สรุป 3 กิจกรรมดีไซน์ใน BORDERLESS: DESIGN X CHANGE อีเวนต์เปิดโลกดีไซน์ไทยสู่ระดับนานาชาติ

Post on 29 September 2025

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา GROUNDCONTROL ได้มีโอกาสไปร่วมงาน ‘BORDERLESS: Design X Change’ อีเวนต์ด้านดีไซน์ระดับนานาชาติที่กลายเป็นเหมือนจุดนัดพบ ของคนทำงานดีไซน์จากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะเหล่าสปีกเกอร์ที่เป็นนักออกแบบระดับแถวหน้าอย่าง Stefan Scholten, Yoshiaki Irobe, Mitsuko Matsuzoe และ Sophie Cowles ต่างก็พกไอเดียและมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำงานดีไซน์มาแลกเปลี่ยนกันอย่างเข้มข้น (ก่อนหน้านี้เราได้สรุปเนื้อหาจาก Yoshiaki Irobe ไว้แล้ว สามารถตามอ่านได้จากลิงก์ในคอมเมนต์) จัดโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญ ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ด้านออกแบบ

นอกจากเวทีเสวนาที่จัดเต็มทั้งความรู้และแรงบันดาลใจแล้ว ภายในงานยังมีโซนให้ทุกคนมาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างอิสระ รวมถึงโซนนิทรรศการ X Change Gallery ที่รวบรวมผลงานจากนักออกแบบไทยและต่างประเทศ และร่วมจัดแสดงในนิทรรศการ Thailand Creative & Design Pop-Up Showcase ระหว่างวันที่ 25-29 กันยายน 2568 ณ The Storeys Square, One Bangkok

เพื่อให้เห็นภาพรวมความสำเร็จของงาน วันนี้เราเลยสรุป 3 เรื่องดีไซน์พิเศษ ที่ BORDERLESS: DESIGN X CHANGE ได้ฝากไว้ ตั้งแต่บทเรียนจากเวทีเสวนาที่อัดแน่นไปด้วยมุมมองระดับนานาชาติ ไปจนถึงเวิร์กชอปที่ต่อยอดจนกลายเป็น Showcase จริง และปิดท้ายด้วยผลลัพธ์ที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงตัวงาน แต่ยังขยายไปถึงการเปลี่ยนวิธีคิดและทิศทางการทำงานของนักออกแบบไทยในอนาคตด้วย

ส่วนแรกที่อยากเล่าถึงคือพาร์ทของงานเสวนา BORDERLESS: Design X Change, an International Design Talk เพราะถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้คอมมูนิตี้นักออกแบบไทยได้มีโอกาสมาพบปะ แลกเปลี่ยน และเรียนรู้โดยตรงจากนักออกแบบระดับโลกที่มารับหน้าที่เป็นสปีกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็น Stefan Scholten จาก Studio Stefan Scholten ประเทศเนเธอร์แลนด์, Yoshiaki Irobe จาก Irobe Design Institute ประเทศญี่ปุ่น, Sophie Cowles จาก Kingdom & Sparrow สหราชอาณาจักร และ Mitsuko Matsuzoe จาก D&Department Project ประเทศญี่ปุ่น

บรรยากาศของเวทีเสวนาเต็มไปด้วยพลังงานสร้างสรรค์ที่ไหลเวียนระหว่างสปีกเกอร์และผู้ฟัง นักออกแบบรุ่นใหม่ นักศึกษา ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญในวงการ ต่างมารวมตัวกันในห้องเดียวเพื่อฟังแนวคิดและประสบการณ์ตรงที่ไม่ได้พบได้ง่าย ๆ ทุกคนจึงไม่เพียงได้แรงบันดาลใจ แต่ยังได้สร้างสายสัมพันธ์ใหม่ ๆ ในเครือข่ายคอมมูนิตี้ดีไซน์ที่แข็งแรงขึ้น

หนึ่งในช่วงที่ถือว่าน่าสนใจสุด ๆ คือการบรรยายของ โยชิอากิ อิโรเบะ (Yoshiaki Irobe) กราฟิกดีไซเนอร์และอาร์ตไดเรกเตอร์ผู้เคยฝากผลงานกับโปรเจกต์ระดับประเทศและนานาชาติมากมาย ทั้งโลโก้ Osaka Metro, National Parks of Japan (2019), Japan Pavilion, Expo 2025 รวมถึงโปรเจกต์กับบริษัทระดับโลกอย่าง Sony อิโรเบะได้ทิ้งคำถามชวนคิดไว้ว่า “เพราะเราอาจใช้การดีไซน์แค่ 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วที่เหลือล่ะคืออะไร?”

ในหัวข้อบรรยาย ‘30% Design – Design Completed through Relationship’ เขาได้ขยายความว่า ความสำเร็จของงานออกแบบไม่ได้เกิดจากทักษะด้านดีไซน์เพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องพึ่งพาความเข้าใจในแง่มุมอื่น ๆ อีกถึง 70% ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สภาพแวดล้อม หรือความสัมพันธ์ที่รายล้อมโครงการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้การออกแบบมีชีวิตและมีความหมายอย่างแท้จริง

เวทีเสวนาครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการบรรยาย แต่คือ การหลอมรวมคอมมูนิตี้ไทยเข้ากับมาตรฐานและมุมมองระดับโลก ให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นได้กลับออกมาพร้อมแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และมิตรภาพที่พร้อมจะต่อยอดไปสู่งานสร้างสรรค์ในอนาคต

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของโครงการคือ ‘DESIGN X CHANGE: A Collaborative Design Workshop’ ภายใต้ธีม ‘Creativity Across Cultures’ ที่เปิดโอกาสให้นักออกแบบไทยรุ่นใหม่กว่า 50 คนได้มารวมตัวกัน และแบ่งทีมออกเป็น 10 กลุ่ม เพื่อทำงานเคียงข้างกับเมนเทอร์ระดับแนวหน้า ทั้งจากไทยและต่างประเทศ

บรรยากาศของเวิร์กชอปเต็มไปด้วยพลังของคนหนุ่มสาวที่ได้ลองผิดลองถูก ได้เรียนรู้วิธีคิดแบบเป็นระบบ ตั้งแต่การรับโจทย์ การทำวิจัย ไปจนถึงการสร้างสรรค์ Master Design ที่ต้องตอบโจทย์จริงของอุตสาหกรรม เช่น HoReCa (โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่) และกลุ่มการขนส่งและการท่องเที่ยว เป้าหมายไม่ใช่เพียงการออกแบบสิ่งใหม่ แต่คือการผลักดันให้สินค้าและบริการของไทยก้าวสู่การยอมรับในระดับสากล

บทสรุปของกระบวนการเข้มข้นนี้ถูกนำเสนอใน Design X Change Debut ที่ผู้เข้าร่วมทั้ง 10 กลุ่มได้ขึ้นเวทีนำเสนอผลงานที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานจากโจทย์จริงขององค์กรชั้นนำในไทย ไม่ว่าจะเป็น การรถไฟแห่งประเทศไทย, ไปรษณีย์ไทย, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และโรงพยาบาลเมดพาร์ค สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่แค่การนำเสนอไอเดีย แต่คือการต่อยอดไปสู่ต้นแบบที่พร้อมนำไปพัฒนาและใช้ได้จริง

ผลงานทั้งหมดได้จัดแสดงในนิทรรศการ Thailand Creative & Design Pop-Up Showcase ณ One Bangkok ที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 25 - 29 กันยายน 2568 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อชี้ชวนให้ทุกคนได้เห็นว่าพลังของคอมมูนิตี้นักออกแบบรุ่นใหม่ไทย กำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างจริงจังและจับต้องได้

สิ่งที่ BORDERLESS: DESIGN X CHANGE ฝากไว้ในวงการดีไซน์ยังไม่ได้หยุดอยู่แค่งานเสวนา เวิร์กชอป และชิ้นงานสวย ๆ ในโชว์เคส แต่ยังเป็นเรื่องของวิธีคิดและวิธีการทำงานแบบใหม่ ที่นักออกแบบสามารถหยิบไปใช้ต่อได้จริงในชีวิตการทำงาน ผ่านการทำให้เห็นว่า การออกแบบที่ดีล้วนมีขั้นตอนและกระบวนการชัดเจน ที่จะทำให้ไอเดียถูกพัฒนาจนใช้งานได้จริง ที่สำคัญยังช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้นักออกแบบไทยได้เห็นว่าการผสมผสาน เอกลักษณ์ไทยกับมาตรฐานสากล จะสร้างพื้นที่ให้เราไปไกลกว่าที่เคย

ดังนั้น แม้โปรเจกต์นี้จะปิดฉากลงไปแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ได้เข้าร่วมเสวนา รวมถึงนักออกแบบรุ่นใหม่กว่า 50 คนที่เข้าร่วมเวิร์กชอป สิ่งที่เก็บกลับไปไม่ใช่แค่ผลงานหรือไอเดีย แต่คือประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และเครือข่ายใหม่ ๆ ที่พร้อมต่อยอดในเส้นทางของตนเอง การทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีมและเมนเทอร์ทั้งไทยและต่างประเทศช่วยเปิดมุมมอง กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และสร้างความมั่นใจให้ก้าวออกไปสู่เวทีโลกอย่างไร้พรมแดน