แสงแดดวิบวับส่องผ่านต้นไม้ขนาดใหญ่ท่ามกลางบ้านเมืองที่ดูสะอาดตา โขดหินในน้ำใส ๆ หรือผักผลไม้ผลงามจากสวนที่แค่เห็นก็รู้สึกสุขภาพดี รายละเอียดเล็ก ๆ ในความธรรมดาเหล่านี้ คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ใครหลายคนคิดถึงและเฝ้ารอที่จะกลับไปเยือน ‘ญี่ปุ่น’ อย่างใจจดใจจ่อ แต่ในวันที่เรายังไม่เห็นแววของการเดินทางนั้น ภาพยนตร์ “Little Forest” ก็เปรียบเหมือนการปลีกตัวออกจากโลกแห่งความจริง เพื่อก้าวเข้าสู่พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยความสดชื่นของกลิ่นอายธรรมชาติ และความอิ่มอกอิ่มใจก่อนจะเริ่มเดินทางกันอีกครั้ง

Little Forest คือชุดภาพยนตร์กำกับโดย Junichi Mori ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค ได้แก่ Little Forest: Summer/Autumn (2014) และ Little Forest: Winter/Spring (2015) ซึ่งมีต้นฉบับดัดแปลงจากมังงะของ Daisuke Igarashi บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่ Ichiko หาลู่ทางให้กับตัวเองในเมืองใหญ่ไม่พบ เด็กสาวจึงตัดสินใจกลับมายัง Komori หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอโดยนำพาหัวใจผู้ชมไปติดตามกลิ่นหอมคละคลุ้งของมื้ออาหารพร้อมกับบรรยากาศชนบทญี่ปุ่นท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามตลอด 4 ฤดูกาล

โคโมริเป็นชุมชนเล็ก ๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของภูมิภาคโทโฮคุ ไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ตตั้งอยู่แถวนี้ แต่ถ้าคุณอยากที่จะจับจ่ายใช้สอยนิดหน่อย ที่นี่ก็มีสหกรณ์การเกษตรรายย่อยให้ได้เลือกสรร

โคโมริซึ่งแปลว่า ‘ป่าผืนเล็ก’ เป็นหมู่บ้านสมมติ ตั้งอยู่ในแอ่งท่ามกลางหุบเขาที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง มีเกษตรกรน้อยคนอาศัยรอบพื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ ทุ่งนาเขียวขจีทอดยาวสุดลูกหูลูกตาและป่าอันอุดมไปด้วยพืชพันธุ์และสัตว์ป่านานาชนิด พาให้ใจเคิบเคลิ้มไปตามเรื่องราวอย่างไม่รู้เบื่อ

อิชิโกะบอกเล่าแง่มุมในบ้านของเธอผ่านน้ำเสียงอันนุ่มนวล เธอเริ่มกิจวัตรประจำวันด้วยการเตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ อย่างเชื่องช้าผ่านกรรมวิธีการปรุงอาหารอย่างพิถีพิถันคล้ายกับสารคดีอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่นึกถึงครั้งใดก็ทำให้รู้สึกสุขภาพดีขึ้นมาทันที 

สิ่งที่ทำให้ Little Forest เข้าไปนั่งในใจผู้ชม คือวิธีการสื่อสารเรื่องราวถึงผู้ชมอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่าองค์ประกอบในเรื่องจะดูชวนฝัน สร้างความอิ่มเอมจนเกิดแรงบันดาลใจให้ผู้ชมอยากจะหลบหลีกจากความวุ่นวายในเมืองหลวงไปใช้ชีวิตอันแสนเรียบง่ายในชนบท แต่ภาพยนตร์ก็ไม่ลืมใส่ภาพความจริงของเกษตรกรที่ต้องคอยรับมือกับทรัพยากรซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดและปัญหาอันเกิดจากสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา

ความเอาใจใส่ของ อิชิโกะ ไม่ได้เกิดขึ้นจากนิสัยส่วนตัวของเธอเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะทุกสิ่งที่เธอลงมือทำ ล้วนแต่ส่งผลต่อการเจริญงอกงามของพืชพันธุ์ที่ปลูกทั้งสิ้น รวมถึงการหาวิธีถนอมอาหาร ก็เกิดขึ้นเพราะเธอต้องเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลานอกฤดูเก็บเกี่ยวที่กำลังจะมาถึง ขณะที่เธอพยายามพึ่งพาธรรมชาติให้ได้มากที่สุด เธอกลับพบว่าชีวิตอันไร้ซึ่งเทคโนโลยีได้สร้างความยากลำบากให้เธอในบางครั้งเช่นกัน การอยู่ด้วยตัวเองอย่างแท้จริงตามลำพังนั้นต้องอาศัยวินัยและความอดทนเป็นอย่างมาก เธอเรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมในหุบเขาแห่งนี้จากประสบการณ์ที่เธอเคยได้รับมา มิติของตัวละครอิชิโกะ ยังถูกส่งผ่านความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างเธอกับแม่ แม้ว่าตัวภาพยนตร์จะไม่ได้เล่าถึงอดีตมากนักก็ตาม 

เรื่องราวดำเนินไปตามวิถีของฤดูกาลราวกับเข็มนาฬิกาที่หมุนวนเป็นวงกลม ไม่มีกราฟอารมณ์ขึ้นลงเหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่น ปัญหาของผู้คนในชุมชนเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาตามภูมิอากาศในแต่ละวัน พวกเขาผ่อนคลายความเครียดด้วยการตั้งวงพูดคุยกัน หรือไม่ก็ดื่มเหล้าที่ทำเองแก้กระหาย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เรื่องราวของอิชิโกะอาจจะไม่ใช่ชีวิตในชนบทตามอุดมคติ และอาชีพเกษตรกรก็ไม่ได้ทำกันง่ายดายเหมือนในความคิด แต่หนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ท่ามกลางภูมิทัศน์แวดล้อมอันเงียบสงบและธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ผู้คนล้วนมี ‘คุณภาพชีวิตที่ดี’

ตัวอย่างภาพยนตร์ Little Forest