ชาลส์ ดาร์วิน นักชีววิทยาคนสำคัญของโลกเคยกล่าวไว้ว่า “ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงหรือฉลาดที่สุด ที่จะอยู่รอดมีชีวิตยืนยาวได้ ‘การปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง’ ต่างหากที่สำคัญที่สุด” ประโยคที่ว่านี้ยังคงอธิบายถึงระบบของธรรมชาติได้เรื่อยมา.. แต่ถ้าวันหนึ่งเราพบว่ามีใครสักคนกำหนดความเป็นไปของธรรมชาติอยู่ เราจะยอมให้ตัวเองอยู่ใต้บงการนั้นหรือไม่?
ในจักรวาลที่กว้างใหญ่เกินมนุษย์โลกจะรับรู้ อีเทอร์นอลส์ (Eternals) มนุษย์ต่างดาวจาก Olympia ที่มาพร้อมกับพลังพิเศษเหนือมนุษย์ ได้เดินทางถึงโลกในหลายพันปีก่อนคริสตกาล เมื่อสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายรากไม้ที่ชื่อ ‘ดีเวียนต์’ (Deviant) ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขา ออกมาอาละวาด โจมตีเหล่ามนุษย์ผู้บริสุทธิ์ หลังจากเสร็จภารกิจหนึ่ง พวกเขาก็จากไปอย่างลับ ๆ โดยไม่มีใครรู้ว่าอีเทอร์นอลส์คือใคร จนเมื่อความคิดของมนุษย์โลก พัฒนาไปพร้อมกับกาลเวลา สถานะของ ‘ผู้ล่า’ และ ‘ผู้ถูกล่า’ จึงถูกครอบด้วยกรอบทางวัฒนธรรม เกิดเป็นวิวัฒนาการทางสังคมในแต่ละยุคสมัย ที่มักมาพร้อมกับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ แม้ว่าอีเทอร์นอลส์จะมีเป้าหมายตามบัญชาของบอสใหญ่อย่าง อริเชม (Arishem) นั่นคือการปราบดีเวียนต์ให้สิ้นซาก แต่เมื่อยังไม่ได้รับอนุญาตให้กลับดาวบ้านเกิด พวกเขาจึงต้องอยู่บนโลกนี้ต่อไป โดย(แอบ)ใช้พลังที่มี ช่วยมนุษย์ผู้ด้อยอำนาจจากการถูกล่าอาณานิคมบ้าง คิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ บ้าง ขณะที่มนุษย์เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าชะตากรรมที่เกิดขึ้น เป็นไปเองตามธรรมชาติ หรือ ถูกใครกำหนดมาแล้ว
ความสับสนถึงทางเลือกในชีวิต ก่อตัวขึ้นในใจของอีเทอร์นอลส์ไม่ต่างกัน แม้ว่าพวกเขาจะถูกสร้างขึ้นโดยอริเชม ผู้นำที่ดำรงตัวเองเหมือนเป็นพระเจ้าของจักรวาล แต่การที่เหล่าอีเทอร์นอลส์ได้คลุกคลีกับมนุษย์ผู้มีพัฒนาการเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ เขาก็ได้ซึมซับกับ ‘จิตวิญญาณ’ ที่อยู่ลึกลงไปในตัวผู้คน จนเกิดเป็นความผูกพันธ์ขึ้น แต่หลายครั้ง แว่นตาแบบมนุษย์ก็มักมาพร้อมกับคำถามทางศีลธรรมเช่นกันว่า ถ้าอีเทอร์นอลส์เห็นชาวบ้านบริสุทธิ์ ล้มตายเพราะภาวะสงครามหรือเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเขาควรจะยื่นมือเข้าไปช่วย หรือปล่อยเบลอให้ทุกสิ่งเป็นไปเหมือนคนนอกคนหนึ่งที่มองสถานการณืต่าง ๆ เพราะหากเป็นอย่างแรก พวกเขาจะช่วยคนได้ไม่น้อย แต่ความช่วยเหลือนี้ก็อาจมองได้ว่าพวกเขากำลังทำตัวเหมือนพระเจ้าที่กำหนดชะตากรรมมนุษย์ไม่ต่างจากอริเชมที่ปกครองพวกเขาอยู่ ดังนั้นภาวะที่เกิดขึ้นกับอีเทอร์นอลส์ จึงเป็นภาพสะท้อนความสับสนทำนองว่า ถ้าฉันคุมทุกอย่างได้ ฉันก็จะเป็นพระเจ้า แต่ถ้าฉันไม่ใช่และไม่อยากเป็นพระเจ้า ฉันจะเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ได้อย่างไร
ภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงเป็นเหมือนไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์ขนาดย่อ ที่มีอีเทอร์นอลส์เป็นผู้กุมคำทำนายความเป็นไปของโลก พวกเขาไม่ใช่ทั้ง ผู้สร้าง หรือ ผู้ทำลาย แต่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างสองสิ่งนี้ และพวกเขากำลังต่อสู้กับความคิดตัวเองว่าจะทำตามสัญชาติญาณในฐานะมนุษย์คนนึง(ที่มีพลังพิเศษพ่วงมา) หรือควรปล่อยเบลอความรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์ แล้วทำตามนายสั่ง ซึ่งก็นับว่าลีลาการกำกับภาพยนตร์ในจักรวาล Marvel เรื่องแรกของ Chloé Zhao ผู้กำกับรางวัลออสการ์ ไม่เพียงแค่เปิดพื้นที่การตีความตั้งแต่ระดับของจิตใจ ความสัมพันธ์ คำถามถึงอำนาจทางสังคมการเมือง ปรัชญาเรื่อง Free Will หรือ Predestination ครอบคลุมไปถึงการปะทะกันระหว่างความคิดแบบมนุษย์และตัวแทนปัญญาประดิษฐ์จากโลกอื่นอย่างอีเทอร์นอลส์ แต่ยังเผยให้เห็นรายละเอียดเล็ก ๆ เช่นลมโบกพัดปลายผม ธรรมชาติของตัวละครที่สะท้อนผ่านสีหน้าหรือน้ำตาที่ไหลออกมาจากความรู้สึก ส่ิงเหล่านี้ต่างทำให้ผู้ชมเชื่อไปด้วยว่าเหล่าอีเทอร์นอลส์ในเรื่อง คือคนที่เราสามารถพบเจอได้ในชีวิตจริง จนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ แตะเส้นความรู้สึกของผู้ชมได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
รับชม Eternals ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
คลิกเพื่อรับชมตัวอย่างภาพยนตร์