ชื่อของ หลุยส์ เวน อาจไม่ใช่ชื่อศิลปินที่คุ้นหูคนทั่วไป แต่เมื่อมีข่าวว่า เรื่องราวของเขากำลังจะถูกนำมาถ่ายทอดขึ้นจอ ในหนังที่มีชื่อว่า The Electrical Life of Louis Wain โดยได้นักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ มารับบทเป็นศิลปินผู้คลั่งรักแมวผู้นี้ เหล่าทาสแมวและ ‘Cumberbitches’ (ชื่อเรียกกลุ่มคนคลั่งรักเบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) ต่างก็นำชื่อของศิลปินคนนี้ไปเสิร์ชหา จนทำให้ชื่อของหลุยส์ เวน กลับมาอยู่ในความรับรู้ของผู้คนอีกครั้ง และทำให้ศิลปินผู้ล่วงลับผู้นี้กำลังจะมีนิทรรศการเดี่ยวที่พิพิธภัณฑ์ในอังกฤษในเดือนนี้
แล้ว หลุยส์ เวน คือใคร?
หลุยส์ เวน คือศิลปินชาวอังกฤษผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เขาเกิดในครอบครัวที่มีพ่อเป็นช่างฝีมือด้านการทอผ้า ซี่งเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตลง หลุยส์ก็ต้องทำหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัวที่ประกอบด้วยแม่และน้องสาวอีก 5 คน
ชีวิตของหลุยส์ยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก เขาเกิดมาพร้อมกับโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ทำให้ช่วง 10 ปีแรกในชีวิตของเขาต้องอยู่แต่บ้าน ไม่ได้ไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่หลุยส์ก็ค่อย ๆ พัฒนาความรักในศิลปะตามรอยพ่อของเขา จนเขาเรียนจบจากโรงเรียนศิลปะและได้เป็นครูสอนศิลปะอยู่พักหนึ่ง กระทั่งพ่อของเขาเสียชีวิต เขาจึงต้องออกมาสานต่อกิจการของที่บ้านเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และรับวาดรูปเป็นงานฝิ่น
ไป ๆ มา ๆ ผลงานของหลุยส์ก็เริ่มเข้าตาผู้ชม โดยเฉพาะผลงานภาพวาดทิวทัศน์ชนบทอังกฤษและบรรดาสัตว์ต่าง ๆ หลุยส์เริ่มรับงานภาพวาดประกอบในหนังสือพิมพ์ และยังมักได้รับคอมมิสชันจากงานเทศกาลทางการเกษตรให้วาดภาพประดับในงาน จนถึงจุดหนึ่งของชีวิต หลุยส์ก็คิดว่าเขาจะยึดอาชีพนักวาดภาพพอร์เทรตของสุนัขเป็นอาชีพหลัก
แต่ชีวิตที่ดูเหมือนจะเรียบง่ายของหลุยส์กลับต้องพลิกผัน เมื่อเขาตกหลุมรักครูพี่เลี้ยงของน้องสาวที่อายุมากกว่าเขาถึง 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอื้อฉาวมากในยุคนั้น หลุยส์แต่งงานกับภรรยาของเขาได้ไม่นาน เธอก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านม และจากไปหลังจากที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้เพียง 3 ปี
การจากไปของภรรยาผู้เป็นที่รักนำความเสียใจให้หลุยส์อย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็พบความรักครั้งใหม่ นั่นก็คือความรักในเจ้าสัตว์สี่ขาที่เรียกว่า แมว ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของภรรยาของเขา หลุยส์ประทับใจในการที่ ปีเตอร์ แมวจรสีขาวดำที่ภรรยาเก็บมาในวันฝนตก สามารถปลอบประโลมภรรยาของเขาในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความทรมานจากโรคร้าย จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้หลุยส์วาดรูปแมวออกมามากมาย ซึ่งในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ภรรยาของเขาก็คะยั้นคะยอให้เขานำภาพแมวเหล่านี้ไปเผยแพร่ ซึ่งในเวลาต่อมาภาพแมวเหล่านี้ก็จะแจ้งเกิดหลุยส์ในฐานะศิลปินดัง เพียงแต่เธอไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จด้วยนั้นเท่านั้น
นับแต่นั้นมา ผลงานของหลุยส์ก็มีแต่ภาพแมว แมว แมว และแมวเท่านั้น ความพิเศษของภาพแมวของหลุยส์ก็คือการที่เขาใส่แคแรกเตอร์ของคนลงไปในแมว ทำให้แมวของเขาทำกิจกรรมต่าง ๆ เลียนแบบมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการยืนสองขา จัดปาร์ตี้น้ำชา เล่นกีฬา ฯลฯ ซึ่งก็อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของคนยุคปัจจุบันที่คุ้นเคยกับตัวการ์ตูนสัตว์พูดได้ของดิสนีย์ หรือแมวทำกิจวัตรเหมือนคนใน ทอมกับเจอร์รี แต่ให้ลองนึกภาพในยุคสมัยที่คนยังไม่รู้จักการ์ตูนแบบนั้น และหลุยส์ก็เป็นศิลปินคนแรกที่ลุกขึ้นมาวาดรูปแมวยืนสองขาเลียนแบบแคแรกเตอร์ของคน
ผลงานภาพแมวของหลุยส์สร้างปรากฏการณ์แคทฟีเวอร์สุด ๆ ในยุคนั้น โดยผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาก็หนีไม่พ้น ‘A Kittens' Christmas Party’ ที่เป็นคอลเลกชันปาร์ตี้คริสต์มาสของเหล่าเหมียว 150 ภาพ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นรูปเจ้าปีเตอร์ แมวเหมียวเพื่อนรักของหลุยส์นั่นเอง ผลงานแมวชวนยิ้มของหลุยส์กลายเป็นที่ชื่นชอบของคนอังกฤษในยุคนั้นมาก ซึ่งหลุยส์ก็ถึงขั้นนั่งเป็นประธานชมรมคนรักแมวของอังกฤษและตั้งปณิธานว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงของแมวให้ไม่เป็นสองรองหมาอีกเป็นอันขาด! (คนอังกฤษยุคนั้นนิยมเลี้ยงสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงมากกว่าแมวที่เลี้ยงไว้จับหนูในบ้าน)
ชีวิตของหลุยส์ในฐานะศิลปินทาสแมวควรจะรุ่งโรจน์ แต่ในช่วงเวลานี้ เขากลับประสบกับอาการป่วยทางจิตที่ทำให้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ และหลายครั้งก็ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับน้องสาวที่อาศัยอยู่ร่วมบ้าน นอกจากนี้หลุยส์ยังเป็นศิลปินที่ไม่เก่งในเรื่องการใช้งานทำเงิน บางทีเขาก็ให้ภาพวาดของตัวเองไปฟรี ๆ รวมถึงไม่เคยคิดเรื่องการรักษาลิขสิทธิ์หรือการจำกัดจำนวนในการพิมพ์งาน ในช่วงนี้ผลงานของหลุยส์จึงเริ่มมีความ ‘นามธรรม’ มากขึ้น แม้ว่าเขาจะยังวาดภาพแมวเหมือนเดิม แต่ฉากหลังของแมวเริ่มเป็นลวดลายแพทเทิร์นที่ไร้รูปทรง จิตแพทย์ในยุคนั้นใช้ภาพแมวของหลุยส์เป็นหลักฐานในการวินิจฉัยอาการจิตเภทของเขา โดยระบุว่าฉากหลังของแมวที่ดูเหมือนกับลายผ้าฝีมือพ่อแม่ของเขานั้นสะท้อนว่าเขาเริ่มแยกอดีตกับปัจจุบันไม่ออก พร้อมระบุว่าโรคจิตเภทนี้อาจมีตัวกระตุ้นมาจากพยาธิในอุจจาระของแมวที่เขาเลี้ยงด้วย
สุดท้ายแล้วเมื่อบรรดาน้องสาวของเขาไม่สามารถรับมือกับอาการโมโหร้ายของเขาได้อีกต่อไป หลุยส์จึงถูกส่งตัวไปรับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวช กระทั่งนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่เป็นแฟนผลงานของหลุยส์อย่าง เอช.จี. เวลส์ (ผู้เขียน The Time Machine, The War of the Worlds, The Invisible Man) ได้รับรู้เรื่องราวของหลุยส์ เขาจึงของให้นายกรัฐมนตรีช่วยจัดการย้ายหลุยส์ไปยังโรงพยาบาลที่มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ที่ซึ่งมีสวนให้พักผ่อนหย่อนใจ และมีแมวจำนวนมากให้หลุยส์ได้เล่นด้วย ซึ่งที่นั่นก็เป็นที่ที่หลุยส์ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายและวาดภาพแมวของเขา โดยที่ผลงานในช่วงท้ายของชีวิตนั้น แมวของเขาเปี่ยมไปด้วยสีสันและองค์ประกอบสุดขีดคลั่งที่ทำให้ผลงานของเขากลายเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘Psychedelic Cats’