่เหมือนฝันของตัวละคร (อาจจะคนดูด้วย) ที่ค่อย ๆ สูญสลายไปพร้อมกับมัน และแม้ว่าละครเรื่องนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นการแสดงแบบอ่านบทที่มีบทพูดเป็นตัวเอก แต่เราก็ต้องยอมรับเลยว่าการแสดงประกอบฉากของนักแสดงทั้งหกคนที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยสักตอน และหลาย ๆ ครั้งก็ยังทำเอาเราถึงกับต้องกลั้นหายใจกับฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าที่มาแบบคาดไม่ถึง
ในฐานะคนไม่สูบบุหรี่ และไม่เคยลิ้มรสความสุขจากสารนิโคตินผ่านลมหายใจ ทุกครั้งที่ตัวละครพูดว่า “ฉันไม่น่าเลิกบุหรี่” หรือ “ฉันอยากสูบบุหรี่อีกครั้ง” เราคงต้องบอกว่าไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ถ้าเปลี่ยนจากอาการอยากสูบบุหรี่ เป็นการอยากเดินตามความฝัน หรือเติมเต็มแพสชันที่เป็นไปไม่ได้ เราก็เข้าใจพวกเขาขึ้นมาทันที เพราะเชื่อว่าใคร ๆ ก็ต้องเคยสัมผัสถึงความรู้สึกโหยหา ต้องการ แต่ในขณะเดียวกันก็อยากเลิกฝันถึงชีวิตในอุดมคติแล้วกลับสู่ความจริงสักทีบ้างเหมือนกัน และแน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่เราที่เปรียบอาการอยากบุหรี่เข้ากับการอยากทำตามความฝัน เพราะตัวละครทุกตัวเขาก็สื่อออกมาชัดเจนเหมือนกันว่าความหมายเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ ก็คือการตามหาความสุขในอุดมคติของตัวเอง ที่พวกเขารู้ดีว่าเป็นไปได้ยาก
ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของละครเวทีเรื่องนี้ ก็คือการเล่าเรื่องความฝันผ่านตัวละครที่เป็นคนอยากทำงานสายศิลปะ และ Sex worker ที่มีความเหมือนกันอยู่หนึ่งอย่างคือการถูกมองว่าไม่ใช่อาชีพที่มั่นคง ไปจนถึงการมองว่ามันไม่ใช่อาชีพเลยก็มี แต่ในขณะที่มีความเหมือนกัน ก็ยังมีความแตกต่างที่แสดงให้เห็นถึงโลกความจริงกับโลกในอุดมคติระหว่างคนสองกลุ่มนี้ที่คอนทราสต์กันอยู่
สำหรับเรา ติม เมษ และน็อตเป็นภาพแทนของชนชั้นกลางที่ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น แต่ก็ไม่น้อยเกินไปจนยับยั้งความกล้าที่จะเดินตามฝันของตัวเอง จนเกิดเป็นความรู้สึกครึ่ง ๆ กลาง ๆ ระหว่างการทำตามความฝันกับการหาเงินเลี้ยงชีพตามปกติ ที่ในท้ายที่สุดแล้วต่อให้คนกลุ่มนี้มีเงินมากพอ ก็ยังไม่พอที่จะหล่อเลี้ยงให้พวกเขามีความสุขได้ เนื่องจากความต้องการในใจไม่อาจสมหวัง ส่วนเด็กนวดที่เป็นผู้ให้บริการ ก็แทนถึงภาพชนชั้นล่างที่มองไปยังตัวเงินและมีความฝันที่การมีเงินเพื่อความสุขของทุกคน และเมื่อคนจากสองฝากที่มีทั้งความเหมือนและความต่างได้คุยกัน แลกเปลี่ยนความรู้สึกทางกายและทางใจในช่วงเวลาหนึ่งไปด้วยกัน ก็ทำให้คนดูอย่างเราได้ซึมซับความรู้สึกเหล่านั้นไปด้วย
A Cigarette Butt Named Life ยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในระหว่างบทสนทนา ที่พาเราไปค้นหาความหมายหลาย ๆ อย่างของชีวิต และแม้ว่าเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หากวันหนึ่งเราใช้(สูบ)ชีวิตของตัวเองไปจนหมดมวนแล้ว วันนั้นเราจะเข้าใจหรือเปล่าว่าชีวิตของเราคืออะไร แต่อย่างน้อยเราก็หวังว่ามันจะให้ความรู้สึกที่ดี โล่งใจ และเข้าใจ ในเฮือกสุดท้ายก่อนจะเหลือเพียงก้นบุหรี่
A Cigarette Butt Named Life จัดแสดงโดย @QriousTheatre ที่ Foojohn jazz club เขียนบทโดย ‘แม็กซ์ - รัฐไท โลกุตรพล’ และกำกับการแสดงโดย ‘ปาร์ตี้ - ภัสสร์ภวิศา จิวพัฒนกุล’