ทุกวันที่ 15 กันยายน คือ 'วันศิลป์ พีระศรี' วันที่ศิลปินและนักศึกษาศิลปะทั่วประเทศร่วมรำลึกถึงและฉลองวันคล้ายวันเกิดของ 'ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี' บุรุษชาวอิตาลีผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย' ทั้งในฐานะศิลปินผู้ยิ่งใหญ่และครูผู้วางรากฐานศิลปะสมัยใหม่ให้กับประเทศไทย
ศาสตราจารย์ศิลป์มีชื่อเดิมว่า 'คอร์ราโด เฟโรชี' (Corrado Feroci) เกิดที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เขาสำเร็จการศึกษาจากราชวิทยาลัยศิลปะแห่งฟลอเรนซ์ โดยมีความโดดเด่นด้านประติมากรรม ต่อมาในรัชกาลที่ 6 รัฐบาลสยามได้เชิญเขามารับราชการเป็นช่างปั้นประจำกรมศิลปากร และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาผูกพันกับแผ่นดินไทย ก่อนจะกลายเป็นบุคคลสำคัญผู้บุกเบิกการวางรากฐานศิลปะตะวันตกในประเทศไทยอย่างมั่นคง
ก่อนหน้าการมาถึงของอาจารย์ศิลป์ 'ศิลปะ' ในสยามยังถูกจำกัดความหมายไว้เพียง 'ประณีตศิลป์' ที่สร้างขึ้นเพื่อรับใช้ศาสนาและสถาบันกษัตริย์ ผลงานส่วนใหญ่เป็นจิตรกรรมฝาผนังในวัด หรือพระพุทธรูปที่สืบแบบแผนช่างหลวง แม้จะงดงามและเต็มไปด้วยอารยธรรม แต่ขาดพื้นที่ให้ศิลปินแสดงความเป็นปัจเจกหรือตัวตนของตนเอง ต่างจากแนวทางศิลปะตะวันตก
เมื่อเข้ามาทำงานที่สยาม อาจารย์ศิลป์จึงนำองค์ความรู้ด้านศิลปะตะวันตกที่ยึดหลักกายวิภาค สัดส่วน และความสมจริงตามธรรมชาติเข้ามาเผยแพร่ พร้อมกับก่อตั้ง 'โรงเรียนประณีตศิลปกรรม' ที่ต่อมากลายเป็น 'มหาวิทยาลัยศิลปากร' สถาบันศิลปะแห่งแรกของไทย หลักสูตรที่เขาวางไว้ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงออกอย่างเป็นตัวของตัวเอง ถือเป็นก้าวสำคัญที่ผลักดันศิลปะไทยเข้าสู่ยุค 'ศิลปะสมัยใหม่' (Modern Art) ที่ศิลปินสามารถถ่ายทอดความคิด อารมณ์ และตัวตนได้อย่างอิสระ
ด้วยเหตุนี้ การศึกษาชีวิตและผลงานของอาจารย์ศิลป์จึงไม่ได้มีค่าเพียงในด้านประวัติศาสตร์ศิลปะเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเมืองไทยในช่วงเวลานั้น จากสังคมแบบจารีตสู่สังคมไทยยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับชาติและประชาชนมากขึ้น การศึกษาผลงานของเขาจึงเป็นทั้งการเข้าใจประวัติศาสตร์และสำรวจพัฒนาการความคิดของสังคมไทยผ่านศิลปะไปพร้อมกัน
วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนไปสำรวจ 5 ผลงานชิ้นสำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าศิลปะไทยให้ก้าวสู่ความเป็นโมเดิร์น ผลงานที่ไม่เพียงโดดเด่นเรื่องความงดงามในเชิงศิลปะ แต่ยังสะท้อนการเปลี่ยนผ่านของสังคมและแนวคิดทางศิลปะในยุคนั้น ตั้งแต่ 'อนุสาวรีย์ของสามัญชน' สู่ 'ศิลปะการเมือง' ไปจนถึง 'การปฏิรูปพุทธศิลป์'

อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (พ.ศ. 2477)
อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ถือว่าเป็นอนุสาวรีย์สามัญชนคนแรกของประเทศไทย ก่อนหน้านี้การสร้างอนุสาวรีย์จำกัดอยู่แค่ชนชั้นนำเท่านั้น การปั้นรูป ‘ย่าโม’ วีรสตรีแห่งโคราช จึงเป็นการทลายกรอบความคิดเดิม และเพิ่มการยกย่องคุณค่าของสามัญชนที่สร้างคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินเพิ่มเข้ามาด้วย ผลงานชิ้นนี้เลยถือเป็นการเปิดขอบเขตใหม่ให้กับการสร้างอนุสาวรีย์ในประเทศไทย ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ชนชั้นนำอีกต่อไป
ในเชิงศิลปะ อนุสาวรีย์ชิ้นนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันตกที่เน้นความสมจริงทางกายวิภาค เข้ากับเครื่องแต่งกายและเอกลักษณ์แบบไทยอย่างลงตัว ทำให้ผลงานดูมีชีวิตชีวา น่าเลื่อมใส แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกใกล้ชิดกับประชาชน

ประติมากรรมนูนสูงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (พ.ศ. 2482)
ประติมากรรมนูนสูงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นอีกหนึ่งผลงานทีบอกเล่าเรื่องราวของ ‘ประชาชน’ ในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญทางการเมือง โดยอาจารย์ศิลป์ได้ออกแบบและปั้นภาพปั้นนูนสูงบริเวณฐานอนุสาวรีย์ทั้งสี่ด้าน เพื่อสื่อถึงเรื่องราวการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งแตกต่างจากงานศิลปะในอดีตที่มักจะเล่าเรื่องพุทธประวัติหรือรามเกียรติ์เป็นหลัก
ผลงานชิ้นนี้ถือว่าเป็นตัวอย่างสำคัญในช่วงต้น ที่มีการนำ ‘ศิลปะ’ มารับใช้แนวคิดทางการเมืองสมัยใหม่ และบันทึกประวัติศาสตร์ของสามัญชนลงในพื้นที่สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้มุมมองในการทำงานศิลปะในประเทศไทยได้ขยายขอบเขตมาสู่การสะท้อนอุดมการณ์ทางการเมืองของยุคสมัยและเรื่องราวของคนธรรมดา

รูปปั้นทหาร 5 เหล่าทัพบนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (พ.ศ. 2485)
หากใครเคยไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เชื่อว่าต้องเคยสังเกตเห็นรูปปั้นทหาร 5 เหล่าทัพที่ยืนเฝ้าอยู่รอบฐานอนุสาวรีย์ ซึ่งทั้งหมดนี้มีอาจารย์ศิลป์เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง โดยสิ่งที่อยากโฟกัสคือการแสดงออกทางอารมณ์ที่สมจริงของมนุษย์ผ่านรูปปั้นที่ไม่ได้มีใบหน้าเรียบเฉยตามอุดมคติแบบเก่า แต่แสดงออกถึงความมุ่งมั่น กล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ศิลปะสาธารณะไม่ใช่เพียงการนำเสนอภาพในอุดมคติ แต่ยังสะท้อนสภาวะอารมณ์ของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง

พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พ.ศ. 2497)
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช คืองานที่สะท้อนถึงจุดสูงสุดของฝีมือด้านประติมากรรมตามหลักสากลของอาจารย์ศิลป์ ทั้งการปั้นม้าที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างทรงพลัง และพระอิริยาบถของสมเด็จพระเจ้าตากสินที่แสดงถึงความเป็นผู้นำที่เด็ดขาดและกล้าแกร่ง ผลงานนี้ถ่ายทอดศิลปะแบบสัจนิยม (Realism) ได้อย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นต้นแบบสำคัญของการสร้างอนุสาวรีย์ในยุคต่อมา

พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ (ออกแบบ พ.ศ. 2500)
พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ คือผลงานชิ้นสุดท้ายในชีวิตของอาจารย์ศิลป์ ซึ่งเป็นการหวนกลับไปสู่แก่นแท้ของศิลปะไทย นั่นคือการสร้าง 'พระพุทธรูป' แต่ตีความใหม่ในรูปแบบศิลปะสมัยใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจจากพระพุทธรูปลีลาสมัยสุโขทัยที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุด แล้วสร้างสรรค์ใหม่ด้วยการลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไป เน้นเส้นสายที่อ่อนช้อย เรียบง่าย แต่ทรงพลัง
ผลงานนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นการปฏิรูปพุทธศิลป์ที่สำคัญที่สุด แสดงให้เห็นว่าศิลปะไทยสามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้โดยไม่ละทิ้งรากเหง้า เปลี่ยนมุมมองจากการสร้างพระพุทธรูปที่ยึดติดกับแบบแผนโบราณ มาสู่การสร้างสรรค์ร่วมสมัยที่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์และความสงบงดงาม

ผลงานทั้ง 5 ชิ้นที่หยิบยกมานี้ สะท้อนให้อย่างชัดเจนว่าอาจารย์ศิลป์ไม่เพียงวางรากฐานสำคัญ แต่ยังกล้าทลายกรอบเดิมของวงการศิลปะไทย ตั้งแต่การสร้างอนุสาวรีย์ที่ยกย่องสามัญชน การใช้ศิลปะเป็นพื้นที่สะท้อนการเมือง ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนแนวทางพุทธศิลป์ ผลงานเหล่านี้ยืนยันว่า ศิลปะสามารถทำหน้าที่ต่อสังคมได้หลากหลายยิ่งกว่าที่เคยถูกกำหนดไว้ และทั้งหมดนี้คือมรดกที่ทำให้ชื่อของ 'ศิลป์ พีระศรี' ยังคงยืนยงอยู่ในวงการศิลปะไทยตลอดไป
อ้างอิง
กรมศิลปากร. (2563). องค์ความรู้เรื่อง... อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี. สืบค้นจาก สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา: https://www.finearts.go.th/fad10/view/25224-%E0%B8%AD Fine Arts Department
พิพิธภัณฑ์รัฐสภา. (2563, 30 ธันวาคม). อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ความหมายและส่วนประกอบ. สืบค้นจาก https://parliamentmuseum.go.th/2564/ar64-monument.html parliamentmuseum.go.th
กรมศิลปากร. (2563). ประติมากรรมต้นแบบพระศรีศากยะทศพลญาณ. กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์. สืบค้นจาก https://www.finearts.go.th/promotion/view/28943-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A... Fine Arts Department
Thai PBS NOW. (2566, 14 กันยายน). “ศิลป์ พีระศรี” คือใคร? ทำไมได้รับยกย่องเป็นบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย. สืบค้นจาก https://www.thaipbs.or.th/now/infographic/204