เมื่อ Pablo Picasso (1881-1973) เบื่อหน่ายกับศิลปะความสวยงามแบบเก่า และต้องการที่จะลบล้างแนวศิลปะเก่าๆ เพื่อนำเสนอมุมมองที่แปลกใหม่ เขาจึงสร้างผลงานสุดอื้อฉาวสะเทือนวงการอย่าง ‘Les Demoiselles d’Avignon’ ด้วยการวาดภาพร่างกายของผู้หญิงที่บิดเบือนไปจากอุดมคติเดิม ผสมผสานกับรูปร่างทางเรขาคณิต แบนราบสองมติ ชิ้นส่วนโมเสกที่แตกกระจายปะติดปะต่อกันด้วยมุมมองที่แตกต่างเหมือนจิ๊กซอว์ที่จัดวางเหมือนไร้แบบแผน ทับซ้อนกับภาพเปลือยเปล่าของโสเภณีห้าคนที่กำลังอวดเรือนร่างอย่างโจ่งแจ้ง
ท่าทางและหน้ากากรูปสัตว์ที่น่ากลัวที่อยู่บนเรือนร่างของพวกเธอยืนเด่นท้าทายผู้ชม โดยเฉพาะผู้หญิงตรงกลางสองคนที่มีท่าทางยั่วยวน พวกเธอจ้องมองตรงปที่ผู้ชมพร้อมกับยกแขนขึ้นเพื่อโชว์หน้าอก ผู้หญิงด้านล่างขวาเธอถูกปกปิดด้วยหน้ากากแอฟริกัน ส่วนประกอบของภาพที่คมชัดทำให้ภาพนี้มีความรุนแรงและมีอำนาจทางเพศสร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้กับผู้ชม
เทคนิคการวาดภาพนี้เรียกว่า “Cubism” คือการแสดง ‘ความเป็นจริง’ ด้วยการวาดภาพแบนๆ ที่แตกเป็น ชิ้นเล็กชิ้นน้อยประกอบขึ้นมาใหม่ ร่วมกับการใช้แสงและความมืด ภาพนี้ยังแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและความหลงใหลต่อศิลปะแอฟริกันของ Picasso จากหน้ากากในภาพวาด รวมถึงศิลปะของไอบีเรียโบราณหรือสเปนและโปรตุเกสในปัจจุบันด้วย ที่มีรูปแบบเรียบง่ายและรูปทรงหนาที่เคยใช้ในศิลปะดึกดำบรรพ์ แสดงให้เห็นถึงความแปลกใหม่ที่ Picasso นำมาใช้ในผลงานศิลปะของเขา
ทันทีที่ภาพนี้ได้ออกสู่สายตาประชาชน ก็เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในลักษณะการวาดและความผิดศีลธรรมที่ Picasso เลือกที่จะวาดเหล่าโสเภณีประจันหน้าผู้ชมด้วยท่าทีโจ่งแจ้งไม่เขินอาย ผู้คนต่างตีความหมายที่สะท้อนผ่านภาพนี้ ว่าที่จริงแล้วความซับซ้อนวุ่นวายละลานตาของภาพ เหมือนเป็นการปฏิวัติเพื่อต่อต้านศิลปะยุค Renaissance เพราะ Picasso ต้องทิ้งหลักการของวิธีการแรเงาสีและองค์ประกอบ เพื่อนำเสนอรูปแบบใหม่ในการแสดงความเป็นจริง
Pablo Picasso มีอิทธิพลในวงการศิลปะอย่างมากในศตวรรษที่ 20 ด้วยความคิดที่แหวกทุกขนบและการทดลองที่ไม่หยุดนิ่ง เขามักจะคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยไม่สนใจว่าศิลปะนั้นควรจะมีลักษณะอย่างไร เขาเพียงต้องการผลิตผลงานให้สมบูรณ์แบบในแบบของเขา อีกทั้งผลงานของ Picasso ยังสะท้อนถึงตัณหาและความวิตกกังวลในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเขากับผู้หญิงอีกด้วย