8 ตุลาคม วันเลสเบี้ยนสากล ย้อนดู Lesbian Art ในประวัติศาสตร์ศิลปะ

8 ตุลาคม วันเลสเบี้ยนสากล ย้อนดู Lesbian Art ในประวัติศาสตร์ศิลปะ

8 ตุลาคม วันเลสเบี้ยนสากล ย้อนดู Lesbian Art ในประวัติศาสตร์ศิลปะ

วันที่ 8 ตุลาคม ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเลสเบี้ยนสากล หรือ Interntional Lesbian Day โดยเริ่มมีการเฉลิมฉลองความสำคัญของวันนี้กันมาตั้งแต่ช่วง 1980 ซึ่งนัยน์ของการกำหนดให้วันนี้เป็นวันสำคัญก็ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองความสัมพันธ์หญิงรักหญิงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงการให้ความสำคัญต่อการต่อสู้ระหว่างเพศชายขอบกับอคติในสังคม การเน้นความสำคัญของสายสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง และการสนับสนุนให้ทุกคนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง

เนื่องในโอกาสวันสำคัญเช่นนี้ เราจึงขอรวบรวมผลงานของศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานเพื่อสะท้อนภาพของเลสเบี้ยนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ...เพื่อสดุดีพลังแห่งการสร้างสรรค์ของศิลปินทุกคนที่ใช้ศิลปะในการต่อสู้ทางสังคม เพื่อปลดเปลื้องตัวเองและแสดงออกถึงตัวตน และช่วยสร้างที่ทางให้กับชุมชน LGBTQ+ ในกาลต่อ ๆ มา

จิตรกร ประติมากร และนักออกแบบคนสำคัญของยุคสมัย Belle Époque แห่งฝรั่งเศส Louise Abbéma เกิดในครอบครัวร่ำรวยซึ่งทำให้เธอแวดล้อมไปด้วยศิลปินและคนทำงานศิลปะแขนงต่าง ๆ Abbéma ได้รับการยอมรับในฐานะศิลปินจากผลงานภาพวาดพอร์เทรตที่เธอวาดนักแสดงหญิง Sarah Bernhardt ในปี 1875 ขณะที่เธออายุได้ 23 ปี ซึ่งเธอและ Bernhardt ก็คงความสัมพันธ์เพื่อนและคนรักที่ดีต่อกันมาเนิ่นนาน 

Ambrosia Tønnesen คือศิลปินชาวนอร์เวย์เจียนที่เริ่มต้นเส้นทางอาชีพศิลปินด้วยการเข้าศึกษาที่สถาบันศิลปะในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในปี 1844 ก่อนที่เธอจะย้ายไปเรียนและทำงานในเบอร์ลิน จนสุดท้ายจึงย้ายมายังกรุงปารีส อันเป็นสถานที่ที่เธอทำงานศิลปะต่อเนื่องมากว่า 20 ปี และยังเป็นที่ที่เธอได้พบกับคู่ชีวิต Mary Banks ซึ่งใช้ชีวิตร่วมกันยาวนานถึง 30 ปี

Marie Høeg คือช่างภาพชาวนอร์เวย์เจียนที่มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1866 – 1949 เธอร่วมกับคนรักก่อตั้งสตูดิโอโฆษณาในปี 1895 ที่ซึ่งต่อมาถูกใช้เป็นสถานที่พบปะของนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ์ของผู้หญิง โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการผลักดันให้ผู้หญิงได้รับสิทธิ์ให้ออกเสียงเลือกตั้ง 

ในช่วง 1980 มีการค้นพบกล่องใบหนึ่งที่บ้านฟาร์มที่ทั้งคู่เคยอาศัยอยู่ร่วมกัน โดยมีการระบุคำว่า Private ไว้บนหน้ากล่อง ซึ่งเมื่อเปิดดูก็พบภาพถ่ายกระจกสะท้อนภาพช่วงเวลาส่วนตัวที่ทั้งคู่ถ่ายกันเอง โดยหนึ่งในนั้นก็คือภาพทั้งคู่ขณะสูบบุหรี่ ซึ่งในช่วงยุคสมัยที่ทั้งคู่มีชีวิตอยู่นั้น สังคมยังไม่ยอมรับการที่ผู้หญิงสูบบุหรี่

Sigrid Blomberg เป็นประติมากรชื่อดังชาวสวีดิชที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศชนบททางตอนใต้ของสวีเดน ก่อนจะย้ายเข้าเมืองใหญ่เพื่อศึกษาด้านศิลปะที่ Stockholm Art ในปี 1890 เธอได้รับมอบหมายให้ปั้นรูปปั้นให้แก่โบสถ์ Oskarshamn ในสวีเดน จากงานนี้ทำให้เธอได้รับงานปั้นอีกมากมาย 

วัสดุหลักในการทำงานของ Blomberg เปลี่ยนไปตามช่วงเวลา ในช่วงแรกเธอทำแต่งานไม้เท่านั้น ก่อนที่ต่อมาเธอจะลองเปิดใจหันมาจับดินเหนียว ปูนปลาสเตอร์ หินอ่อน ทองแดง และหิน แต่เธอหลีกเลี่ยงที่จะปั้นงานที่จัดแสดงในพื้นที่สาธารณะ รวมถึงไม่ค่อยยอมนำงานออกมาจัดแสดงในนิทรรศการด้วย นั่นทำให้ชื่อของ Blomberg ไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ศิลปะของสวีเดน

ในปี 1904 Blomberg สร้างบ้านที่หมู่บ้านบ้านเกิดและย้ายจากเมืองใหญ่ไปทำงานที่นั่นอย่างถาวร และใช้ชีวิตร่วมกับ Sigrid Leijonhufvud Sigrid Leijonhufvud นักเขียนและนักประวัติศาสตร์หญิงจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

เมื่อ Lucy Renee Mathilde Schwob อายุได้ 25 ปี เธอก็ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ในชื่อ Claude Cahun และอุทิศชีวิตให้กับการสร้างผลงานศิลปะแนวเหนือจริงและการแสวงหาอิสระอันปราศจากกรอบหรือคำนิยามใด ๆ ของสังคม Cahun ทำงานในช่วงยุค 1920 - 1930 โดยใช้การถ่ายภาพในการค้นหาตัวตนพร้อม ๆ กับการแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง ภาพถ่ายของเธอมักเป็นภาพตัวเธอเองในลักษณะแบบ ‘ไร้เพศ’ หรือ Androgyne ที่เส้นแบ่งระหว่างความเป็นหญิงและความเป็นชายพร่าเลือน 

ผลงานของ Cahun เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ โดยภาพถ่ายของเธอส่วนใหญ่ถูกกองทัพนาซีทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบันก็ได้ถูกนำไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ทั่วโลกในฐานะ Queer Photograph ยุคแรก ๆ ของประวัติศาสตร์

Romaine Brooks เป็นศิลปินชาวอเมริกันที่ใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในกรุงปารีส เธอเป็นหนึ่งในปูชนียบุคคลสำคัญที่ช่วยผลักดันศิลปะ Avant-Garde ด้วยการรวบรวมเครือข่ายของศิลปินนอกขนบ ซึ่ง Brooks เองก็ไม่แคร์ขนบธรรมเนียมของสังคม โดยมักปรากฏตัวในเสื้อผ้าแบบผู้ชายอยู่เสมอ แม้กระทั่งผลงานของเธอเองก็มักนำเสนอตัวตนของเธอที่ไม่แคร์ต่อคำนิยามหรือกรอบเกณฑ์ทางเพศผ่านภาพวาดพอร์เทรตของตัวเธอเอง

“หัวหน้าหมู่เนตรนารีแห่งลัทธิ Abstract Expressionism” คือฉายาของ Betty Parsons ศิลปินและภัณฑารักษ์หญิงผู้มีบทบาทอย่างมากในการขับดันศิลปินในลัทธิ Abstract Expressionism ไม่ว่าจะเป็น Jackson Pollock, Mark Rothko, Clyfford Still หรือ Barnett Newman ให้กลายเป็นศิลปินชื่อดังของยุค ด้วยการเปิดพื้นที่แกลเลอรี่ของเธอในนิวยอร์กให้ศิลปินนามธรรมเหล่านี้ได้สำแดงของของตัวเอง ในยุคที่ศิลปะนามธรรมที่ดูไม่รู้เรื่องยังไม่ได้รับการยอมรับจากแวดวงศิลปะด้วยซ้ำ นอกจากนี้ Parsons Gallery ของเธอยังเป็นพื้นที่การจัดแสดงผลงานของศิลปินเกย์ เลสเบียน ไบเซ็กชวลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Agnes Martin, Ellsworth Kelly, Jasper Johns, หรือ Robert Rauschenberg

Marie Laurencin เป็นศิลปินหญิงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับในแวดวงศิลปะบาศกนิยม (Cubism) ผลงานส่วนใหญ่ของเธอเป็นการนำเสนอภาพของผู้หญิงด้วยสไตล์และสุนทรียะที่ดูนุ่มนวล เน้นการใช้สีโทนพาสเทล ซึ่งทำให้ผลงานของเธอโดดเด่นขึ้นมาจากศิลปินบาศกนิยมทั่วไปที่มักถ่ายทอดความขึงขังหนักแน่น ผลงานส่วนใหญ่ของเธอยังเป็นการออกแบบฉากละครเวทีและฉากการแสดงบัลเลต์ด้วย

Tamara de Lempicka เกิดในครอบครัวชาวโปลิชที่ร่ำรวย ในปี 1918 เธอและครอบครัวที่ประกอบด้วยสามีและลูกได้ย้ายไปพำนักยังปารีส ซึ่งที่นี่เองที่เธอได้เริ่มเรียนการวาดรูป จนกระทั่งได้พัฒนาสไตล์ทางศิลปะของตัวเองขึ้นมาในช่วงยุค 1920 ซึ่งเน้นการนำเสนอภาพเปลือยของผู้หญิงและภาพของเหล่าผู้หญิงยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตอย่างเสรีในยุโรป 

คู่รักเพศหญิงคนแรกของ de Lempicka คือหญิงสาวผมแดงที่ได้รับการว่าจ้างให้มาเป็นแบบให้เธอวาดภาพ ในช่วงที่ทั้งสองออกท่องเที่ยวในประเทศอิตาลีด้วยกัน de Lempicka ก็ได้ซึมซับสุนทรียศาสตร์ในผลงานของ Sandro Botticelli และ Antonello da Messina ซึ่งทำให้เธอยิ่งลุ่มหลงในการนำเสนอความงามของเพศหญิง และในช่วงเวลาที่อยู่ในอิตาลีนี้เองที่เธอได้ก้าวเข้าไปในแวดวงสังคมของศิลปินและคนดังที่เปิดเผยรสนิยมความเสน่หาในเพศเดียวกันอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งทำให้ผลงานของเธอถ่ายทอดความเย้ายวนของสตรีเพศออกมาได้อย่างลึกซึ้ง

นักเขียนและนักวาดภาพประกอบชาวฟินแลนด์ที่เป็นผู้ให้กำเนิดหนังสือเด็กชื่อดังอย่าง Moomins ผู้นี้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็เป็นศิลปินด้วยกันทั้งคู่ เมื่อโตขึ้น Tove Jansson ได้เข้าเรียนในสถาบันศิลปะในหลากหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น สต็อกโฮล์ม, เฮลซิงกิ และปารีส ความโหดร้ายจากสภาวะสงครามทำให้เธอตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องราวที่สะท้อนความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาขึ้นมาเพื่อปลอบประโลมจิตใจของตัวเองและเด็ก ๆ อันเป็นที่มาของ Moomins ที่ออกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1945 นั่นเอง

ในปี 1956 Jansson ได้พบกับ Ida Helmi Tuulikki Pietilä ศิลปินหญิงที่กลายมาเป็นคู่ชีวิตของเธอ โดย Tuulikki Pietilä นี้เองที่เป็นคนแนะนำให้ Jansson วาดตัวละคร Too-Ticky สาวน้อยลักษณะทอมบอยที่เป็นเพื่อนที่แสนดีของครอบครัว Moomims