เมื่อพูดถึงคำว่า 'ความยั่งยืน' หลายคนอาจนึกถึงปัญหาใหญ่โตระดับโลกอย่างอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น กองขยะพลาสติกในท้องทะเล หรือการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งพาให้เรารู้สึกห่างไกลกับปัญหาเหล่านี้มาก และชวนให้หมดหวังกันไป แต่เราก็ได้เห็นความยั่งยืนในอีกแง่มุม หลังจากได้ฟังห้านักสร้างสรรค์มาถอดรหัสเรื่องความยั่งยืนในมุมมองใหม่แบบ “วิถีสยามพิวรรธน์” วันนี้ GROUDCONTROL เลยอยากมาทบทวนกันหน่อย ว่าความยั่งยืนที่แทรกซึมลงไปในวิถีชีวิตและการทำงานจริง ๆ เป็นอย่างไร บนเวทีแห่งโอกาสในแพลตฟอร์มของสยามพิวรรธน์ ผ่านบทสนทนาที่เปิดโลกกว้างเหล่านี้
จากห้าตอนของรายการ ‘SUSTAIN DECODE’ supported by Siam Piwat คุณใจ๋-ธีรชัย แห่ง Qualy ได้มาเติมพลังใจให้เราเชื่อในพลังของการรักษามาตรฐาน ลงมือทำสิ่งเล็กๆ เพื่อโลกเสมอในชีวิตประจำวัน พร้อมแบ่งปันแนวคิดดี ๆ เรื่องการออกแบบเพื่อความยั่งยืน ในพื่นที่แห่งการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนอย่าง Ecotopia มาสู่เรื่องราวของ คุณปรายและคุณปรีดิ์ จาก PAYA ที่โชว์ให้เห็นว่าความยั่งยืนในงานหัตถศิลป์สามารถสร้างสรรค์ได้อย่างไร ในพื้นที่ของ ICONCRAFT ที่เต็มไปด้วยฝีมือของช่างศิลป์ไทยผนวกกับการเคารพในวิถีชีวิตชุมชนเพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน มาจนถึง คุณดี-ชาญณรงค์ แห่ง Dee Sweetdrug และ Black Cactus ผู้ตีความความยั่งยืนในโลกศิลปะและแฟชั่นว่าคือการเปิดพื้นที่ให้ทุกคนแสดงตัวตนออกมาได้เต็มที่ ผ่านการซื่อสัตย์ในการสร้างผลงานที่เป็นตัวเองอย่างสร้างสรรค์ ในพื้นที่ Absolute Siam Stores คุณวิเวียน ดาราสาวชาวใต้ผู้สะท้อนมุมมองเรื่องคุณค่าของวัฒนธรรมและการรักษาไว้ให้ยั่งยืน เพื่อส่งต่อสู่คนรุ่นต่อ ๆ ไป และกว้างไกลให้ทั่วโลก กับ Sooksiam พื้นที่ที่คนตัวเล็กจะได้มีโอกาสเติบโตในเวทีโลก และรศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต สถาปนิก อาจารย์ และหัวหน้าศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม (Scrap Lab) แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ คุณป๊อป-สุทธิพงษ์ ช่างแย้ม ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน Scrap Shop ผู้ขับเคลื่อนแนวคิดด้านการจัดการขยะเข้าสู่ความสร้างสรรค์ และสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ส่งต่อได้ในระดับโลก
สิ่งสำคัญที่ส่งเสริมความยั่งยืนได้ ไม่ว่าจะสำหรับผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ศิลปิน หรือผู้หลงใหลในวัฒนธรรมท้องถิ่น คงเป็นเรื่องของ “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เพื่อทำให้คุณค่าที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญาดั้งเดิมได้ถูกส่งต่อ ให้คนรุ่นใหม่ได้โชว์ฝีมือ ให้ความเป็นไทยไปอยู่ในเวทีโลก และให้การรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเข้าถึงง่าย

“อย่าไปตั้งเป้าในการทำเพื่อความยั่งยืนให้มันเพอร์เฟกต์ แค่ทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็พอแล้ว — มื้อนี้เรากินข้าวหมดจาน คราวนี้เรางดถุง หรืออะไรอย่างนี้ ทําเท่าที่สะดวก ทําในแบบของตัวเอง อย่าไปตั้งเป้าให้มันเพอร์เฟค แค่ให้มันดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็พอแล้ว ของบางอย่างเราประเมินผลกระทบของมันต่ำไป ว่าฉันคนเดียวจะไปช่วยอะไรได้ ปัญหาเป็นระดับโลกขนาดนี้ แต่จริง ๆ ลองจินตนาการว่า “ฉัน” นี้มีกี่คนบนโลก พอคูณจำนวนคนและจำนวนครั้งที่ทำเข้าไปมันจะเยอะมากเลยนะ สำหรับเราการจะมีส่วนร่วมในความยั่งยืนคือการไม่มองข้ามสิ่งเล็ก ๆ แบบนี้ เท่าที่เรานึกได้ ทำง่าย ๆ ให้ไม่ละเลย แล้วมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ”
ได้ยินแล้วปลุกใจให้ลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อโลกมาก กับแง่คิดดี ๆ ของคุณใจ๋-ธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและนักออกแบบแห่ง Qualy ที่ชวนเราพลิกมุมใหม่ มองความยั่งยืนแบบสอดแทรกเข้าไปในชีวิตประจำวันได้ ผ่านการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งส่งผลได้ไกลมากกว่าที่เราเห็น ในตอน ‘ดีไซน์แบบไหนถึงเรียกยั่งยืน? ถอดรหัส ‘Sustainable Design’ แบบเจาะลึกกับ ใจ๋ Qualy’ ซึ่งเขามาถอดรหัสการทำแบรนด์ไลฟ์สไตล์เพื่อความยั่งยืนจากพลาสติกรีไซเคิลของเขา ทำให้เห็นเลยว่าแค่เราลองเลือกช็อป ใช้สินค้าโดยคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเสมอ ก็เท่ากับช่วยโลกได้ง่าย ๆ แล้ว ซึ่งในระดับใหญ่ ๆ ก็ต้องมีพื้นที่อย่าง ECOTOPIA ที่เอื้อให้ระบบนิเวศของชีวิตที่ยั่งยืนเติบโตขึ้นได้ด้วย
“ครีเอเตอร์ในการสร้างผลิตภัณฑ์อีโค-ยั่งยืนต้องเจอกับเงื่อนไขเยอะ มีมาตรฐาน แล้วบางอย่างถึงไม่ได้ถูกกำหนดแต่เราก็ต้องทำ เพราะเรารู้อยู่แล้วเช่นว่าของควรจะรีไซเคิลได้ง่ายเมื่อหมดอายุการใช้งาน มันเลยสำคัญมากว่าจะมีสถานที่หรือแพลตฟอร์มที่ให้เราขายของเหล่านี้ได้และยังอยู่ได้” คุณใจ๋เล่า
ตามไปดูรายการ SUSTAIN DECODE ตอน “ดีไซน์แบบไหนถึงเรียกยั่งยืน? ถอดรหัส ‘Sustainable Design’ แบบเจาะลึกกับ ใจ๋ Qualy” ได้ที่ https://youtu.be/fULl_ZnZ7G0?si=8UWce4jHNaEBd_9G

งานฝีมือไทยใคร ๆ ก็รู้ว่าทั้งสวยและใช้งานได้จริง ด้วยภูมิปัญญาที่มีมานาน แต่โจทย์ก็คือจะทำอย่างไรให้ของดีนี้ยั่งยืนอยู่กับเรานาน ๆ และสามารถต่อยอดไปให้ทั่วโลกร่วมสัมผัสด้วย คุณปราย และ คุณปรีดิ์ วงศ์ศิริมานะ สองพี่น้องทายาทรุ่นที่สองแห่ง PAYA (ป้าย่า) บอกเคล็ดลับถึงวิธีการทำงานของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านไทย ๆ ที่ต่อยอดงานหัตถกรรมจากท้องถิ่นมาจนฮิตติดใจทั้งคนไทยและต่างชาติว่า “ชาวบ้านที่มาทำงานกับ PAYA ไม่ได้ทำกับเราเป็นงานประจำ เขามีการทำนาเก็บลำไยในชีวิตประจำวันเป็นรายได้ของเขาอยู่ เราแทบจะพูดตลอดว่างานที่ PAYA ของพวกเขาเป็นงานอดิเรกนอกเวลา ว่างเมื่อไรก็มาทำ แต่ละชิ้นที่ทำเขาก็จะไม่เครียดว่าเมื่อไรต้องทำให้เสร็จ ต้องทำให้เยอะ บางช่วงเขาก็อาจจะไปเก็บลำไย งานหัตถกรรมอาจจะช้าหน่อย แต่เราก็ต้องเข้าใจและส่งเสริมให้เขาทำได้หลายแบบ ให้รายได้กระจายไป ให้เขาได้เก็บที่นาที่ไว้อยู่ แล้วก็มาทอผ้าใต้ถุนบ้านตอนเย็น ๆ ได้ ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจเราด้วยว่าสิ่งที่เราทำเป็นอย่างนี้ เราไม่รับงานใหญ่เพราะมันจะไปกดดันชาวบ้าน เราอยากให้เขาใช้ชีวิตธรรมดาของเขาควบคู่ไปด้วยกันอยู่ ให้งาคราฟต์ไปต่อได้เรื่อย ๆ”
พอเริ่มจากการเคารพวิถีชีวิตของชาวบ้าน งานหัตถกรรมก็เลยสามารถยั่งยืนได้แบบที่ทุกคนได้พัฒนาฝีมือและชีวิตด้วย! เรียกได้ว่าเป็นโมเดลที่เคารพและเกื้อกูลชุมชนจริง ๆ นอกจากนี้เขายังพูดถึงการทำงานคราฟต์ ที่จะสามารถอยู่ต่อไปได้อีกยาวนานว่า
"งานคราฟต์ที่สามารถอยู่ต่อไปได้เรื่อย ๆ คืองานคราฟต์ที่จะต้องใช้งานได้จริง คนต้องไม่กลัวที่จะใช้ของของเรา ถ้าเขาซื้อฟาสต์แฟชั่นเขาอาจจะซื้อใส่แล้วทิ้งเลย แต่เราอยากทำให้มันอยู่กับเขาไปนาน ๆ ทําให้มันมีความอบอุ่น ในของที่เขาซื้อจากเราไป ทุกอย่างที่เราทำ เราคํานึงถึงการใช้งานเป็นหลัก ว่าพรมซักได้มั้ย แก้วเบญจรงค์ดื่มจริงเลยได้มั้ย ไมโครเวฟได้ไหม ต้องเย็บยังไงให้ผ้าแข็งแรงแล้วก็อยู่ได้นาน เส้นด้ายไม่หลุด" และนั่นอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ PAYA เป็นแบรนด์ขึ้นชื่อแห่ง ICONCRAFT พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่สนับสนุนส่งเสริมผลงานจากช่างฝีมือไทยจากทั่วประเทศ ซึ่งช่วยให้แบรนด์งานฝีมือได้ปล่อยของ และให้ชาวบ้านได้มีรายได้ด้วย
ตามไปฟังแง่คิดดี ๆ เพื่อความยั่งยืนของงานคราฟต์กันต่อได้ที่ “ตัวยังไงให้ยั่งยืน? ถอดรหัสงานฝีมือร่วมสมัยสไตล์ไทย ๆ กับ ปราย-ปรีดิ์ PAYA” https://www.youtube.com/watch?v=JMqtteJdnds

“ศิลปะจะยั่งยืนได้ ไม่ได้เกิดจากตัวศิลปินอย่างเดียว มันเกิดจากทุกมิติ เกิดจากคนสนับสนุนด้วย เพื่อให้มันไปต่อได้ แต่เราก็ต้องทํางานออกมาให้ดีด้วย เพราะฉะนั้น ความยั่งยืนคือการซื่อสัตย์กับผลิตภัณฑ์ของเรา เช่นถ้าพูดในภาษาธุรกิจเขาก็จะบอกเสมอว่า ให้ดูแลลูกค้าเก่าให้ดีก่อนที่จะหาลูกค้าใหม่ แต่ถ้าในเชิงศิลปะคือเราต้องซื่อสัตย์กับนักสะสม ซื่อสัตย์กับคนที่ซื้อเสื้อเราไป เสื้อเราไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวย เสื้อเราต้องใส่ได้หลายรอบด้วย เสื้อเราต้องดีจนเราต้องใส่เองด้วย ซึ่งคําว่าดีที่สุดเนี่ย พี่ก็ไม่ได้บอกว่าแบรนด์พี่เย็บเนี้ยบที่สุดเลย — แต่หมายความว่าดีที่สุดเท่าที่พี่จะทําได้ในวันนี้ ทุกวันที่ทำ พี่ทำดีที่สุดอยู่แล้ว”
คนทำงานศิลปะคงเข้าใจคำพูดนี้เป็นอย่างดี ซึ่งพี่ดี-ชาญณรงค์ ขลุกเอียด หรือ Dee Sweetdrug “ศิลปิน Applied Art (ศิลปะประยุกต์)” ก็ตกตะกอนความคิดได้มาจากการทำแบรนด์สตรีทแวร์อย่าง Dee Sweetdrug และ Black Cactus ว่าการทำงานศิลปะบางทีก็ต้องนึกถึงแฟน ๆ ที่รอสนับสนุนเราอยู่ด้วย แต่ก็ต้องหาสมดุลกับตัวตนของตัวเองให้ดี ทำให้ที่ที่เปิดกว้างสำหรับพลังสร้างสรรค์ก็สำคัญ อย่างเช่น Absolute Siam Store ร้านมัลติแบรนด์คอนเซ็ปต์สโตร์ในศูนย์การค้า Siam Center ที่สายแฟฯ ไปกันประจำ
“เป้าหมายของพี่ไม่ใช่แค่ทำให้ผลงานสวย แต่คือทำอย่างไรให้ชนะใจเขาได้” เขาบอก “การมาวางขายที่สยามฯ ตั้งแต่สมัยก่อนก็ทำให้เราเข้าใจเรื่องการอยู่ให้ถูกที่ สิ่งที่เราคิดว่าแพงมันก็อาจจะขายหมดภายในเดือนเดียวได้ การทำแบรนด์มันเป็นประสบการณ์ในการทำธุรกิจ” “เราไม่ได้อยู่ในยุคเรเนซองส์ที่จะทำศิลปะแบบเหนือหัว เชิดชูพระเจ้า แต่มันเป็นยุคสมัยใหม่ที่คนมีความยูนีคขึ้น คนอยากแสดงออกถึงตัวตนมากขึ้น ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ ผ่านโลโก้ที่บ่งบอกตัวเขา และเสื้อผ้าก็มีลายที่แสดงตัวตนได้ เด็กสมัยนี้เป็นตัวของตัวเองสูง เสื้อผ้าทำมามันไม่มีทางขายไม่ได้ แค่ต้องหาเนื้อคู่ของเราให้เจอ” พี่ดีย้ำความสำคัญของแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ในการทำให้ศิลปินได้แสดงออก และให้ทุกคนได้ปลดปล่อยตัวตนของตัวเองออกมาผ่านงานศิลปะบนเสื้อผ้าอีกด้วย
ตามไปฟังพี่ดีต่อได้ที่ “จากยันต์อาจารย์หนู สู่สตรีทแวร์สุดเฟี้ยว! ถอดรหัสธุรกิจแฟชั่นไทยสไตล์ Dee Sweetdrug” https://www.youtube.com/watch?v=4FLGvTnoi6I

“ภาคกลางเขาจะมีช่างสิบหมู่ที่มีความสามารถ ชาวต่างชาติเขาชื่นชมมาก ๆ เช่นการทำอะไรเล็ก ๆ ที่ใส่ความปราณีตลงไป ในอดีตเราก็จะนึกถึงการลงรักปิดทอง การลงยา ทำโขน แต่ว่างานแม็กเน็ตปั้นจิ๋วเองก็เป็นการถอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยออกมาเช่นเดียวกัน” วิเวียน - ทิพากร ไชยประสิทธิ์ TikToker ดาราสาวชาวใต้ และนักเดินทาง ผู้หลงใหลในเสน่ห์และความหลากหลายของวัฒนธรรมไทย ได้กล่าวถึงงาน “ปั้นจิ๋ว” งานหัตถกรรมที่ถ่ายทอดความเป็นไทยออกมาผ่านนกกรงหัวจุก แก้วตาไก่ ไปจนถึงขนบอบกรอบขนาดเล็ก ๆ น่ารัก ในตอนหนึ่งระหว่างพาเราทัวร์ทั่วไทยผ่านผลิตภัณฑ์หลากหลาย อาหาร ของใช้ งานฝีมือ ผลิตภัณฑ์เวชศาสตร์ ที่มารวมกันอยู่ใน SOOKSIAM เมืองสารพัดสุข สนุกแบบไทย รวมตลาดสี่ภาคไว้ที่เดียว ในพื้นที่ศูนย์การค้า ICONSIAM ชั้น G ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของแพลตฟอร์มแห่งโอกาสในรูปแบบของวิถีสยามพิวรรธน์จริง ๆ
“ที่นี่เหมือนการจำลองว่าเราอยู่ในตลาดสี่ภาคเลย แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเวลาไปตลาดน้ำคือที่นี่จะไม่ร้อน ไม่ต้องหน้ามัน เข้ามาก็มีบรรยากาศของแต่ละที่ มีอุโมงค์ มีภาพวาดสีสวย ๆ” วิเวียนรีวิว “ในนี้เขาใช้ลายกระเบื้องเหมือนที่เราเห็นเวลาไปบ้านคนใต้ เช่น ที่ภูเก็ตเราจะเห็นตามร้านอาหารเก่าแก่ และอีกอย่างคือมีเรือกอและว่าวแบบทางใต้ ซึ่งมีกลิ่นอายของพี่น้องชาวมุสลิม แต่เป็นลายที่มีการดัดแปลงให้กลมกลืนผสมผสานกับความร่วมสมัย” วิเวียนเล่าถึงความประทับใจในเสน่ห์แบบไทยแท้ ๆ ของพื้นที่แห่งนั้น ที่มาจากไอเดีย ‘Co-Creation’ ส่งเสริมการร่วมทำงานกับคนท้องถิ่นเจ้าของฝีมือและภูมิปัญญาตัวจริง มาช่วยทำงานศิลปะในพื้นที่ให้มีกลิ่นอายดั้งเดิม รวมทั้งร้านอาหารต่าง ๆ ที่เรียกได้ว่าพาตัวจริงมาหมดไม่ว่าจะจากที่ไหน ๆ ทั่วไทย
“ถ้าถามรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ความเป็นใต้แท้ ๆ จะเป็นอีกแบบหนึ่ง” สาวใต้กล่าว “สำหรับวิเวียนเองก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแท้ว่าจะต้องแท้ขนาดนั้น เพราะในแต่ละพื้นที่จังหวัด คนที่อยู่ที่นั่น นับถือศาสนาอะไรพื้นที่ตรงนั้นเขากินอะไร เช่น บางพื้นที่มีทะเลเขาก็กินปลา แต่บางพื้นที่อาจจะไม่ได้กินปลาก็ได้ ในความเป็นใต้แต่ละพื้นที่รสชาติก็จะไม่เหมือนกันด้วย”
จากรายการตอน “บ้านเรามันหรอยแรง! ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยสี่ภาคแบบเริ่ดหนัดกับ วิเวียน สาวใต้รักจริง” เราได้เห็นเลยว่าการจะทำให้วัฒนธรรมไทยยั่งยืน ก็คือการเปิดพื้นที่ให้ของดีมีที่โชว์ สร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และส่งต่อให้คนรุ่นหลังรวมทั้งชาวต่างชาติได้ชื่มชมไปกับเราด้วย โดยไม่สูญหายไป ถ้าสนใจ ตามไปฟังสาวใต้คนนี้ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยกันต่อได้เลยที่ https://www.youtube.com/watch?v=ugEVrHn71fo&t=1543s

“ความยั่งยืนมันก็มีทั้งสีเขียวอ่อนไปจนถึงเขียวเข้ม บางคนอาจทำการคัดแยกขยะที่บ้าน อันนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่ามันพื้นฐานที่สุด ช่วยในการให้เมืองของเราหรือประเทศของเรารีไซเคิลได้สูงขึ้น อีกอันนึงที่ผมคิดว่า สําคัญเลยคือการที่เราลดเราเรียกว่า operation phase ของทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น การปิดไฟก็ไม่ได้ยากเช่นกัน ผมว่าเราพูดถึงว่า การใช้ชีวิตที่คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม มันมีหลายไอเทม ที่มันไม่ได้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงใด ๆ มันมีช่วง (range) ที่บางคนเข้าไปยาก เช่น การลงไปดําน้ําตัดเอาอวนจับปลาออกมาจากปะการัง ก็คือระดับที่เขียวเข้มเข้มเลย มันมีระดับของมันอยู่ และผมคิดว่าเราหาสิ่งที่เหมาะกับเราได้”
รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต สถาปนิก อาจารย์ และหัวหน้าศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม (Scrap Lab) แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ คุณป๊อป-สุทธิพงษ์ ช่างแย้ม ผู้ช่วยผู้จัดการร้าน Scrap Shop มาพูดคุยกับเราในตอนสุดท้ายของรายการ SUSTAIN DECODE Supported by Siam Piwat
สำหรับพวกเขา ความยั่งยืนอาจไม่ได้หมายถึงแค่การกระทำที่ยิ่งใหญ่หรือผลิตภัณฑ์ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง แต่คือระบบนิเวศที่ยั่งยืน สร้างนวัตกรรมและองค์ความรู้ต่อยอดไปได้เรื่อย ๆ เหมือนกับการจัดการวัสดุ กระบวนการผลิต หรือการกระจายรายได้สู่ชมชน ซึ่งแบรนด์ Scrap Shop ทำอยู่ ภายใต้แรงสนับสนุนจากศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ แพลตฟอร์มแรกที่นำสินค้าของพวกเขาไปวางขาย ในพื้นที่ของ Siam Discovery
“ศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม (Scrap Lab) มันเป็นเรือธงของโลก ตอนที่ผมจะไปแสดงงานที่ UN ที่นิวยอร์ก ซึ่งทุกคนต้องการนําเสนอเรื่องเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน การวนเวียนทรัพยากรมาใช้ เราปฏิบัติหน้าที่คือสำรวจว่าอะไรที่ยังนำมาวนไม่ได้ เอามาให้เราจัดการได้เลย ให้เราศึกษาค้นคว้า อยากฝากทุกคนว่าให้ภูมิใจว่า แลปแบบนี้มันเกิดขึ้นในประเทศไทย ใครมีปัญหาอะไรแบบนี้ส่งเข้ามาเลย เผื่อว่าเราเคยแก้แล้วเราจะแชร์องค์ความรู้ ถ้าเราไม่เคยแก้ก็เป็นวิถีหรือแนวทางใหม่ใหม่ให้เราได้สำรวจและสร้างนวัตกรรมต่อต่อไปเรื่อย ๆ ครับ”
รับชมรายการ ‘SUSTAIN DECODE’ กับ อ.สิงห์-ป๊อป Scrap Shop ได้ที่ “เปลี่ยนถุงน้ำยาล้างไตให้เป็นเงิน! ถอดรหัสธุรกิจเพื่อสังคมกับอ.สิงห์-ป๊อป Scrap Shop | SUSTAIN DECODE” https://youtu.be/oVFUZ7zuZTw?si=aQPUyC9n1qi0W43t