สำรวจ ICONCRAFT กับระบบนิเวศงานฝีมือไทย พื้นที่แห่งโอกาสที่ผลักดันงานคราฟต์ไทยสู่เวทีโลก

Post on 23 October 2025

พลังของ ‘หัตถศิลป์ไทย’ ไม่ได้เป็นเพียงการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในทรัพยากรสำคัญที่ขับเคลื่อน ‘เศรษฐกิจสร้างสรรค์’ ของประเทศให้เดินหน้าไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และเพื่อต่อยอดสิ่งนี้ให้ไปต่อได้ไกลอย่างยั่งยืนจริง ๆ แค่ฝีมืออย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ต้องมีพื้นที่ที่พร้อมช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้รับการมองเห็น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ และเปิดโอกาสให้ก้าวสู่แพลตฟอร์มระดับโลกได้อย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ ICONCRAFT เลยตั้งใจที่จะเป็นพื้นที่แห่งโอกาส ที่ไม่เพียงรวบรวมร้านงานคราฟต์ไทยมาไว้ในที่เดียวกันเท่านั้น แต่ยังออกแบบ ‘ระบบนิเวศแห่งไทยดีไซน์’ ที่หลอมรวมความคิดสร้างสรรค์กับภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้อย่างลงตัว ทำหน้าที่ค้นหา พัฒนา และต่อยอดเหล่า ‘Craft Heroes’ หรือช่างฝีมือไทยกว่า 800 ราย ให้เติบโตและก้าวสู่สายตาชาวโลก

ในบทความนี้เราเลยอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับพื้นที่ ICONCRAFT ให้ลึกซึ้งขึ้น ผ่านการสำรวจเบื้องหลังระบบนิเวศที่ทำให้งานคราฟต์ไทยกลายเป็นพลังแห่งความร่วมสมัย และเข้าใจว่าทำไมพื้นที่แห่งนี้จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการหัตถศิลป์ไทยในยุคปัจจุบัน

กลไก ‘Co-Creation’
จุดเริ่มต้นของระบบนิเวศ จากภูมิปัญญาดั้งเดิมสู่ดีไซน์ร่วมสมัยที่ตอบโจทย์ชีวิตปัจจุบัน

ระบบนิเวศของ ICONCRAFT เริ่มต้นจากจุดที่สำคัญที่สุด นั่นคือ 'ตัวผลิตภัณฑ์' ที่ไม่เพียงต้องสวยงามแต่ต้องมีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนได้ด้วย แนวทางนี้สะท้อนผ่านกระบวนการ ‘Co-Creation’ หรือการร่วมมือกันระหว่างช่างฝีมือ ศิลปิน และนักออกแบบรุ่นใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งรากเหง้าและความร่วมสมัยอยู่ในชิ้นเดียวกัน

เราจึงได้เห็นการ ‘ตีความใหม่’ ของช่างฝีมือไทยหกแขนง จากช่างปั้นที่เปลี่ยนเครื่องปั้นดินเผาให้กลายเป็นลำโพงเซรามิกดีไซน์สุดโมเดิร์น ช่างทอที่นำเสื่อกกมาดีไซน์เป็นชุดเครื่องใช้สำนักงานสุดเท่ ช่างไม้ที่ยกระดับงานแกะสลักสู่เฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัยที่เน้นฟังก์ชัน ช่างโลหะที่ผสมผสานเทคนิคการดัดสร้างสรรค์เป็นเครื่องประดับและของแต่งบ้านสุดตระการตา ไปจนถึงช่างวาดเขียนที่นำลายเบญจรงค์มาประยุกต์บนโถเทียนหอม หรือแม้แต่งานแพทย์แผนไทยที่ต่อยอดเครื่องหอมและสปาให้ทัดเทียมแบรนด์ระดับโลก

ทุกผลงานล้วนเป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่างานคราฟต์ไทยสามารถ ‘โตได้ไกล’ โดยไม่ต้องละทิ้งรากเหง้าเดิม แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ คือ ‘วัตถุดิบ’ สำคัญที่จะถูกส่งต่อเข้าสู่กลไกที่สองของระบบนิเวศแห่งนี้

แพลตฟอร์มแห่งโอกาส
พื้นที่ที่พร้อมมอบเครื่องมือให้ Craft Heroes เติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อได้ผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมศักยภาพจากกระบวนการ Co-Creation แล้ว ระบบนิเวศของ ICONCRAFT จะทำงานในขั้นต่อไปทันที ภายใต้แนวคิดวิถีสยามพิวรรธน์ (Siam Piwat Way) พื้นที่แห่งนี้จะทำหน้าที่เสมือน 'ศูนย์บ่มเพาะ' ที่ผลักดันให้เหล่า Craft Heroes กว่า 800 รายทั่วประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ผ่านระบบสนับสนุนที่ครอบคลุมทั้งตลาด การตลาด การบ่มเพาะ และความยั่งยืน

สำหรับในด้าน Marketplace (พื้นที่) ICONCRAFT จะมอบพื้นที่ค้าปลีกในทำเลทองอย่าง ICONSIAM จุดหมายปลายทางของผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้าน Marketing (การตลาด) มีการสร้างสื่อเล่าเรื่องอย่างลูกโลก LED 360 องศา ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเหล่าฮีโร่ สร้างคุณค่าและภาพจำให้กับแบรนด์

ส่วนด้าน Mentorship (การบ่มเพาะ) ICONCRAFT ได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลักอย่าง สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) และสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการให้พร้อมสู่ตลาดต่างประเทศ และสุดท้ายในด้าน Sustainability (ความยั่งยืน) ICONCRAFT ยังผลักดันโมเดลธุรกิจที่สร้างรายได้กลับคืนสู่ชุมชน เช่น โซน ‘Made by Beautiful People’ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ด้อยโอกาสและเด็กพิเศษได้แสดงศักยภาพผ่านผลงานฝีมือของตนเอง

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นการสร้างระบบนิเวศที่เกื้อหนุนกันอย่างครบวงจร ผ่านการนำผลิตภัณฑ์จากข้อแรก มาบ่มเพาะ สร้างตัวตน และเตรียมความพร้อม เพื่อส่งต่อสู่เป้าหมายสูงสุดในองค์ประกอบสุดท้าย นั่นคือการก้าวสู่เวทีระดับโลก

ประตูสู่เวทีโลกของดีไซเนอร์ไทย
จาก Local Heroes สู่ Global Heroes

ผลลัพธ์ของการทำงานอย่างต่อเนื่อง คือการพา ‘Local Heroes’ ก้าวขึ้นเป็น ‘Global Heroes’ ด้วยพลังของ Soft Power ที่จับต้องได้จริง ICONCRAFT ทำหน้าที่เป็นเหมือนประตูบานแรกที่เปิดให้โลกได้เห็นความสามารถของดีไซเนอร์และช่างฝีมือไทย ผ่านผลงานคราฟต์ร่วมสมัยที่ทั้งงดงาม มีเอกลักษณ์ และตอบโจทย์ตลาดระดับโลก ที่นี่จึงไม่เพียงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในฐานะสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้ แต่ยังสร้างคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ย้ำชัดว่าความเป็นไทยสามารถอยู่ในรูปแบบที่ร่วมสมัยได้อย่างยั่งยืน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า ICONCRAFT ไม่ใช่เพียงร้านงานฝีมือ แต่คือหัวใจของการพัฒนา ‘องค์กรหัตถศิลป์ไทยยุคใหม่’ ที่เชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันอย่างงดงาม และที่สำคัญที่สุด ความสำเร็จในเวทีโลกนี้เองที่สร้าง 'ความยั่งยืน' ให้เกิดขึ้นจริง โดยรายได้และชื่อเสียงที่กลับมา จะถูกป้อนกลับไปหล่อเลี้ยงช่างฝีมือในชุมชน และทำให้แพลตฟอร์มแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สมกับเป็นระบบนิเวศที่กำลังพางานคราฟต์ไทยก้าวไกลไปสู่โลกกว้างอย่างมั่นใจ

ส่วนใครที่อยากสัมผัสงานคราฟต์ของจริง วันที่ 28 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2568 นี้ ICONCRAFT เตรียมจัดงานฉลองครบรอบ 7 ปี รวมเหล่า Craft Heroes ทั้งช่างฝีมือระดับตำนาน นักออกแบบ และผู้ประกอบการจากทั่วประเทศมารวมตัวกันในงาน ที่สุดของหัตถศิลป์ไทย ฉลองครบรอบ 7 ปีไอคอนคราฟต์ โดยเชิญศิลปินนักออกแบบไทยแถวหน้าทั้ง 7 ร่วมรังสรรค์ผลงานใหม่จากหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าของ “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ศูนย์กลางภูมิปัญญาด้านศิลปหัตถกรรม จากพระราชดำริอันยาวไกลของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเล็งเห็นคุณค่าของเกษตรกรและภูมิปัญญาท้องถิ่น

สำหรับพิธีเปิดงานจัดขึ้นในวันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 14.30 - 16.00 น. ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 ไอคอนสยาม