เปิดกล่อง Glenfiddich Grand Château สำรวจเรื่องราวของเครื่องดื่มอันน่าหลงใหลที่ถูกตีความผ่านศิลปะสตรีทอาร์ตของ André Saraiva ศิลปินผู้ให้กำเนิดคาแรกเตอร์ไวรัลแห่งยุค 80s

Post on 7 October

หากใครชื่นชอบงานแนวสตรีทอาร์ต ก็น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากับ ‘Mr. A’ คาแรกเตอร์สุดโด่งดังของ ‘อันเดร ซาไรวา’ (André Saraiva) มีเอกลักษณ์อยู่ที่ใบหน้ายิ้มแย้ม หมวกทรงสูง และหุ่นสุดเก้งก้าง ที่เริ่มปรากฎตัวอยู่ตามกำแพงของเมืองใหญ่อย่างปารีส นิวยอร์ก และลอนดอน มาตั้งแต่ยุค 80 และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัฒนธรรมเมืองร่วมสมัย ซึ่งล่าสุด Mr.A และลายเส้นสตรีทอาร์ตของซาไรวาก็ได้มาปรากฎตัวบนกล่อง Glenfiddich แบรนด์ขวัญใจนักดื่มชื่อดังระดับโลกจากสกอตแลนด์ และเปิดโอกาสให้เราสัมผัสกับงานศิลปะที่น่าหลงใหลได้ง่าย ๆ เพียงเปิดกล่อง โดยล่าสุดทางแบรนด์ก็เพิ่งจัดงานเปิดตัว Glenfiddich Grand Château 31 Year Old เครื่องดื่มสุดลิมิเต็ดของ Glenfiddich Grand Series ที่ ATT19 อาร์ตสเปซยอดฮิตย่านเจริญกรุงไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมให้คนรักศิลปะได้ไปสำรวจโลกแห่งไอเดียของซาไรวาที่รังสรรค์ผลงานเพื่อถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากการผสมผสานความแตกต่างที่ลงตัวระหว่างภูมิภาคสเปย์ไซด์ในประเทศสกอตแลนด์ และ แคว้นบอร์โดในประเทศฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด พร้อมดื่มด่ำไปกับมื้ออาหารสี่คอร์สที่รังสรรค์โดย เชฟเชอ พันธ์ทิพย์ อรรถการวงศ์ จากร้านอาหาร Mad Beef โดยที่เมนูอาหารแต่ละจานได้ถูกรังสรรค์มาเพื่อจับคู่กับ Glenfiddich Grand Series โดยมีไฮไลท์เป็น Grand Château รุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน 31 ปี

ซาไรวา คือศิลปินลูกครึ่งสวีเดน-ฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกศิลปะสตรีทอาร์ตระดับโลก และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากการสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นในช่วง 1980 - 1990 เอกลักษณ์สำคัญของเขาคือการผสมผสานศิลปะกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ ที่เชื่อมโยงกับผู้คนในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบนถนนหรือในแกลเลอรี ผลงานของเขามีทั้งภาพวาด งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงภาพยนตร์ แต่ที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ที่สุดก็คือ คาแรกเตอร์ Mr. A ตัวการ์ตูนลายเส้นง่าย ๆ แต่ให้ความรู้สึกสนุกสนานและไม่ยึดติดกับกรอบของศิลปะ ซึ่งคาแรกเตอร์ตัวนี้ได้สร้างจุดเปลี่ยนให้กับวงการสตรีทอาร์ตในยุค 80 แบบสุด ๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่ศิลปินใช้คาแรกเตอร์แทนการเขียนแท็กชื่อหรือตัวอักษร

สำหรับโปรเจกต์การร่วมมือกับ Glenfiddich ในครั้งนี้ซาไรวาได้เล่าถึงที่มาของแรงบันดาลใจว่า “เมื่อ Glenfiddich ทาบทามให้ผม (และ Mr. A) มารังสรรค์ผลงานร่วมกัน ผมรู้สึกว่าเป็นการจับคู่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว เนื่องจากผมมีความหลงใหลและชื่นชอบอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงกับประเทศฝรั่งเศส ดังนั้นผมจึงสามารถถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์อันมหาศาลที่ผมมี ผนวกกับแรงบันดาลใจที่ผมได้รับจากประวัติศาสตร์ ผู้คน และสภาพแวดล้อมของประเทศสกอตแลนด์”

แต่ถึงเราจะบอกว่าซาไรวาได้พา Mr.A มาเยือนทุกคนในทุก ๆ กล่องของ Glenfiddich Grand Château รุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน 31 ปี ความพิเศษคือเขาก็ไม่ได้พามาเฉย ๆ เพราะยังผสมรวม Mr.A เข้ากับคอนเซปต์ใหม่ ๆ อย่างลายผ้า Toile de Jouy ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคลาสสิกโดยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่น่าหลงใหลของประเทศฝรั่งเศส เข้ามาถ่ายทอดเรื่องราวของโรงกลั่น เพื่อพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Glenfiddich ในมุมมองที่แปลกใหม่มากขึ้น และถ้าคุณเองก็เริ่มสนใจขึ้นมาแล้วเหมือนกันว่า สตรีทอาร์ตกับลายผ้าหรูหราแบบนี้มาจับกลุ่มรวมกันได้อย่างไร ก็ตาม GroundControl มาเปิดกล่อง Glenfiddich แล้วส่องงานอาร์ตไปพร้อม ๆ กันได้เลย

Mr. A คาแรกเตอร์สุดโด่งดังที่เจอได้ง่าย ๆ ตั้งแต่ยังไม่เปิดกล่อง

Mr. A คือหนึ่งในคาแรกเตอร์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดตัวหนึ่งในวงการสตรีทอาร์ต เพราะเป็นครั้งแรกที่ศิลปินใช้คาแรกเตอร์แทนการเขียนแท็กชื่อหรือตัวอักษร และหลังจากปรากฎตัวขึ้นครั้งแรกในช่วงปลายยุค 80 Mr.A ก็กลายเป็นไวรัลมาก ๆ เมื่อประกอบเข้ากับลายเส้นที่เรียบง่าย ดูสนุก ทำให้ใคร ๆ ต่างก็มองว่าเขาเป็นตัวแทนของความสนุกสนานและขี้เล่น ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ในงานออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ Glenfiddich ครั้งนี้ Mr. A จะมาปรากฎตัวในท่าทางกวน ๆ พร้อมร่วมเดินทางไปกับกระบวนการบ่มเครื่องดื่มตามสไตล์ Glenfiddich โดยมีฉากหลังเป็นลายผ้า Toile de Jouy

การที่เลือก Mr. A คาแรกเตอร์ที่ทลายกรอบหลาย ๆ อย่างให้กับวงการสตรีทอาร์ทมาใช้บนบรรจุภัณฑ์เวอร์ชันใหม่ของ Glenfiddich แบบนี้ ก็ชวนให้นึกถึงสไตล์ของ Glenfiddich ที่ท้าทายขีดจำกัดของการผลิตเครื่องดื่ม เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ที่หลงใหลในเครื่องดื่มได้อย่างชัดเจน

ลายผ้าแบบ Toile de Jouy กับภาพสะท้อนวัฒนธรรมและภูมิประเทศแห่งเครื่องดื่ม

นอกเหนือจากลายเส้นสตรีทอาร์ตแบบเฉพาะตัว ซาไรวายังผสมผสานการออกแบบเข้ากับลายผ้าสุดคลาสสิกแบบ ‘Toile de Jouy’ ลายพิมพ์แบบดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 18 ที่มักจะเล่าเรื่องราวของ ธรรมชาติ ชนบท หรือเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งการที่ซาไรวาเลือกนำลวดลายนี้มาใช้เป็นพื้นหลังร่วมกับ Mr. A แบบนี้ ก็ชวนให้เรารู้สึกเชื่อมโยงผลงานศิลปะเข้ากับความเป็นมาของเครื่องดื่ม ผ่านลวดลายที่สะท้อนวัฒนธรรมและภูมิประเทศของ Speyside (ภูมิภาคในสกอตแลนด์) และ Bordeaux (ภูมิภาคผลิตไวน์ในฝรั่งเศส) สองสถานที่นี้เป็นที่รู้จักในด้านการผลิตเครื่องดื่มระดับโลก ด้วยลายผ้า Toile de Jouy ที่ปรากฎเป็นพื้นหลังบนกล่อง

สีสันของงานศิลปะและศิลปะของการบ่มเครื่องดื่ม สองส่วนผสมที่เป็นมากกว่าความสวยงาม

หลังจากสำรวจกล่องด้านนอกจนครบ ก็ถึงเวลาเปิดเข้ามาดูด้านในกล่อง Glenfiddich กันแล้ว และสิ่งที่รอคอยทุกคนอยู่ก็คือภาพสีน้ำสุดสดใสตามสไตล์ซาไรวา อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ครั้งนี้ เพราะการใช้สีอย่างพิถีพิถัน ก็ชวนให้นึกถึงกระบวนการผลิตเครื่องดื่ม ที่ต้องมีศิลปะและการหมักบ่มอย่างดีถึงจะสามารถทำให้เครื่องดื่มมีสีทองแดงงดงาม และเปี่ยมไปด้วยคุณภาพได้ ซึ่งการผสมผสานศิลปะและเครื่องดื่มเข้ากันแบบนี้ ยังชวนให้เรามองเห็นการเชื่อมต่อระหว่างอดีตและปัจจุบัน ระหว่างโลกของสตรีทอาร์ตและโลกของ Glenfiddich จนเกิดเป็นสิ่งใหม่ที่ท้าทายทั้งสองวงการ และสะท้อนถึงความกล้าหาญในการทำสิ่งใหม่ ๆ ทั้งในแง่ของการผลิตเครื่องดื่มและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ไปในคราวเดียวกัน

อ้างอิง

Sporn S. Toile de Jouy: Everything You Need to Know About the Famous Design. Architectural Digest. Published May 25, 2023. Accessed October 7, 2024.