GC_MultiCover_foulwer copy web.jpg

Foul(w)er ธีสิสงานปั้นที่บอกว่าดอกไม้ทุกดอกงอกเงยและงดงามในแบบของตนเอง

Art
Post on 2 September

เคยรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเพราะรอยแผลเป็น รอยสิว หรือกระทั่งรูปร่าง หน้าตา และสัดส่วนของตัวเองบ้างมั้ย? เชื่อว่าหลายคนคงมีส่วนลับในร่างกายที่ไม่อยากเปิดเผยที่ไหนเพราะกลัวว่ามันจะ ‘ไม่สวย’ หรือ ‘สวยไม่พอ’ กับคุณค่าความงามที่สังคมกำหนด

แต่ในยุคนี้ ‘My body, my choice’ เป็นคำพูดที่เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายคนเริ่มตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพในร่างกายของตนเองมากกว่าที่จะคิดและทำตามบรรทัดฐานที่สังคมต้องการ เราเห็นว่าผู้หญิง ผู้ชาย และเพศหลากหลายทุกคนเริ่มลุกขึ้นมาทลายมาตรฐานความงามนั้นกันบ้างแล้ว และ ‘มุกมิก–ณิชนันทน์ ใจสำริด’ บัณฑิตป้ายแดงจากสาขาประติมากรรม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือหญิงสาวหนึ่งในนั้น

ตามไปดูว่ามุกมิกหยิบเอาประเด็นที่ว่ามาประยุกต์และสร้างเป็นผลงาน Foul(w)er ธีสิสจบการศึกษาจากสาขาประติมากรรมของเธอยังไง ตามไปดูว่าคุณค่าแบบไหนที่เธออยากให้ดอกไม้ทุกดอกได้งอกงาม

“เราสนใจประเด็นมาตรฐานความงามที่มีต่อเพศหญิงอยู่แล้ว พอได้สำรวจประเด็นนี้อย่างลงลึกมากขึ้นก็ยิ่งพบว่ามาตรฐานความงามตรงนี้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึก จิตใจและการแสดงออกของผู้หญิงรอบตัวเรารวมถึงเราแค่ไหน เราจึงเลือกหยิบประเด็นนี้มาพัฒนาเป็นงานในวิชาพรีธีสิส"

จากวิชาย่อยตรงนั้น เธอนำมาต่อยอดเป็นธีสิสจบการศึกษาอย่างจริงจังผ่านการตีความและวิเคราะห์ว่าประเด็นมาตรฐานความงามตรงนี้จะนำเสนอเป็นงานประติมากรรมในรูปแบบใดได้บ้างเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก และสะท้อนความธรรมดาของร่างกายมนุษย์อย่างรอยแผล รอยสิว ฯลฯ ออกมาได้ชัดเจน

เมื่อได้ไอเดียการทำงาน มุกมิกจึงเลือกสร้างผลงานประติมากรรมขึ้นมาหลากหลายแบบ มีทั้งที่เป็นงานปักงานร้อยผสมผสานกับงานปั้น และมีทั้งส่วนที่จัดแสดงงานปักอย่างเดียว

“คนส่วนใหญ่มักใช้ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงผู้หญิงหรือเปรียบเปรยว่าผู้หญิงก็เหมือนดอกไม้ เราจึงหยิบเอาสัญลักษณ์ตรงนี้มาสื่อในแนวทางที่ว่าดอกไม้แต่ละดอกมีความสวยงามและมีช่วงเวลาในการเบ่งบานของมันเอง”

เมื่อดอกไม้ทุกดอกมีวิถีในการเติบโตงอกงามในแบบของตนเอง พวกมันจึงไม่ควรหยิบเอาความงามอื่นใดของดอกไม้รอบข้างมาสร้างกรอบให้ตนเองว่ามันจะเติบโตแบบไหนนั่นเอง

“เราใช้กลิตเตอร์ ลูกปัดและคริสตัลซึ่งมีคุณสมบัติแวววาวสวยงามมาร้อยเป็นดอกไม้ เพราะอยากใช้วัสดุเหล่านี้สื่อถึงการให้คุณค่าสิ่งต่างๆ ในสังคม อย่างชิ้นที่มีดอกไม้จากลูกปัดประดับในส่วนของใบหน้า เราตั้งใจชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงทุกคนควรได้รับสิทธิในการแสดงออกโดยไม่ต้องระบุชี้ชัดว่าเธอคือใคร”

นอกจากนั้น ในชิ้นงานปักอื่นๆ มุกมิกก็ยังใช้กลิตเตอร์ ลูกปัดและคริสตัลในส่วนรอยแผล รอยสิว รอยกระ หรือจุดต่างๆ ที่คนทั่วไปมองว่าเป็นจุดด้อยเพื่อให้ความด้อยทั้งหลายที่สังคมมองกลายเป็นจุดเด่นและเอกลักษณ์ประจำกายใครหลายๆ คน

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอตั้งชื่องานชิ้นนี้ว่า Foul(w)er ซึ่งมาจากคำว่า Foul ที่แปลว่าน่ารังเกียจผสานรวมกับ Flower ที่แปลว่าดอกไม้ เพื่อชวนทุกคนมองความน่ารังเกียจนั้นในมุมใหม่

“เราอยากให้รอยแผลดูเด่นและพิเศษขึ้นจึงแทรกไฟในส่วนต่างๆ ของงานอีกที แสงไฟตรงนี้ช่วยขับให้ลูกปัด คริสตัล และกลิตเตอร์ที่ใช้แวววาวสวยงามขึ้นอีก

“การนำวัสดุหลากหลายรูปแบบมาใช้ในงานครั้งนี้จึงทำให้เราสนุกกับการทำงานมาก เพราะเราต้องทำไปพร้อมๆ กับทดลองวิธีทำงานไปด้วยว่าแต่ละวัสดุจะเข้ากันได้ไหม”