หลายคนบอกว่าแมวนั้นคิดจะโครงโลกมานานแล้ว ถ้าพูดกันตามตรงก็อาจไม่ผิดเท่าไหร่เพราะเจ้าแมวเหมียวเพื่อนยากของทาสนั้นปรากฏร่วมกับมนุษย์ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ แต่ตอนนั้นแมวไม่ได้เป็นเพื่อนมนุษย์อย่างในตอนนี้ กลับสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์และผู้คุ้มครองด้วยซ้ำ ชนิดที่ถ้าใครฆ่าแมวก็อาจถูกลงโทษให้เด๊ดสะมอเร่ตามแมวไปเลย!
ส่วนในสมัยกรีกโรมัน แมวนั้นสื่อถึงเทพตามตำนานทั้งยังสื่อถึงสัญชาตญาณการล่า ก่อนจะมีความหมายถึงความนอกรีต ความลึบลับ และความน่ากลัวในยุคกลาง และค่อยๆ กลายเป็นแมวขี้เกียจที่สื่อถึงความสบายและครอบครัวในช่วงศตวรรษที่ 17
วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปสำรวจความหมายของเจ้าเหมียวผ่านงานศิลปะของศิลปินชื่อดังที่เราคุ้นเคยว่าพวกเขาตีความเหมียวน้อยว่าอะไรกันบ้าง! อ่านๆ ดูแล้วลองหาจุดร่วมซิว่ามนุษย์เรามักยึดโยงแมวกับอะไรกัน
มารร้ายในงานของ Hieronymus Bosch
อย่างที่บอกว่าในแต่ละยุคนั้นต่างตีความหมายของเหมียวสี่ขาแตกต่างกัน อย่างในยุคกลางที่ศาสนาคริสต์เป็นตัวกำหนดบรรทัดฐานสังคม เหมียวน่ารักของเหล่าทาสมัยนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความเกียจคร้าน ความใคร่ การหลอกลวง การทรยศ และความนอกรีต เหมือนกับที่เราเห็นว่าแม่มดร้ายมนต์ดำมักมีแมวดำอยู่ด้วยเพราะเชื่อกันว่าแมวดำในที่นี้คือร่างอวตารของมารนั่นเอง
แม้ศิลปินชาวดัตช์อย่าง Hieronymus Bosch จะถือเป็นศิลปินแห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา แต่งานที่แปลกแตกต่างของเขาซึ่งมักเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาก็ยังคงเอาความหมายของแมวที่แปลว่ามารมาถ่ายทอดในงานของเขาอยู่
อย่างในภาพ The Garden of Earthly Delights (1503–1515) ภาพนี้ ถ้าเพ่งมองดีๆ นอกจากสัตว์แปลกประหลาดของเขาที่กระจายในภาพแล้ว เราจะเห็นแมวอยู่หลายที่ ทั้งแมวตัวเบ้อเร่อที่กำลังถูกชายเปลือยกายขี่หลังซึ่งนอกจากจะมีหางแหลม ก็ยังมีเขางอกออกมาที่หัว ส่วนแมวสีน้ำตาลที่เดินตามหลังก็กลายเป็นพาหนะของชายหนุ่มที่กำลังแบกปลา และสุดท้ายคือแมวที่กำลังคาบจิ้งจกน่าแขยงซึ่งอยู่ไม่ห่างจากอดัมและอีฟ
ส่วนอีกภาพอย่าง The Temptation of Saint Anthony (1501) เราจะเห็นแมวน้อยตัวหนึ่งพยายามจะตะปบปลาที่ตาย และหันไปขู่หญิงสาวที่จะวิ่งเข้ามาเซนต์แอนโธนี ซึ่งในศาสนาคริสต์ ปลาถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของศาสนา การที่แมวคาบหนูในภาพนี้จึงสื่อได้ว่าแมวนั้นคือมารศาสนาและความโหดร้ายนั่นเอง
การถ้ำมอง เพศสัมพันธ์ และตัวตนของศิลปินในงานของ Balthus
Balthus หรือ Balthasar Klossowski คือศิลปินสมัยใหม่ชาวโปแลนด์-ฝรั่งเศสที่ผูกพันกับแมวตั้งแต่ยังเด็ก เมื่ออายุได้ 9 ขวบ Balthus ได้วาดภาพการผจญภัยของเขากับแมวจรจัดชื่อ ‘Mitsou’ ด้วยปากกากว่า 40 ภาพ ทั้งตอนอายุได้ 27 ปี เขาก็ได้วาดภาพเหมือนตนเองในชื่อ The King of Cats (1935) ขึ้นด้วย เรียกว่าเป็นทาสแมวสุดๆ
แต่ภาพแมวที่โด่งดังของเขาไม่แพ้กันคือชุดภาพแมวและเด็กหญิงที่กำลังแตกเนื้อสาวซึ่งกำลังหมกมุ่นกับบางสิ่งบางอย่าง ทั้งยังปล่อยตัวปล่อยใจ นั่งกางขาบ้าง โชว์กางเกงในบ้าง บางครั้งก็เปลือยเปล่า ทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันสะท้อนว่าเขามีเพศสัมพันธ์กับเด็กหรือไม่? เขาคือกลุ่มคน pedophilia ที่คลั่งเด็กหรือเปล่า
แต่ถึงอย่างนั้น Alain Vircondelet นักเขียนด้านศิลปะให้ความเห็นว่าสำหรับ Balthus เด็กก็เหมือนแมว เพราะทั้งสองนั้นบริสุทธิ์แต่ก็ยากที่จะทำให้เชื่อง
ภาพแมวของ Balthus จึงตีความได้หลากหลาย ทั้งในเชิงว่ามันคือการสื่อถึงชีวิตวัยเยาว์ของเขากับแมว การสื่อถึงการแอบถ้ำมอง และความเย้ายวนของเพศหญิง
แมวดำของ Édouard Manet และความแพศยาของหญิง
Édouard Manet เป็นจิตรกรสมัยใหม่ชาวฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 19 ก่อนจะเกิดลัทธิประทับใจขึ้น งานแรกสุดของเขาที่ออกสู่สายตาสาธารณชนไม่เพียงเป็นงานแจ้งเกิดเท่านั้น แต่ยังเป็นงานที่กลายเป็นที่ถกเถียงอีกมาก นั่นคือ Olympia (1863) หรือภาพหญิงเปลือยกายบนเตียง แถมยังมีแมวดำซ่อนกายอยู่ปลายเท้า เธอยังรายล้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่น่าจะได้จากชายหนุ่มมากหน้าหลายตาเพราะสันนิษฐานว่าเธอคือโสเภณี
แน่นอนว่าใครๆ ก็บอกว่าภาพนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Venus of Urbino (1538) ของ Titian ที่กำลังเปลือยกายในบ้าน ทั้งยังมีหมาน้อยตัวเล็กหลับสบายอยู่ปลายเท้าซึ่งสะท้อนถึงความเป็นบ้านและความจงรักภักดี แต่ก็ว่ากันว่า Manet วาดภาพนี้ขึ้นเพื่อถ่ายทอดคำพูดที่ว่า ‘Cat Woman’ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนของเขา Charles Baudelaire ที่ถูกหญิงหลอกลวงจนชีวิตวุ่นวาย แมวในภาพนี้จึงสื่อถึงเพศหญิง ความแพศยา และความลึกลับหลอกหลวงคล้ายกับแวลมวแม่มดในยุคกลาง
แต่ก็ภาพนี้ภาพเดียวที่ Manet ถ่ายทอดแมวออกมาในความหมายนั้น เพราะหลังจากที่ Manet แต่งงานกับ Suzanne Leenhoff เขาก็ได้วาดภาพภรรยากับแมวชื่อ zizi ในภาพ Woman With a Cat (1880) ขึ้น ซึ่งเป็นภาพเชิงบวกของแมวและผู้หญิง สัมพันธ์กับช่วงเวลานั้นที่ศิลปินคนอื่นก็เริ่มทำให้แมวกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ไป จนความหมายของแมวเริ่มกลายเป็นความสุขและชีวิตครอบครัว
ความสุข ครอบครัว และความบริสุทธิ์ในแมวของ Mary Cassatt
อย่างที่บอกว่าช่วงศตวรรษที่ 17-18 แมวกับมนุษย์เราเริ่มมีความสัมพันธ์ฉันมิตรมากขึ้น เรียกได้ว่าจากแมวชั่วร้ายก็เริ่มกลายเป็นตัวขี้เกียจแสนซุกซนในบ้าน ภาพหลายๆ ภาพตั้งแต่ยุคนี้เป็นต้นมาก็เริ่มมีแมวปรากฏในบ้านคนด้วย
หลายครั้งแมวเหล่านี้ก็มักอยู่กับเด็ก ผู้หญิง และคนเป็นแม่มากกว่าซึ่งสื่อได้ถึงความเป็นแม่ บ้านที่อบอุ่น และความไร้เดียงสา เรียกว่าแมวเป็นหนึ่งในคุณสมบัติข้อหนึ่งของการมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข
ในช่วงอิมเพรสชันนิสต์ ศิลปินหลายคนก็มักจะวาดแมวออกมาในความหมายนี้ หนึ่งในนั้นคือ Mary Cassatt ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์หญิงคนดังแห่งยุค แมวของเธอไม่ได้ดูน่ากลัว ไม่ได้ดูลึกลับ ไม่ได้สื่อถึงความชั่วร้ายของหญิงสาวแบบที่ศิลปินชายนำเสนอมา แต่มันกลับสื่อถึงความอบอุ่นของความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกได้ดี
ดูเหมือนแมวและผู้หญิงจะมีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันไม่น้อยเพราะศิลปินหลายคนมักใช้แมวสื่อถึงเพศหญิง ไม่ว่าจะทางบวกหรือลบก็ตาม ถ้าวิเคราะห์ดูตามความปิตาธิปไตย แมวนั้นคล้ายกับผู้หญิงมาก ทั้งคู่อ่อนไหว เย้ายวน ดูบริสุทธิ์แต่ก็เจ้าเล่ห์จนลวงหลอกมนุษย์เพศชายได้ ขณะเดียวกันแมวก็งดงาม ลึกลับ และคอยดูแลตัวเองอยู่เสมอ หลายครั้งทีเดียวที่วรรณกรรมและศิลปะประเภทอื่นแสดงให้เห็นภาพแมวที่วนเวียนในครัว บ้างก็ที่หลับนอนอบอุ่น ซึ่งสัมพันธ์กับพื้นที่ความเป็นหญิงที่ชายมอง
แมวช่างเสียดสีและงานสะท้อนจิตใจของ Louise Wain
ถ้าจะให้นึกถึงศิลปินที่คลั่งรักแมวแบบสุดๆ ก็คงจะเป็น Louis Wain ศิลปินชาวอังกฤษผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ผลงานช่วงแรกของเขาคือภาพทิวทัศน์ชนบทอังกฤษและสิงสาราสัตว์ก่อนจะมีแต่แมวเหมียวที่ปฏิวัติวงการ หลังภรรยาที่รักเสียชีวิต 3 ปีหลังชีวิตแต่งงาน
ปีเตอร์คือแมวจรสีขาวดำที่ภรรยาของเขาเก็บมาเลี้ยง Wain ตกหลุมรักมันอย่างจังก็ตอนที่เห็นว่าปีเตอร์ปลอบประโลมความเจ็บปวดจากโรคมะเร็งของภรรยาได้ชะงัด เขาจึงวาดรูปแมวออกมาหลายภาพ เอกลักษณ์สำคัญคือแมวของเขานั้นมีความเป็นคนสูง ทั้งเดินได้ วิ่งได้ ทำกิริยาแบบคนได้ ซึ่งมันว้าวในยุคนั้นสุดๆ และก็ถือว่าเขาคือศิลปินคนแรกที่วาดรูปแมวเลียนแบบคน
แม้เขาจะทำให้แมวกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนหลงใหล แต่หลังจากที่เขาป่วยด้วยอาการทางจิตและเข้ารักษาในโรงพยาบาล ผลงานของเขาก็เริ่มนามธรรมและบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘Psychedelic Cats’
อาจจะเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ได้ไม่เต็มปาก แต่แมวของเขาก็ถือเป็นตัวแทนของจิตใจในแต่ละช่วงชีวิตได้เช่นกัน ทั้งยังเป็นตัวแทนของการเสียดสีผู้คนในสังคมชั้นสูงด้วย
อ้างอิง :
anothermag