มาร์โก โปโล นักเดินทางชาวเวนิสที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 12 และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเดินทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1254 หรือย้อนกลับไปเมื่อ 766 ปีก่อน

มาร์โก โปโล นักเดินทางชาวเวนิสที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 12 และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเดินทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1254 หรือย้อนกลับไปเมื่อ 766 ปีก่อน

15 กันยายน สุขสันต์วันเกิด Marco Polo

มาร์โก โปโล นักเดินทางชาวเวนิสที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 12 และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเดินทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1254 หรือย้อนกลับไปเมื่อ 766 ปีก่อน 

ชื่อของมาร์โก โปโล เป็นที่จดจารในประวัติศาสตร์คู่กับเรื่องราวการผจญภัยสู่เส้นทางสายไหมแห่งทวีปเอเชียในช่วง ค.ศ. 1271 - 1295 เรื่องราวการผจญภัยและการเดินทางของเขาถูกบันทึกไว้ในชื่อ The Travels of Marco Polo (หรือ Book of the Marvels of the World and Il Milione) ในปี ค.ศ. 1300 บันทึกเล่มนี้เองที่เป็นประตูเปิดให้ชาวตะวันตกได้รู้จักรู้จักวัฒนธรรมและวิทยาการจากโลกฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับความมั่งคั่งยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิมองโกลในช่วงราชวงศ์หยวน และเรื่องราวความลี้ลับน่ามหัศจรรย์ของชนชาติจีน เปอร์เซีย อินเดีย ญี่ปุ่น และดินแดนจากฝั่งตะวันออกอื่น ๆ

และต่อไปนี่คือ 5 ข้อน่ารู้ที่คนอาจไม่ (ค่อย) รู้เกี่ยวกับมาร์โก โปโล

1. ตอนที่มาร์โก โปโล เริ่มออกเดินทาง เขามีอายุเพียง 15 ปี

ตอนที่มาร์โก โปโล ออกเดินทางจากเวนิส เขามีอายุเพียง 15 ปี และออกเดินทางไปกับพ่อและลุงผู้ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้า เพราะทั้งสองเป็นพ่อค้าที่ออกเดินทางจากบ้านหลายเดือนก่อนที่มาร์โก โปโล จะลืมตาดูโลก เมื่อทั้งสองหวนกลับมาตุภูมิ จึงได้พามาร์โก โปโล ออกเดินทางไปกลับทริปมุ่งสู่ดินแดนตะวันออกครั้งที่ 2 โดยตอนแรกมีการวางแผนว่าทริปนี้จะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน แต่สุดท้าย กว่ามาร์โก โปโลจะได้เดินทางกลับบ้านก็ในอีก 24 ปีถัดมา 
 

2. มาร์โก โปโล ไม่ใช่ชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางไปยังประเทศจีน

มาร์โก โปโล ไม่ใช่ชาวยุโรปคนแรกที่เดินทางไปยังซีกโลกฝั่งตะวันออก เพียงแต่บันทึกการเดินทางของเขาเป็นที่รู้จักของชาวตะวันตกมากที่สุด จนทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด 

ตามบันทึกประวัติศาสตร์ ปรากฏชาวตะวันตกมากมายหลายกลุ่มที่เดินทางมายังทวีปตะวันออกก่อนมาร์โก โปโล ไม่ว่าจะเป็น Giovanni da Pian del Carpini ที่ออกเดินทางตั้งแต่ช่วงยุค 1240s หรือประมาณ 20 ปีก่อนมาร์โก โปโล จะออกเดินทางจากยุโรป รวมไปถึงกลุ่มคณะบาทหลวงคาทอลิกที่ออกเดินทางไปยังดินแดนจีนโดยมีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่ศาสนาคริสต์ 
 

3. บันทึกของมาร์โก โปโล ไม่ได้เขียนโดยมาร์โก โปโล

บันทึกของมาร์โก โปโล ไม่ได้เขียนโดยมาร์โก โปโล แต่เขียนโดย รุสติเชลโล ดา ปิซา กวีโรแมนติกที่ได้พบกับมาร์โก โปโล ระหว่างที่ทั้งสองถูกขังอยู่ในคุกเดียวกัน บันทึก The Travels of Marco Polo จึงถูกแต่งขึ้นในห้องขัง โดยมีรุสติเชลโลรับบทเป็นนักเขียนเงาที่เขียนตามประสบการณ์ที่มาร์โก โปโล ถ่ายทอดให้ฟัง

4. มาร์โก โปโล รับราชการในราชสำนักมองโกล 

ตระกูลโปโลมีความสัมพันธ์อันดีกับราชสำนักของจีน เริ่มมาตั้งแต่พ่อและลุงของมาร์โก โปโลที่เดินทางมาเจรจาซื้อขายผ้าไหมและเครื่องเทศกับราชสำนัก จนทำให้สนิทสนทมกับจักรพรรดิกุบไล ข่าย แห่งจักรวรรดิมองโกล 

มาร์โก โปโล เองก็เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของแผ่นดินจีนในการเดินทางไปยังดินแดนประเทศราชต่าง ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อส่งพระราชสาส์นและทำหน้าที่เก็บเครื่องราชบรรณาการให้กับราชสำนัก

5. สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ของมาร์โก โปโล

มาร์โก โปโล ได้บรรยายถึงสิ่งมีชีวิตจากซีกโลกตะวันออกมากมายที่เขาเข้าใจว่าเป็นสัตว์มหัศจรรย์ที่อยู่ในดินแดนแถบนี้ 
เขาอธิบายถึงงูตัวใหญ่ยักษ์ฟันแหลมคมซึ่งกลืนคนทั้งตัวลงไปได้ทั้งตัว โดยที่จริงแล้วสิ่งมีชีวิตที่เขาบรรยายถึงก็คือ จระเข้ 

นอกจากนี้มาร์โก โปโล ยังบันทึกถึงสัตว์สี่ขาขนาดใหญ่มีเขาด้านหน้าที่เขาเชื่อว่าคือสิ่งมีชีวิตในตำนานอย่างยูนิคอร์น ซึ่งแท้จริงแล้วคือ แรดเอเชีย นั่นเอง