การถอนกำลังของสหรัฐอเมริกาใน ‘อัฟกานิสถาน’ สร้างผลกระทบที่รุนแรงเกินรับไหว เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในนาม ‘ตาลีบัน’ สามารถยึดครองประเทศได้สำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว ชาวอัฟกันต่างตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพราะพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่ภาวะความรุนแรงและการถูกกดขี่อีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก หลาย ๆ คนเสี่ยงหนีเอาตัวรอดจนนำมาสู่เหตุสลดใจ และยิ่งถ้าคุณเป็น ‘ผู้หญิง’ สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ก็คือความโหดร้ายเป็นสองเท่า เพราะคุณอาจถูกริดรอนสิทธิในทุกด้านไปตลอดกาล ไม่เว้นแม้แต่การเลือกใส่เสื้อผ้า
แล้วอัฟกานิสถานที่ทุกคนเคยรู้จักกันมา เป็นอย่างไรบ้าง?
เมื่อเรานึกถึงอัฟกานิสถาน เชื่อว่าหลายคนคงเห็นภาพเดียวกันคือ บรรยากาศบ้านเมืองที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็สามารถเจอกับทหารสะพายปืนได้ง่าย ๆ แต่ความจริงแล้ว กลุ่มตาลีบัน เพิ่งจะก่อร่างสร้างตัวขึ้นในปี 1994 เท่านั้น นั่นหมายความว่า แม้ผู้คนอัฟกันจะตกอยู่ใต้ความขัดแย้งเสมอมา แต่ในอดีต พวกเขาต่างยังสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติ และมีสิทธิในการแสดงออก ไม่เว้นกระทั่งการแสดงออกของผู้หญิงไม่ต้องปิดบังซ่อนเร้น
ในช่วงปี 1960s บรรยากาศของอัฟกานิสถานต่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและจิตวิญญาณคนรุ่นใหม่ ความแตกต่างมีให้เห็นทั่วไปตามท้องถนน ผู้คนมีความฝัน และพวกเขาก็สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรักได้ การออกไปสังสรรค์กับเพื่อนเป็นเรื่องที่ทำได้ปกติ ไม่ว่าจะเป็นการจราจร ร้านอาหาร หรือโรงหนัง ทุกที่ต่างเต็มไปด้วยผู้คน หากจินตนาการไม่ออกว่าอัฟกานิสถานคึกคักไปด้วยผู้คนขนาดไหน ขอบอกเลยว่าในช่วงเวลานั้น อัฟกานิสถานเทียบได้กับมุมไบในอินเดียเลยทีเดียว นอกจากนี้ ความเจริญก้าวหน้าในประเทศยังรวมถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีที่เท่าทันโลก และจุดสำคัญที่สุดคือ พวกเขามี ‘รัฐบาล’ ที่สนับสนุนพัฒนาเมืองในด้านต่าง ๆ รวมถึงศิลปะด้วย
สังคมที่เริ่มก้าวไปสู่ประชาธิปไตย ทำให้ผู้หญิงในยุคนั้น เติบโตอย่างเสรีและเป็นตัวของตัวเอง พวกเธอมีโอกาสได้เรียนหนังสือ มีความสามารถจนต่อยอดเป็นอาชีพได้ รัฐธรรมนูญอัฟกานิสถานระบุชัดเจนถึงสิทธิความเท่าเทียมของผู้หญิง และผู้หญิงเองก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศเสมอมา
มาถึงจุดนี้ ‘แฟชั่นของผู้หญิงอัฟกัน’ คงเป็นคำอธิบายสังคมอันก้าวหน้าได้ดีที่สุด
ในช่วงปีที่ว่ามานี้ อัฟกานิสถานเปิดรับชาวต่างชาติอย่างเต็มที่ ดินแดนที่ไม่อยู่ในแสงไฟ ดึงดูดหนุ่มสาวแบคแพคเกอร์ชาวอเมริกันและยุโรปให้เข้ามาหามนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล ทำให้กระแสฮิปปี้เริ่มมามีความสำคัญ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนุ่มสาวอัฟกันมากมาย นอกจากชุดยูนิฟอร์มในโรงเรียนที่เป็นแบบตะวันตกแล้ว ช่วงว่างเว้นจากภาระหน้าที่ พวกเธอก็ได้ปลดปล่อยตัวเองออกมาผ่านเสื้อผ้าสีสันสดใส หญิงชาวอัฟกันไม่จำเป็นต้องแต่งตัวรัดกุมเกินจำเป็น ในบางครั้งพวกเธอก็ใส่กางเกงขาสั้นออกไปเที่ยวเล่นกับกลุ่มแก๊งเพื่อน ความสนใจด้านแฟชั่นของผู้คนมากมาย เห็นผลถึงขั้นที่ได้ตีพิมพ์ลงนิตยสาร Vogue
สำหรับมุมมองคนนอกอย่างเรา ความแพรวพราวของอัฟกานิสถานในอดีต คงเป็นเหมือนภาพที่สวยงาม ชวนตื่นตาตื่นใจ แต่อีกแง่หนึ่ง ภาพเหล่านี้ก็ได้ตอกย้ำว่าอนาคตอันสวยงาม ได้จบลงไปแล้วพร้อมกับอดีต การแต่งกายอย่างอิสระ กลายมาเป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมให้กับผู้หญิงยุคหลังไปโดยปริยาย ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเศร้าใจว่า ในช่วงเวลาที่เรื่อง ‘เพศ’ กำลังกลับมาเป็นเส้นแบ่งในการเลือกปฏิบัติอีกครั้ง สิ่งเดียวที่เราทำได้ ขณะยังจินตนาการท่าทีของตาลีบันไม่ออก มีเพียงการภาวนาไม่ให้เหล่าผู้หญิงอัฟกันต้องเจอกับการโดนกดขี่ข่มเหงไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม