เวลาเพ่งมองผลงานศิลปะระดับโลกของศิลปินในตำนาน นอกจากจะสงสัยว่าพวกเขาคิดอะไร เชื่ออะไร และศรัทธาในอะไรกันบ้าง คำถามอีกข้อที่ชวนเป็นเจ้าหนูจำไมคือผลงานเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นในสถานที่แบบไหน เพราะสภาพแวดล้อมในการทำงานนั้นมีผลต่อการสร้างงานจริงๆ
เราคงเคยเห็นบ้านของ Claude Monet กันมาบ้างแล้ว และคงรู้ดีว่าผลงานของพ่อแห่งลัทธิประทับใจนั้นสัมพันธ์อย่างแยกไม่ขาดกับบ้านสวนในจิแวร์นีที่เขาฟูมฟักมันขึ้นมาเอง เราคงคุ้นเคยกับบ้านในเม็กซิโกของ Frida Kahlo และคงเห็นพ้องต้องกันว่าบ้านสีฟ้าของเธอนั้นก็สะท้อนผ่านผลงานไม่ต่างกัน
ในโอกาสที่สถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย ฟ้าเปิดให้เราได้บินไปเที่ยวต่างประเทศกันอีกครั้ง GroundControl ขอพาทุกคนไปเยือนบ้าน 5 สไตล์ของ 5 ศิลปินคนอื่นๆ กันบ้าง ว่าผลงานของพวกเขานั้นถูกสร้างขึ้นในที่อยู่อาศัยแบบไหนกัน และงานศิลปะของแต่ละคนสัมพันธ์กับบ้านของพวกเขาบ้างมั้ย
Salvador Dalí
Salvador Dalí เป็นศิลปินแนวเซอร์เรียลลิสต์ชาวสเปนที่นอกจากมีหนวดงามและการแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ ผลงานศิลปะของเขาก็น่าสนใจและมีอิทธิพลต่อวงการศิลปะไม่น้อย หนึ่งในผลงานที่เราอาจไม่ได้คุ้นหน้าคุ้นตากันนักคือภาพทิวทัศน์ Portlligat อันเป็นที่ตั้งของ Casa Dalí บ้านหลังงามที่เขากับภรรยาซื้ออาศัยตั้งแต่ปี 1930 ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ Púbol ในปี 1982 หลังจากภรรยาอย่าง Gala เสียชีวิต
Dalí ซื้อบ้านหลังนี้จากชาวประมงด้วยเงิน 20,000 ฟรังก์ฝรั่งเศสเพื่อทำเป็นบ้านที่มีห้องอาหาร สตูดิโอ และห้องนอน โดยมีบันไดขึ้นสู่ห้องครัวและห้องน้ำ ทุกห้องจะเชื่อมกันด้วยทางเดินแคบๆ ที่เขาตั้งใจ แต่ละห้องจะมีรูปทรงของหน้าต่างที่แตกต่างกันไป เขากล่าวว่าการออกแบบของเขานั้นขึ้นกับความเชื่อที่ว่าบ้านหลังนี้เหมือนกับเซลล์ของร่างกายที่แตกแขนงกันจนบ้านหลังนี้มีรูปแบบเหมือนเขาวงกตยังไงยังงั้น
ที่น่าสนใจคือบ้านหลังนี้ยังประดับประดาด้วยของแปลกที่เขาเก็บสะสมไว้ทั้งน้ำพุรูปหงส์ ไข่ ไปจนถึงสระว่ายน้ำลึงค์
บ้านหลังนี้เปิดให้ชมด้วยนะ แต่ต้องจองตั๋วกันก่อนที่ salvador-dali
Georgia O’Keefe
Georgia O'Keefe คือศิลปินแนวอเมริกันสมัยใหม่เจ้าของภาพวาดดอกไม้ ตึกระฟ้าในนิวยอร์ก และภูมิทัศน์ของเม็กซิโกใหม่ ความสามารถของเธอไม่ใช่เล่นๆ เพราะเธอได้รับการขนานนามว่าเป็นแม่ของลัทธิสมัยใหม่ของอเมริกาเลยทีเดียว และแม่คนนี้ก็มีบ้านที่สวยเหมือนนั่งอยู่ในนิตยสารยังไงยังงั้น สวยแบบถ้าให้โหวดว่าชอบบ้านศิลปินคนไหนมากที่สุด เราเองอยากจะโหวตให้บ้านของขุ่นแม่คนนี้
Georgia O'Keeffe มีบ้าน 2 หลังในภาคเหนือของรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา แบ่งออกเป็นบ้านฤดูร้อนที่เรียกว่า Ghost Ranch ซึ่งทำขึ้นเป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปศุสัตว์ แต่บ้าน Ghost Ranch นั้นไม่เหมาะกับการอาศัยตลอดทั้งปี O’Keeffe จึงซื้อบ้านหลังใหญ่อีกหลังในหมู่บ้าน Abiquiú จากโบสถ์คาธอลิกเพื่อเป็นบ้านอาศัยในฤดูหนาว ซึ่งบ้านหลังนี้นี่แหละที่เปิดให้เข้าชมได้
Abiquiú Home and Studio ขนาด 5,000 ตารางฟุตใน Abiquiu หลังนี้เคยเป็นเพียงซากปรักหักพังจากยุคอาณานิคมสเปน ในปี 1935 O'Keefe ตกหลุมรักบ้านหลังนี้เข้าอย่างจังจากประตูสีดำของบ้าน เมื่อตกลงว่าต้องได้ ต้องเอา เธอใช้เวลาอีก 3 ปีเพื่อรีโนเวตบ้านให้ได้ตามใจหวัง
“เมื่อปีนขึ้นไปและเดินไปมาในซากปรักหักพัง ฉันพบลานบ้านที่มีบ่อน้ำและถังเก็บน้ำที่สวยงามมาก มันเป็นลานกว้างที่มีกำแพงยาวและมีประตูอยู่ด้านหนึ่ง ซึ่งกำแพงที่มีประตูอยู่ในนั้นถือเป็นของที่ฉันต้องมี” เธอว่าอย่างนั้น
บ้านหลังนี้ผสานสไตล์อาณานิคมของชาวอเมริกันพื้นเมืองและสเปนเข้ากับสไตล์ปวยโบล (อิฐโคลน) แรกเริ่มมีเพียงห้องที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งน่าจะสร้างขึ้นในปี 1744 (เรย) ก่อนจะขยายออกไปอีกหลายห้องเรียงต่อกันจนเกิดเป็นพื้นที่กลางเปิดโล่งหรือที่เรียกว่าพลาซูเอลา เอกลักษณ์ของบ้านหลังนี้คือโครงสร้างอาคารแบบสเปนที่เรียกว่า Adobe ที่ดูเก่าแก่แต่เธอกลับทำให้บ้านหลังนี้น่าอยู่และทันสมัยด้วยการเปิดช่องแสงธรรมชาติในบ้านให้มากเข้าไว้ แล้วตกแต่งส่วนต่างๆ ของบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์มิดเซ็นจูรี่ที่ฮิตตลอดกาล หิน และกระดูกสัตว์ที่เธอสะสม
O'Keeffe อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่ปี 1949-1984 ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในวันที่ 6 มีนาคม 1986 ด้วยอายุ 98 ปี ปัจจุบัน O'Keeffe Home and Studio กลายเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติแลเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์ Georgia O'Keeffe
จองตั๋วไปชิคแถมได้แรงบันดาลใจกันได้ที่ okeeffemuseum
Louise Bourgeois
Louise Joséphine Bourgeois คือศิลปิน Abstract Expressionism ชาวฝรั่งเศส-อเมริกันเจ้าของผลงานแมงมุมยักษ์ที่หลายคนคุ้นเคย ผลงานของเธอสร้างขึ้นด้วยไอเดียของความเจ็บปวดจากการเป็นมนุษย์หลากหลายบทบาท โดยเฉพาะการเป็นผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ แม้ผลงานของเธอจะดูน่ากลัวไปนิดสำหรับบางคน แต่บ้านของเธอนั้นแสดงตัวตนอันแสนเปราะบางแต่แข็งแกร่งของเธอไว้
Louise Bourgeois ซื้อทาวน์เฮาส์ของ Chelsea ที่เธอแบ่งปันกับสามีนักประวัติศาสตร์ศิลป์ Robert Goldwater ของเธอในปี 1962 แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิต 11 ปีต่อมา เธอก็ย้ายห้องสตูดิโอที่แต่เดิมอยู่ชั้นใต้ดินมาไว้ที่ห้องนั่งเล่น และเปลี่ยนทั้งบ้านให้เป็นงานศิลปะด้วยภาพสเก็ตช์ หุ่นจำลอง และวัสดุแสนละเอียดอ่อน
ก่อนที่ผลงานศิลปะชิ้นเล็กใหญ่ของเธอจะออกสู่สายตาประชาชน เธอก็ทดลองสร้างมันขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะงานปั้น งานวาด หรืองานพิมพ์ นอกจากนั้น Bourgeois ยังจัดปาร์ตี้วันอาทิตย์ที่ชวนศิลปิน นักเขียนและภัณฑารักษ์มาร่วมแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันที่นี่ด้วย
ปัจจุบัน บ้านหลังนี้อยู่ในความดูและของมูลนิธิอีสตันที่เธอตั้งขึ้นซึ่งเปิดให้เข้าชมเฉพาะบุคคลหรือกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นและต้องนัดหมายล่วงหน้าผ่านอีเมล [email protected]
Jackson Pollock
ถ้ามองผลงานศิลปะแบบ Abstract Expressionism ของศิลปินอเมริกันอย่าง Jackson Pollock ที่ส่วนใหญ่เป็นภาพของสีที่สาดกระเซ็น เราก็คงสงสัยกันว่าสตูดิโอของเขาจะหน้าตาแบบไหนกันนะ มันจะออกดาร์กๆ แบบผลงานของเขาหรือเปล่า แต่บ้านและสตูดิโอที่เขาอาศัยกับภรรยากลับดูอบอุ่นสุดๆ
Pollock และภรรยาอย่าง Krasner ได้บ้านหลังนี้มาจากชาวนาและชาวประมงในหมู่บ้านเล็กๆ ของเมือง East Hampton ภายในบ้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ทั้งคู่สะสม เช่น เครื่องเสียงและแผ่นเสียงเพลงแจ๊ส ส่วนห้องที่น่าสนใจและน่าจะตกหนอนหนังสือได้ก็คงเป็นห้องสมุดส่วนตัวขนาดย่อมในบ้านที่มีหนังสือวางเรียงกันสวยงาม
หนึ่งในผลงานปฏิวัติวงการศิลปะของเขาหลายชิ้นทั้ง Autumn Rhythm, Convergence, Blue Poles และผลงานระหว่างปี 1946-1952 ก็สร้างขึ้นที่บ้านหลังนี้ เห็นได้จากสตูดิโอเปื้อนสีสาดกระเซ็นในสตูดิโอ วิธีการทำงานเหล่านี้เป็นวิธีที่เขาบอกว่ามันทำให้เขาเป็นส่วนหนึ่งกับงานศิลปะอย่างแท้จริง
เมื่อ Pollock เสียชีวิตลงในปี 1956 ภรรยาของเขาก็รับช่วงต่อในการดูแลบ้านหลังนี้และอาศัยอยู่จนเวลาสุดท้ายของชีวิต
ไปทัวร์กันได้ stonybrook
Pierre-Auguste Renoir
นอกจาก Claude Monet ที่ทุกคนหลงรัก Pierre-Auguste Renoir ก็เป็นอีกหนึ่งศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์คนสำคัญไม่แพ้กันเพราะเขาเป็นหนึ่งในสี่สหายผู้ร่วมก่อตั้งขบวนการนี้และนิทรรศการครั้งแรกของศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ในฝรั่งเศส
บ้านของ Monet ว่าหวานหยดแล้ว บ้านของเพื่อนซี้คนนี้ใน Essoyes ฝรั่งเศสก็น่ารักไม่แพ้กัน Renoir ซื้อบ้านหลังนี้ร่วมกับภรรยานางแบบของเขา Aline Charigot ในปี 1896 ซึ่งเป็นช่วงที่เขายังไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก พื้นที่ตรงนี้คือบ้านเกิดของหญิงสาวซึ่งแรกเริ่มศิลปินไม่ต้องการย้ายออกจากเมืองหลวงอย่างปารีสแต่ก็เพราะความสวยงามเงียบสงบของเมืองชนบทแห่งนี้ เขาจึงตามใจเธอ
เขาไม่ได้ซื้อตัวบ้านเท่านั้นแต่ยังซื้อแหล่งปลูกองุ่นชั้นดีสำหรับทำไวน์อีกด้วย ไม่ไกลจากบริเวณบ้าน ศิลปินยังสร้างสตูดิโอทำงานที่ปลายสวน ภายในสตูดิโอจะมีรถเข็นวางตั้งอยู่เพราะ Renoir เป็นโรคไขข้อเสื่อมทำให้เดินเหินไม่ถนัด ส่วนรอบบ้านของเขาคือหมู่บ้านแสนสวยงามที่ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำแซนแสนเงียบสงบ แม้หลายปีต่อมา ครอบครัว Renoir จะย้ายไปอยู่ที่ Cagnes-sur-Mer เป็นหลักแต่ยัเมื่อถึงฤดูร้อนทีไร ทุกคนก็จะกลับมาใช้เวลาที่บ้าน 2 ชั้นแห่งนี้
Renoir อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 1896 กระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1919 ศพของเขา ภรรยา และลูกๆ ถูกฝังไว้ในสุสานท้องถิ่น ส่วนลูกหลานของ Renoir ก็อยู่อาศัยในบ้านหลังนี้จนถึงปี 2012 เพราะหลานสาวคนโตได้ขายบ้านหลังนี้ให้สภาหมู่บ้านเพื่อใช้เงินกว่า 1 ล้านยูโรเพื่อบูรณะโดยใช้ภาพวาดของศิลปินเป็นต้นแบบเพื่อให้บ้านหลังนี้คงเดิมที่สุด
ไปชมกันได้ที่ renoir-essoyes
อ้างอิง :
openhouse-magazine