ในบรรดาประสาทสัมผัสทั้งห้า ‘กลิ่น’ ถือว่าเป็นสิ่งที่ลึกลับ เพราะในขณะที่เรารับรสผ่านอาหาร มองเห็นจากสิ่งที่ปรากฏต่อสายตา สัมผัสวัตถุที่จับต้องได้ หรือฟังเสียงจากสิ่งที่มีตัวตน กลิ่นกลับเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่กลับมีพลังมหาศาลในการปลุกเร้าความทรงจำ ความรู้สึก และอารมณ์อย่างลึกซึ้ง และยังสามารถพาเราย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เราเคยรัก เคยหวัง หรือเคยฝัน โดยไม่ต้องอาศัยภาพหรือคำพูดใด ๆ
การได้สำรวจกลิ่นหอมใหม่ ๆ จึงเป็นหนึ่งในความสนใจที่ใครหลายคนชอบทำ รวมถึงเราด้วย ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ เราก็มีโอกาสได้ทดลองดมกลิ่นของ JOURNAL แบรนด์น้ำหอมไทยที่นำภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยมาสร้างสรรค์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์มีตั้งแต่ Body Oil ที่เป็นไฮไลต์ล่าสุด น้ำหอม, Shower Gel, Milk Bath, Hand Cream ไปจนถึง Home Diffuser ที่นำกลิ่นมาเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์และสร้างประสบการณ์ที่ครบครันต่อร่างกายและจิตใจ
ล่าสุด JOURNAL ก็เพิ่งเปิดตัว พีพี - กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ในฐานะพรีเซนเตอร์บอดี้ออยล์คนใหม่ เพื่อสะท้อนเสน่ห์ของ Body Oil ที่ไม่ได้ช่วยเรื่องผิวหอมเนียนนุ่ม หรือเพิ่มความชุ่มชื้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนผ่านกลิ่นหอมที่สร้างความทรงจำ เติมเต็มอารมณ์ สร้างแรงดึงดูดและช่วยให้ผู้ใช้แสดงตัวตนของตนเองได้อย่างมั่นใจ
การที่เราได้สัมผัสกลิ่นหอมของ JOURNAL Body oil ทำให้เรารู้สึกเลยว่ากลิ่นเป็นมากกว่าแค่เรื่องกลิ่นหอมหรือประสาทสัมผัส แต่กลิ่นนั้นสื่อถึงอารมณ์และความทรงจำ และที่สำคัญ กลิ่นคืองานศิลปะรูปแบบหนึ่ง วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนออกเดินทางไปสำรวจว่า ‘กลิ่น’ ที่เป็นมากกว่ากลิ่นนั้น สามารถเป็นอะไรได้บ้าง
สุนทรียะและกฎแห่งแรงดึงดูดเมื่อกลิ่นเป็นสิ่งที่เชื่อมผู้คนเข้าหากัน
เคยได้ยินเรื่อง ‘กฎแห่งแรงดึงดูด’ (Law of Attraction) กันไหม? มันคือหลักการที่เชื่อว่าความคิดและอารมณ์ของเราสามารถดึงดูดสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตให้สอดคล้องกับตัวเราได้ ซึ่งหนึ่งในพลังที่ช่วยสร้างแรงดึงดูดได้จริง ๆ ก็คือ ‘กลิ่น’ เพราะในทางวิทยาศาสตร์ กลิ่นมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารที่ไร้คำพูด เป็นเสน่ห์แห่งแรงดึงดูดที่จะเกิดขึ้นเมื่อกลิ่นกายตามธรรมชาติของเราผสมผสานกับกลิ่นหอมที่เลือกสรรอย่างตั้งใจ ก่อเกิดเป็น ‘กลิ่นเฉพาะตัว’ ที่กลายเป็นลายเซ็นบ่งบอกรสนิยม บุคลิก และตัวตนที่ซ่อนอยู่ภายใน ที่จะช่วยเชื่อมโยงและดึงดูดคนที่ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ให้มาบรรจบกัน
ซึ่งแบรนด์ JOURNAL เขาก็ใส่ใจกับเรื่องนี้ดี ดังนั้น นอกจาก JOURNAL Body Oil จะช่วยเสริมเสน่ห์ผ่าน ‘กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์’ แล้ว ยังใส่ใจเรื่องการบำรุงผิวพรรณด้วยน้ำมันธรรมชาติ 5 ชนิด ที่แต่ละชนิดล้วนมีคุณค่าเฉพาะตัว เริ่มต้นจาก น้ำมันเมล็ดองุ่น (Grape Seed Oil) ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและเสริมความแข็งแรงให้เกราะปกป้องผิวจากมลภาวะในชีวิตประจำวัน ต่อด้วย น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน (Sunflower Oil) ที่อุดมด้วยวิตามินอี ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง และทำให้ผิวแลดูสุขภาพดีขึ้น
น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) เป็นแหล่งความชุ่มชื้นชั้นยอดที่ช่วยกักเก็บน้ำในผิว ฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้านให้กลับมาเนียนนุ่ม พร้อมด้วย น้ำมันสวีทอัลมอนด์ (Sweet Almond Oil) ที่ช่วยปรับสมดุล เติมความอ่อนโยนให้ผิวรู้สึกนุ่มสบาย ลดความแห้งตึง และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น สุดท้ายคือ น้ำมันอาร์แกน (Argan Oil) อัญมณีแห่งการบำรุงที่อุดมด้วยกรดไขมันและวิตามินอี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้เปล่งปลั่ง กระจ่างใส และดูมีชีวิตชีวา
ทั้งหมดนี้ถูกหลอมรวมอยู่ในเนื้อออยล์ที่บางเบา ซึมซาบไว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิว การดูแลผิวด้วย JOURNAL Body Oil จึงเป็นมากกว่าการบำรุงภายนอก แต่คือการสร้างเสน่ห์ที่สัมผัสได้ เป็นการประกาศตัวตนผ่านกลิ่นหอมที่น่าจดจำ สะท้อนแนวคิดหลักของแบรนด์เรื่อง ‘Magnetic Attraction – ผิวนุ่มหอม พลังดึงดูดสูง’ เพราะเมื่อคุณรู้สึกดีกับผิวของตัวเอง ความมั่นใจก็จะเปล่งประกายออกมา สร้างแรงดึงดูดที่ทรงพลังและเป็นธรรมชาติที่สุด
สุนทรียะแห่งอารมณ์และความทรงจำ เมื่อกลิ่นบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังผู้เป็นเจ้าของ
‘กลิ่น’ ยังเชื่อมโยงกับอารมณ์และความทรงจำด้วย เพราะ ‘กลิ่น’ คือประสาทสัมผัสเดียวที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสมองส่วนที่ควบคุมความทรงจำและอารมณ์ (Hippocampus และ Amygdala) มันจึงมีพลังในการปลุกเร้าความรู้สึกและความทรงจำที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นได้อย่างทรงพลังกว่าภาพหรือเสียง กลิ่นจึงไม่ใช่แค่ความหอมที่ลอยผ่าน แต่เป็นเหมือนแคปซูลเวลาที่เก็บเรื่องราว ตัวตน และอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของเอาไว้
ด้วยความเข้าใจในพลังอันลึกซึ้งนี้ JOURNAL จึงได้ออกแบบกลิ่นหอมของ Body Oil ทั้ง 8 กลิ่น ไม่ใช่แค่ในฐานะผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่ในฐานะ ‘บทกวี’ ที่บอกเล่าเรื่องราวและสะท้อนอารมณ์ที่แตกต่างกัน ให้ผู้ใช้ได้เลือกกลิ่นที่เป็นตัวแทนของตนเองในแต่ละวัน ประกอบไปด้วย The Legacy, First Love, Promise, Nang Ram, Charm, Mango Sticky Rice, Galanga และForever Love
ยกตัวอย่างเรื่องราวในสามกลิ่นไฮไลต์ของแบรนด์ เริ่มที่ ‘The Legacy’ กลิ่นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ ที่ถ่ายทอดความสง่างาม ไร้กาลเวลา ให้ความหอมนุ่มลึกจากไม้กฤษณาผสานกับกำยาน เกิดเป็นกลิ่นหอมที่ล้ำลึก สุขุม และน่าค้นหา เปรียบเสมือนเรื่องเล่าจากอดีตที่ยังคงตราตรึงและทรงคุณค่ามาจนถึงปัจจุบัน
กลิ่น First Love คือกลิ่นที่พาเราย้อนกลับไปสู่ความทรงจำของรักแรกอันแสนหวานและบริสุทธิ์ การผสมผสานอย่างนุ่มนวลของดอกพลับพลึงและลูกแพร์ มอบความรู้สึกอ่อนโยน สดใส และค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนที่ชวนให้หวนคะนึงถึง เป็นกลิ่นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความรู้สึกที่ยังคงหอมหวานในใจเสมอ
กลิ่น Nang Ram คือกลิ่นที่สะท้อนบุคลิกอันเย้ายวน มั่นใจ และเต็มไปด้วยเสน่หา ดั่งนางรำผู้เป็นจุดสนใจบนเวที เปิดด้วยความหอมสดใสของเชอร์รี่ ตามด้วยความหอมหวานของกุหลาบมอญ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยเบสโน้ตของไม้กฤษณาที่ลุ่มลึก ชวนให้หลงใหลไม่รู้ลืม
การเลือกกลิ่นของ JOURNAL Body Oil จึงไม่ใช่แค่การเลือกความหอม แต่คือการเลือกเรื่องราวที่เราอยากจะบอกเล่าในวันนั้น ๆ เป็น ศิลปะของกลิ่นที่ช่วยให้ผู้ใช้ ‘สร้างเสน่ห์จากภายในสู่ภายนอก’ อย่างแท้จริง เพราะเมื่อผิวกายได้รับการบำรุงจนเนียนนุ่ม พร้อมกับกลิ่นหอมที่สะท้อนตัวตน ความมั่นใจและความรู้สึกดี ๆ ก็จะเผยออกมาเป็นเสน่ห์ที่น่าประทับใจโดยธรรมชาติ
ปัจจุบัน JOURNAL Body Oil มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 30 ml. ราคา 390 บาท และ 180 ml. ราคา 1,190 บาท สามารถตามไปช้อปกันได้ที่: https://www.journal-boutique.com/product/lists?category=body
สุนทรียะแห่งการตีความ เมื่อกลิ่นกลายเป็น ‘งานศิลปะ’ ที่เชื่อมอดีตและปัจจุบัน
การสร้างสรรค์กลิ่นหอมนั้นไม่ต่างจากการสร้างงานศิลปะแขนง เพราะสุคนธกร (Perfumer) ก็เป็นเหมือนศิลปินผู้ใช้หัวน้ำหอม (Notes) ต่าง ๆ แทนพู่กันและสี ในการสร้างกลิ่นที่ช่วยวาดภาพของความทรงจำ บอกเล่าเรื่องราว และปลุกเร้าอารมณ์ที่มองไม่เห็นให้ปรากฏชัดขึ้น กลิ่นจึงเป็นงานศิลปะที่ไร้รูปทรง แต่สามารถสื่อสารได้อย่างลึกซึ้งและเป็นสากล
และในโลกของศิลปะร่วมสมัยที่ศิลปินมักหยิบยกเรื่องราวจากอดีตมาตีความใหม่ JOURNAL ก็ได้ทำหน้าที่นั้นในโลกของกลิ่นหอมเหมือนกัน เพราะผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีรากฐานมาจากความเชื่อ ภูมิปัญญา วัฒนธรรม และเรื่องเล่าของไทย ที่ถูกหยิบมาเล่าใหม่ผ่านมุมมองของคนยุคปัจจุบัน ทำให้กลิ่นของ JOURNAL มีทั้งความคลาสสิกที่คุ้นเคยและความทันสมัยที่น่าประหลาดใจในเวลาเดียวกัน
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของ JOURNAL คือการหยิบยกศาสตร์การปรุงน้ำหอมแบบไทยโบราณอย่าง ‘น้ำอบ-น้ำปรุง’ มาเป็นหัวใจในการสร้างสรรค์ โดยยังคงกรรมวิธีที่พิถีพิถันในการสกัดกลิ่นจากวัตถุดิบธรรมชาติ ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 6 เดือน เพื่อให้ได้กลิ่นที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุด จากนั้นจึงนำแก่นแท้ของกลิ่นแบบไทยมาผสานเข้ากับศาสตร์การปรุงน้ำหอมสมัยใหม่ ทำให้ได้ผลลัพธ์เป็นกลิ่นที่มีมิติซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
หัวใจสำคัญอีกอย่างคือการคัดสรรวัตถุดิบที่เป็นดั่งของขวัญจากธรรมชาติ JOURNAL เลือกใช้ Essential Oil ที่สกัดจากพรรณไม้และสมุนไพรไทยที่ถูกเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่ดีที่สุด ลดการใช้สารสังเคราะห์ (Synthetic) ให้มากที่สุด และเลือกใช้ส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว ที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทยและช่วยให้กลิ่นติดทนนานขึ้น
ดังนั้น JOURNAL เป็นแบรนด์ที่ตีความความเป็นไทยให้ร่วมสมัย ถ่ายทอดศาสตร์และศิลป์ของชาติสู่สายตาทั่วโลกผ่านกลิ่นหอมเอกลักษณ์เฉพาะตัว แสดงให้เห็นว่ามรดกจากอดีตสามารถข้ามกาลเวลาและกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ยุคใหม่อย่างสง่างาม การเลือก ‘พีพี–กฤษฏ์ อำนวยเดชกร’ เป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์นี้ ด้วยการเป็นตัวแทนของคนยุคใหม่ที่มีสไตล์และความเป็นตัวเอง ถ่ายทอดเสน่ห์ของแบรนด์ได้อย่างลงตัว
ปัจจุบัน JOURNAL Body Oil มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 30 ml. ราคา 390 บาท และ 180 ml. ราคา 1,190 บาท สามารถตามไปช้อปกันได้ที่: https://www.journal-boutique.com/product/lists?category=body




