บทความนี้มีการสปอยเนื้อหาในซีรีส์และฉบับมังงะ
ในที่สุด หนึ่งในซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดบนโลกเหลี่ยม ๆ ที่เต็มไปด้วยเกมท้าตายอย่าง Alice in Borderland ก็กลับมาแล้ว ซึ่งนอกเหนือจากเกมมันส์ ๆ ท้าทายกึ๋น พละกำลัง และทีมเวิร์คของเหล่าตัวเอก ซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังเต็มไปด้วยนัยยะมากมายที่เชื่อมโลกสมัยใหม่เข้ากับโลกวรรณกรรม ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือชื่อเรื่อง ที่เชื่อมโยงกับเรื่อง Alice in Wonderland ทั้งชื่อตัวเอก การทะลุไปต่างโลกอันแปลกประหลาด และเส้นบาง ๆ ระหว่างเรื่องที่เกิดขึ้นจริง กับสิ่งที่ตัวเอกคิดไปเองเพราะปัญหาทางจิตใจ
นอกเหนือจากชื่อเรื่อง Alice in Borderland ยังมีการใส่ตำนาน วรรณกรรม และเกร็ดความรู้อื่น ๆ อยู่อีกหลายอย่าง ทั้งความหมายน่าคิดเกี่ยวกับ ไพ่โจ๊กเกอร์ การหยิบหนังสือ Walden ที่ว่าด้วยความหมายของการมีชีวิตขึ้นมาอ่าน รวมไปถึงการปรากฏตัวของคิงที่เป็นตัวแทนของไพ่คิงสี่ใบ ที่ชวนให้นึกถึงการมาถึงของสี่ผู้ขี่ม้าแห่งวันสิ้นโลก
ดังนั้น ก่อนที่จะไปตะลุยเกมกันต่อในซีซันที่สามของ Alice in Borderland เราเลยอยากชวนทุกคนมาคุยกันต่อถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีซันก่อนหน้า แต่ยังแฝงความหมายสำคัญบางอย่าง ที่อาจจะสะเทือนไปถึงเนื้อหาในซีซันสามที่กำลังจะมาถึงก็เป็นได้

King of Clubs

King of Diamonds

King of Spades

King of Hearts

Four Horsemen of the Apocalypse
สี่ราชาแห่งโลก Borderland กับเงาสะท้อนของสี่ผู้ขี่ม้าแห่งวันสิ้นโลก
ใน Alice in Borderland ซีซันสอง บททดสอบที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องคือการต่อกรกับบอส ‘ไพ่คิง’ สี่คน ประกอบไปด้วย King of Clubs, King of Diamonds, King of Spades และ King of Hearts โดยราชาแต่ละคนจะมีพลัง อำนาจ และกฎเกณฑ์ของเกมที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมกลยุทธ์ การใช้กำลังดิบ ๆ หรือการวัดใจทางอารมณ์ ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงศัตรู แต่ยังทำหน้าที่เป็นบทพิสูจน์ขั้นสุดท้ายก่อนจบเกม ที่ตัวละครต้องเผชิญหน้าเพื่อกลับไปยังโลกเดิมให้ได้
การปรากฏตัวของพวกเขาชวนให้นึกถึงตำนานเรื่อง Four Horsemen of the Apocalypse หรือสี่ผู้ขี่ม้าสี่แห่งวันสิ้นโลก ได้แก่ ชัยชนะ/โรคระบาด (Conquest/Pestilence), สงคราม (War), ความอดอยาก (Famine) และความตาย (Death) โดยตำนานกล่าวว่าผู้ขี่ม้าเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเมื่อพระเมษโปดกในพระคัมภีร์วิวรณ์เปิดตราประทับสี่ดวงแรกของคัมภีร์ อันเป็นสัญญาณแห่งมหาวิบัติที่จะนำพามนุษย์เข้าสู่วันสิ้นโลก [1]
เมื่อมองคู่ขนานกัน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การปรากฏตัวของสี่ราชาใน Borderland เองก็เป็นสัญญาณเช่นกันว่าเกมกำลังจะสิ้นสุดลง และโลกที่เต็มไปด้วยการทดสอบอันโหดร้ายนี้ก็กำลังเข้าสู่จุดล่มสลาย เหล่าผู้รอดชีวิตจึงถูกบังคับให้เผชิญกับ “บททดสอบสุดท้าย” ที่ไม่ใช่เพียงการเอาชีวิตรอด แต่คือการตัดสินใจว่าพวกเขาจะกลับไปสู่โลกจริง หรือเลือกที่จะอยู่ต่อในความว่างเปล่านี้ตลอดไป
หากลองจับคู่เปรียบเทียบ เราจะเห็นเงาสะท้อนบางอย่างระหว่างสี่ราชากับสี่ผู้ขี่ม้า เช่น King of Clubs ที่ใช้เกมต่อสู้และพลังดิบ อาจเทียบได้กับ War ผู้ขี่ม้าแห่งสงคราม, King of Diamonds ที่เน้นเกมแห่งเหตุผลและกลยุทธ์ ก็สะท้อนถึง Conquest ที่หมายถึงการยึดครองและการควบคุม, King of Spades ผู้แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมที่สุด ก็คล้ายกับ Death ที่พรากชีวิตผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ King of Hearts ที่ใช้จิตวิทยาหลอกล่อผู้เล่นจนแตกหัก เชื่อมโยงกับ Famine ความอดอยากที่พรากเอาความหวังและศรัทธาของผู้คนจนล้มตายไปเอง การเชื่อมโยงเหล่านี้ทำให้การเผชิญหน้ากับราชาทั้งสี่ไม่ใช่เพียงแค่เกม แต่เป็นการต่อสู้กับสัญลักษณ์แห่งความพินาศที่บีบคั้นแก่นแท้ของการเป็นมนุษย์

หนังสือ Walden และการตามหาความหมายชีวิตในวันที่โลกล่มสลาย
ในช่วงเปิดของตอนที่สี่ในซีซันที่หนึ่ง หลังจากอะริสุเพิ่งผ่านพ้นเกมหมาป่า เกมเล่นกับจิตใจสุดโหดที่พรากเพื่อนร่วมทีมทั้งหมดของเขาไป เขาก็ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวังอยู่กลางถนน ไร้จุดหมายในชีวิต และไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อ ในจังหวะนั้นเขาก็ได้พบกับอุซางิที่ค่อย ๆ ประคับประคองให้เขากลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง สิ่งที่น่าสนใจในฉากเปิดนี้ คือการที่อุซางิได้เดินตามหาหนังสือในห้องสมุดร้าง และในบรรดาหนังสือรับร้อยเล่ม สิ่งที่เธอหยิบขึ้นมาคือ ‘Walden’ หนังสือที่ว่าด้วยการตามหาความหมายของชีวิต
Walden เป็นผลงานเขียนของ เฮนรี เดวิด ทอโร (Henry David Thoreau) นักเขียนและนักปรัชญาชาวอเมริกันในศตวรรษที่ 19 ผู้มุ่งเน้นการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและกลมกลืนกับธรรมชาติ เขาใช้เวลาสองปีเต็มในการพำนักอยู่กระท่อมเล็ก ๆ ริมบึง Walden Pond รัฐแมสซาชูเซตส์ และถ่ายทอดประสบการณ์นั้นลงในหนังสือเล่มนี้ เนื้อหาสำรวจถึงการตัดขาดจากความฟุ้งเฟ้อของสังคมเมือง เพื่อหาความหมายแท้จริงของการดำรงอยู่และอิสรภาพที่อยู่ในธรรมชาติ [2]
การปรากฏขึ้นของหนังสือ Walden ในตอนที่สี่ของซีซันแรก ในจังหวะที่ตัวละครกำลังสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด จึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่ดึงความสนใจของผู้ชมให้เข้าถึงแก่นแท้ของเรื่องราว เพราะท่ามกลางการเอาตัวรอดเพื่อมีชีวิต พวกเขายังต้องหาให้เจอด้วยว่าเมื่อมีชีวิตแล้วจะมีชีวิตไปเพื่ออะไร ซึ่งสิ่งนี้ก็ปรากฏขึ้นในหลายฉากของซีรีส์เรื่องนี้ จนเรียกได้ว่าเราเห็นได้ชัดเลยว่าแต่ละคนเขามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร
เช่น ในโลกเดิม อะริสุคืออัจฉริยะที่ถูกสังคมตีตราว่า ‘ไร้ค่า’ เขาเป็นเพียงเด็กติดเกมที่ไม่มีอนาคต แต่ใน Borderland ทักษะการวิเคราะห์ การวางแผน และการมองเห็นรูปแบบที่ซับซ้อน ที่เขาฝึกฝนผ่านโลกเสมือนจริง กลับกลายเป็นเครื่องมือที่เฉียบคมที่สุดในการเอาชีวิตรอด ดินแดนแห่งนี้ได้ทำให้เขาค้นพบคุณค่าที่ไม่เคยมีใครเห็น และเปลี่ยนเด็กหนุ่มผู้หลงทางให้กลายเป็นผู้นำที่สามารถปกป้องชีวิตผู้อื่นได้
ยังมี อุซางิ ที่เคยต้องแบกรับความผิดพลาดของพ่อตัวเอง แต่ใน Borderland ทักษะการปีนป่ายและความรู้ในการเอาตัวรอดในธรรมชาติที่เธอเรียนรู้จากพ่อ ได้กลายเป็นเครื่องมือในการปลดแอกตัวเองอย่างสมบูรณ์ หรือแม้กระทั่งตัวร้ายอย่าง นิรากิ ที่เคยเป็นเด็กหนุ่มอ่อนแอและถูกรังแกอย่างหนัก แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักแต่เราก็ได้เห็นเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่อย่างแรงกล้าของเขา ที่กลายเป็นคนชั่วร้ายที่ชดเชยความเจ็บปวดในอดีตด้วยการสร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่น และในตอนจบของซีซันสอง ทุกอย่างก็เฉลยอย่างแจ่มชัดว่าบอเดอร์แลนด์คือโลกของคนโคม่า และการจะอยู่หรือไปของใครสักคนในเรื่อง ก็มาจาก ‘แรงใจ’ และเจตจำนงที่ ‘อยากมีชีวิต’
ดังนั้น การปรากฏของหนังสือ Walden ในซีรีส์ Alice in Borderland จึงทำหน้าที่เป็นอุปมานิทัศน์สำคัญที่ช่วยสะท้อนโลกในเรื่องได้อย่างชัดเจน ภาพของกรุงโตเกียวที่ร้างผู้คน เปรียบได้กับการทดลองว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อมนุษย์ถูกตัดขาดจากกรอบและพันธนาการทางสังคมอย่างฉับพลัน สถานการณ์นี้คล้ายกับการปลีกวิเวกของทอโรที่บึงวอลเดน แต่กลับถูกพลิกให้เป็นอีกด้านหนึ่ง คือไม่ใช่การเลือกหาความสงบด้วยเจตจำนงของตนเอง หากแต่เป็นการดำรงอยู่ในโลกที่บิดเบี้ยว เต็มไปด้วยเกมที่บังคับและเดิมพันด้วยชีวิต
ในสภาพที่ไร้โครงสร้างสังคมเช่นนี้ ตัวละครแต่ละคนจึงถูกบีบให้ต้องหันกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “แท้จริงแล้วพวกเขาต้องการใช้ชีวิตอย่างไร และอยากเป็นใครกันแน่” นั่นทำให้ Borderland ไม่ได้เป็นเพียงสมรภูมิแห่งการเอาตัวรอด แต่กลายเป็น ‘สนามทดลองชีวิต’ ที่เปิดโอกาสให้มนุษย์ได้ทบทวนความหมายของการมีอยู่ นิยามตัวตนใหม่ และเลือกเส้นทางของตนเองได้ หลังจากบรรทัดฐานเดิมของสังคมถูกลบล้างไปจนสิ้น

ไพ่โจ๊กเกอร์ ผู้ควบคุมเกมที่ (อาจ) เป็นมากกว่าการหลอกลวง
ใน Alice in Borderland ไพ่ทุกใบล้วนมีความหมายเฉพาะตัว โดย ไพ่ดอกจิก (Clubs) มักเกี่ยวข้องกับเกมที่ใช้พละกำลัง ไพ่โพดำ (Spades) เน้นการใช้สติปัญญา ไพ่โพแดง (Hearts) เป็นเกมที่วัดกันด้วยอารมณ์และจิตใจ ส่วนไพ่ข้าวหลามตัด (Diamonds) มักสะท้อนถึงกลยุทธ์และการคำนวณ เมื่อมองเช่นนี้ การปรากฏตัวของ ไพ่โจ๊กเกอร์ ในตอนท้ายของเรื่องจึงเป็นสิ่งที่ชวนให้ตั้งคำถาม ว่าไพ่นี้จะสื่อถึงเกมแบบไหนกันแน่
หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ ไพ่โจ๊กเกอร์ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 ในฐานะไพ่พิเศษที่ใช้สำหรับเกม Euchre ก่อนจะถูกตีความแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม บางครั้งถูกมองว่าเป็น ‘ไพ่ตลก’ ที่คอยสร้างความสับสนหรือพลิกเกมโดยไม่คาดคิด แต่ในอีกด้านหนึ่ง โจ๊กเกอร์ก็เป็นเสมือน ‘ตัวนอกกฎ’ ที่ไม่ถูกจัดอยู่ในระบบใด ๆ จึงมักถูกเชื่อมโยงกับความลึกลับ อำนาจที่อยู่เหนือการควบคุม และการล้อเลียนความจริง [3]
ใน Alice in Borderland ฉบับมังงะ ไพ่โจ๊กเกอร์ถูกตีความในเชิงสัญลักษณ์ให้หมายถึง แครอน (Charon) ผู้คุมวิญญาณตามตำนานกรีก ที่ทำหน้าที่พาผู้ตายข้ามแม่น้ำสติกซ์ไปยังโลกหลังความตาย นี่จึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจไพ่โจ๊กเกอร์ในเรื่องนี้ว่า บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นแค่ไพ่พลิกเกม แต่คือผู้ชี้ขาดเส้นทางระหว่างการอยู่หรือไป ระหว่างโลกความจริงกับโลกบอร์เดอร์แลนด์ของผู้เล่นในซีซันสามก็เป็นได้
เมื่อมองในภาพรวม Borderland เองก็เปรียบเสมือนดินแดนก้ำกึ่งระหว่างโลกคนเป็นและคนตาย ตัวละครทุกคนล้วนมาติดค้างอยู่ในพื้นที่ว่างนี้เพื่อตัดสินชะตาของตน การที่โจ๊กเกอร์ปรากฏตัวขึ้นในช่วงท้าย พร้อมบทบาทสำคัญที่พาผู้เล่นบางคนกลับสู่โลก Borderland อีกครั้ง จึงคล้ายกับไครอนมาก ๆ การปรากฏตัวของไพ่นี้เลยชวนให้คาดเดาเหมือนกันว่า เนื้อเรื่องของซีซันสามจะเหมือนกับฉบับมังงะ หรือพาเราไปไกลกว่านั้นกันแน่
อ้างอิง
[1] The. (2009, May 7). Four horsemen of the apocalypse | Bible, Meaning, Revelation, Names, Colors, & Facts. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/topic/four-horsemen-of-the-Apocalypse
[2] Lowne, C. (2011, November 21). Walden | Summary, Transcendentalism, Analysis, & Facts. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/topic/Walden
[3] Parlett, D. (1998, July 20). Euchre | Rules & Strategy. Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/topic/euchre#ref891698