ในปี 1909 ศิลปินชั้นนำจากลัทธิ Fauvism อย่าง Henri Matisse ได้รับการว่าจ้างสำคัญจากนักธุรกิจชาวรัสเซีย Sergei Shchukin สำหรับผืนผ้าใบขนาดใหญ่ 2 ชิ้น คือ The Dance และ Dance (I) ซึ่งมีเนื้อหาและขนาดแทบจะเหมือนกันทุกแง่มุม เพื่อประดับบันไดเวียนในคฤหาสน์ Trubetskoy Palace กรุงมอสโก เกิดเป็นภาพวาดชื่อดังในชื่อ The Dance ที่กลายมาเป็นภาพจำให้กับตัวศิลปิน
จิตรกรไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับรายละเอียดอีกต่อไป เพราะภาพถ่ายสามารถเก็บสิ่งเหล่านี้ได้ละเอียดและรวดเร็วกว่าเป็นร้อยเท่า รูปแบบอย่างง่ายจึงเป็นวิธีที่แสดงถึงความรู้สึกภายในได้ตรงตัวที่สุด
ภาพวาด The Dance เผยให้เห็นลายเส้นอย่างง่ายและสีสันสดใส ที่ดึงดูดให้ผู้พบเห็นเกิดหลงใหลได้ไม่ยากนัก ผลงานชิ้นนี้สะท้อนถึงความสนใจของ Matisse ในการสร้างองค์ประกอบบนผืนผ้าใบให้ดูง่าย แต่แฝงด้วยจินตนาการอันลึกซึ้ง ท่วงท่าที่แข็งแรงของนักเต้นหญิงเปลือยกาย 5 คน ท่ามกลางท้องฟ้าสีน้ำเงินสด และพื้นสีเขียว ทำให้ภาพวาดชิ้นนี้ดูพริ้วไหว แต่ในขณะเดียวกันก็มีพลังดึงดูดสายตาด้วยการตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปจนหมด ทำให้สายตาผู้ชมจ้องมองไปที่กลุ่มนักเต้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ สีภาพจัดจ้านยังกลายมาเป็นจุดขายสำคัญที่ขับให้องค์ประกอบทั้งหมดดูมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ฉันฝันถึงคือ ศิลปะที่สมดุล บริสุทธิ์ และเงียบสงบ สามารถพาผู้ชมหลีกหนีออกจากปัญหาหรือเรื่องที่น่าหงุดหงิดได้ ศิลปะประเภทนี้ทำให้จิตใจของทุกคนสบาย เหมือนเก้าอี้ที่พวกเขาสามารถพักผ่อนได้ในเวลาเหนื่อยล้า
ไม่มีความเศร้าหลงเหลืออยู่ในภาพวาดชิ้นนี้.. Matisse ได้พาผู้ชมย้อนกลับไปสำรวจเทศกาลสำคัญในยุคดึกดำบรรพ์ คล้ายภาพผู้คนจับมือกันเต้นรำรอบกองไฟอย่างสนุกสนาน (แม้ไม่ปรากฏกองไฟ) อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาในภาพวาดเป็นเพียงการเดากันคร่าว ๆ เท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนรับรู้ไปในทางเดียวกันก็คือ ภาพวาดชิ้นนี้เป็นเรื่องราวของจังหวะที่แสดงให้เห็นถึงพลังของชีวิต ดังนั้น สีสันในภาพจึงคงความนามธรรมเอาไว้ด้วยในเวลาเดียวกัน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ตัวภาพ พาผู้ชมดำลึกสู่ห้วงความรู้สึกภายในตัว