“ผมอยากทำหนังที่เล่าว่ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดหรือโชคดี แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
บทสัมภาษณ์ของฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ถึง Princess Mononoke (1997) แอนิเมชันชิ้นเอกอีกหนึ่งเรื่องจากสตูดิโอจิบลิ ที่ถ่ายทอดความน่าสังเวทของจิตใจมนุษย์ถึงเหตุผลของการอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่แค่กับมนุษย์ด้วยกันในสังคม แต่รวมถึงเพื่อนสิ่งมีชีวิตร่วมโลก และธรรมชาติ ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้ชมในปัจจุบัน แต่สำหรับมิยาซากิแล้ว สิ่งนี้คือสิ่งที่เขาพยายามจะย้ำเตือนเราเสมอมา
เรื่องราวของ Princess Mononoke เริ่มต้นขึ้นในหมู่บ้านเอมิชิ (Emishi) ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู เมื่อเจ้าชายอาชิทากะ (Ashitaka) ได้รับคำสาปจากหมูป่าที่ถูกกลืนด้วยความโกรธ อาชิทากะจึงต้องออกเดินทางไปทางตะวันออกเพื่อหาวิธีรักษาตนเอง คำสาปทำให้อาชิทากะกลายเป็นคนนอกทางสังคมและวัฒนธรรม แม้กระทั่งในหมู่บ้านของเขาเอง การเดินทางของอาชิทากะได้พาเขาเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยป่าเขียวชอุ่ม สัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ ไปจนถึงวิญญาณแห่งธรรมชาติ เช่น เทพเจ้ากวาง (Shishigami) วิญญาณต้นไม้ (Kodama) และเจ้าหญิงแห่งพงไพรอย่าง ซาน (San) ซึ่งทุกชีวิตต่างก็มีบทบาทและพลังในการรักษาสมดุลของป่า
ถึงแม้ฉากหน้าของ Princess Mononoke จะถูกปกคลุมไปด้วยความแฟนตาซีสำหรับเด็ก แต่เบื้องหลังของเรื่องนี้กลับเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ แก่นแนวคิดของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ ไปจนถึงการต่อสู้ของชนกลุ่มน้อยในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองในญี่ปุ่นที่เป็นแกนหลัก หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องราวของชนเผ่าเอมิชิ

ชนเผ่าเอมิชิ (Emishi)
ชนเผ่าเอมิชิ ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มชาติพันธุ์โบราณที่มีการสันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในชนเผ่าพื้นเมืองที่เคยอาศัยอยู่ในแผ่นดินญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุคดึกดําบรรพ์ โดยใน Princess Mononoke เราจะเห็นว่าวัฒนธรรมของชนเผ่าเอมิชินั้นถูกนำเสนอแตกต่างจากวัฒนธรรมยามาโตะ (บรรพบุรุษชาวญี่ปุ่น) อย่างสิ้นเชิง พวกเขาดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และประมง มากกว่าการเพาะปลูกข้าวและหมู่บ้านแต่ละแห่งมีการปกครองตนเอง รวมถึงเสื้อผ้าของชาวเอมิชิที่ประดับด้วยลวดลายแบบชาวไอนุ (Ainu) ที่เน้นไปที่สีสันสดใสและลวดลายใหญ่โต ซึ่งสะท้อนความแตกต่างทางวัฒนธรรมและเชื่อมโยงกับชนพื้นเมืองฮอกไกโด (Hokkaido) รวมไปถึงคำว่าเอมิชิ (蝦夷) ที่ในปัจจุบันถูกชาวยามาโตะบัญญัติความหมายให้หมายถึง “คนนอก” กลายเป็นตัวแทนสะท้อนของผู้ต่อต้านอำนาจ
นอกจากมิยาซากิจะเลือกหยิบเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของชนเผ่าเอมิชิมาใช้แล้ว Princess Mononoke ยังสะท้อนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นผ่านฉากและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ แฝงไว้ เช่น หอคอยที่อยู่ในฉากเปิด ที่คล้ายกับหอคอยจากยุคโจมง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกถึงอดีตและความเชื่อมโยงของมนุษย์กับธรรมชาติ
มิยาซากิและทีมงานยังได้ไปเยือนแหล่งโบราณคดี Sannaimaruyama Iseki ในจังหวัดอะโอะโมริ รวมถึงภูเขา Shirakami-Sanchi เพื่อเก็บข้อมูลเพื่อสร้างฉากหมู่บ้านเอมิชิที่มีความสมจริงทั้งสถาปัตยกรรม บ้านเรือนและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ อีกทั้งการนำป่าชิระทานิ อันซุยเคียวมาสร้างเป็นฉากป่าที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตและวิญญาณ ทำให้ฉากป่ามีความสมจริงและสามารถสะท้อนถึงความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติในญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี

เมืองเหล็ก (Tataraba)
แต่ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มิยาซากิซ่อนไว้ในแอนิเมชั่นเรื่องนี้เท่านั้น เพราะหากมองลึกลงไปเราจะเห็นแนวคิดที่เกี่ยวกับสังคมและธรรมชาติที่สะท้อนออกมาจากตัวตนของมิยาซากิ โดยเฉพาะเมืองเหล็ก (Tataraba) ที่นำโดยตัวละครอย่างท่านหญิงเอโบชิ (Lady Eboshi)
มิยาซากิได้เลือกใช้เรื่องราวเกิดขึ้นในยุคมุโรมาจิ (หรือที่รู้จักกันในนามยุคอาชิกากา) ยุคที่กินเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1336 ถึง 1573 เพราะเป็นอีกหนึ่งยุคที่เต็มไปด้วยความยากลำบากในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ผู้ชายส่วนใหญ่ในยุคนั้นมักจะมุ่งมั่นอยู่กับการศึกสงคราม ขณะที่ผู้หญิงต้องทำงานแทน ทำให้ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในสังคมมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่มิยาซากิได้สร้างตัวละครอย่าง ท่านหญิงเอโบชิ ขึ้นมาในฐานะผู้นำและนักรบที่มีพลังและความสามารถของตนเองนั่นเอง

อย่างไรก็ตามท่านหญิงเอโบชิ ถือเป็นหนึ่งในตัวละครที่สะท้อนความย้อนแย้งในตัวเอง เธออาจดูโหดเหี้ยมต่อธรรมชาติ แต่เธอก็ยังโอบอุ้มผู้คนที่ถูกทอดทิ้งจากสังคมยามาโตะ ไม่ว่าจะเป็นอดีตโสเภณีหรือผู้ป่วยโรคเรื้อน แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับสร้างเมืองนี้ขึ้นมาเพื่อหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติรอบด้าน การกระทำดังกล่าวนำไปสู่ความขัดแยกระหว่างชาวเมืองเหล็กและผู้พิทักษ์ผืนป่า เป็นเหตุให้ท่านหญิงเอโบชิได้ตัดสินใจสร้างอาวุธปืนเพื่อปกป้องเมืองจากเทพเจ้าผู้โกรธแค้น
แม้เมืองเหล็กในเรื่องจะไม่อิงอยู่บนเมืองประวัติศาสตร์แห่งใดโดยตรง แต่แนวคิดกลับสะท้อนถึงการถกเถียงร่วมสมัยเกี่ยวกับผลกระทบของอุตสาหกรรมต่อสิ่งแวดล้อม นักวิชาการและนักวิจัยในปัจจุบันต่างให้ความสนใจกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมหนักยุคก่อนสมัยใหม่ที่ใช้พลังงานมหาศาล เช่น อุตสาหกรรมเหล็กที่ถูกนำเสนอใน Princess Mononoke ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการก่อให้เกิดการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ และยังส่งผลยาวนานต่อความหลากหลายทางชีวภาพและการกระจายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในยุคมุโรมาจิอีกด้วย
ศาสนาชินโต
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ Princess Mononoke ให้ความสำคัญคือการยึดโยงกับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์และสังคม หนึ่งในก็คือคำสอนเกี่ยวกับศาสนาชินโต ที่เป็นสิ่งที่หยั่งรากลึกในภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมและความเชื่อของญี่ปุ่น และถือเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจตัวตนของสังคมญี่ปุ่นมากขึ้น
ศาสนาชินโตมีจุดกำเนิดตั้งแต่ยุคอาสึกะ (ค.ศ. 538–710) โดยมีการก่อตั้งศาลเจ้าชินโต (หรือจิงกิคัง) ขึ้นมา โดยแก่นสำคัญของศาสนานี้ก็คือการรักษาความบริสุทธิ์ของตนเองและการเคารพต่อ ‘คามิ’ หรือคุณสมบัติทางจิตวิญญาณที่สถิตอยู่ในสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ หิน น้ำ ภูเขา หรือพลังแห่งธรรมชาติ แม้แต่วิญญาณของจักรพรรดิและวีรบุรุษที่ล่วงลับก็ถือเป็นคามิเช่นกัน
Princess Mononoke ที่เป็นแอนิเมชั่นอีกหนึ่งเรื่องของจิบลิที่บังคับให้ผู้ชมต้องเผชิญหน้ากับความซับซ้อนและความจริงของโลกที่เราอาศัยอยู่ โลกที่ชนพื้นเมืองยังคงถูกคุกคามด้วยการสูญพันธุ์ และที่ซึ่งความก้าวหน้ามักแลกมาด้วยการทำลายล้างธรรมชาติ เช่นเดียวกันกับอาชิตากะในเรื่อง ที่เชื่อมั่นว่าระบบนิเวศทางสังคมจะสามารถดำรงอยู่ได้หากหาทางสมดุลให้เจอ คำถามจึงย้อนกลับมาที่เราในปัจจุบันว่า จะรักษาความสมดุลอันเปราะบางระหว่างมนุษย์และธรรมชาติได้อย่างไร มิยาซากิอาจมอบแนวทางบางอย่างไว้ในเรื่องนี้ แต่คำตอบสุดท้ายยังคงขึ้นอยู่กับการเลือกของพวกเราเอง

อ้างอิง
Niskanen, E. (2017). Deer Gods, Nativism and History: Mythical and Archaeological Layers in Princess Mononoke. In R. Denison (Authors), Princess Mononoke: Understanding Studio Ghibli’s Monster Princess (pp. 41–56). London: Bloomsbury Academic, from http://dx.doi.org/10.5040/9781501329753.ch-002
C C. Princess Mononoke: A Beloved Story about Nature & Humanity. Medium. Published November 12, 2023. https://medium.com/@cleocwrites/princess-mononoke-a-beloved-story-about-nature-humanity-14d56d44342b
Otaku News: An Anime Steeped in History: Princess Mononoke. Otakunews.com. Published 2021. https://www.otakunews.com/Article/9852/an-anime-steeped-in-history-princess-mononoke