I feel it, I feel on overdrive
เปิดปีใหม่มาได้ไม่กี่อาทิตย์ แฟนคลับของ 'Jeff Satur' ก็ได้สนุกกับเพลงใหม่ล่าสุด ‘Ride or Die’ กันแบบเต็มสปีด ที่ว่าด้วยความรักร้อนแรง ท้าทาย และอันตรายของกลุ่มนักโจรกรรมเพชรยอดมงกุฏ ที่ดูไปดูมากลับเหมือนจะผสมกับการโจรกรรมใจ และยังเชื่อมไปถึงเรื่องราวสุดลึกลับของคาแรกเตอร์ ‘Sunshine’ (คาแรกเตอร์ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในเพลง Dum Dum) ที่อาจจะสันนิษฐานไปได้ว่าเป็นเหมือน Alter Ego ของเจฟด้วย
ตามประสา GroundControl พอได้ดู Mv. Ride or Die ของเจฟ (หลายรอบ) ก็เกิดไอเดียฟุ้ง ๆ เชื่อมโยงเนื้อเรื่องไปมาจนกลายเป็นบทความถอดรหัสสามสัญญะสำคัญ ทั้งอาการความจำเสื่อม การโจรกรรมมงกุฎ ไปจนถึงการปรากฎตัวของ Sunshine ตัวตนที่ดูจะมีพลังเหนือมนุษย์ไปไกลและน่าค้นหาสุด ๆ ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองเชิงจิตวิทยาอันน่าสนใจเกี่ยวกับรูปแบบความรัก ความสัมพันธ์ และตัวตนของมนุษย์
อย่างไรก็ตาม การตีความนี้เป็นแค่มุมมองส่วนตัวที่เราอยากหยิบมานำเสนอและชวนเม้ามอยไปด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้ฟันธงว่าเนื้อเรื่องต้องเป็นแบบนี้ ซึ่งถ้าใครมองเห็นอะไรดี ๆ ใน Ride or Die นอกเหนือจากนี้ ก็สามารถมาร่วมแชร์กันได้ใต้คอมเมนต์เลย
การลืมและการจำ เมื่อการลืมช่วยปกป้องใจ ส่วนการจำใหม่คือการปลดแอกอย่างสมบูรณ์
ความจำเสื่อมไม่ใช่แค่การ ‘ลืม’ แต่ในหลายกรณีสมองเลือกปิดกั้นความทรงจำเพื่อปกป้องจิตใจจากประสบการณ์ที่เจ็บปวด เช่น อุบัติเหตุ การถูกทำร้าย หรือพบเห็นความรุนแรง ทำให้คนคนนั้นหลงลืมบางเหตุการณ์ไปชั่วขณะ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาแค่กำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดในอดีตอันเป็นกลไกการป้องกันตัวเองที่เกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัว
ในฉากแรกของ Ride or Die เราจะเห็นได้เลยว่าตัวละครหลัก (เจฟ) ถูกหญิงสาว (รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง) เข้ามาสอบสวนด้วยการกระตุ้นความทรงจำให้เขาจำสิ่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งเราสามารถตีความอาการความจำเสื่อมชั่วคราวของเจฟใน Ride or Die ว่าเป็นกลไกการป้องกันตัว เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความทรยศที่เคยเกิดขึ้น การลืมจึงทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันที่ช่วยให้เขาสามารถอยู่รอดทางจิตใจได้ในช่วงเวลานั้น
เรายังมองว่าอาการความจำเสื่อมของเจฟสามารถสะท้อนถึงจิตใต้สำนึกที่พยายามลบความทรงจำที่สร้างบาดแผลทางใจ และเมื่อความทรงจำเริ่มกลับมา เขาก็ได้เผชิญหน้ากับความจริงเรื่องการทรยศ ทำให้ตระหนักว่าความสัมพันธ์นี้ไม่มีความหมายเหลืออยู่แล้ว และช่วยให้เขาปลดปล่อยตัวเองจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษได้ด้วย
ดังนั้น ‘การลืม’ และ ‘การจำ’ ภายใน Mv. เลยเป็นสัญญาณของกระบวนการเยียวยา ที่ทำให้เราเห็นว่าเจฟลืมเพื่อปกป้องจิตใจ และเมื่อเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงแล้ว สามารถจำทุกอย่างได้ จังหวะนั้นได้สื่อให้เห็นถึงการปลดแอกจากอดีตอย่างสมบูรณ์ แม้จะยังถูกพันธนาการอยู่ก็ตาม
Sunshine อีกหนึ่ง Alter Ego และภาพแทนตัวตนแบบ Higher Self ในจักรวาลซาเตอร์
การปรากฏตัวของคาแรกเตอร์ ‘Sunshine’ คือไฮไลต์ที่แฟนเพลงเจฟต้องกรี๊ดกันทุกคน เพราะเป็นคาแรกเตอร์ที่ดูร้ายและบ้าคลั่ง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเขาฉลาดไม่สนโลกจนน่าอิจฉา โดยคาแรกเตอร์นี้ได้ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในเพลง Dum Dum ซึ่งตามข้อมูลในหมู่แฟนเพลงเจฟ คาแรกเตอร์ Sunshine เป็นเหมือนกับอีกตัวตนหนึ่ง ที่สามารถสิงสู่ ครอบงำ ตัวตนอื่น ๆ ได้ เป็นเหมือนพระเจ้า ในจักรวาลคาแรกเตอร์ของเจฟ
ใน Mv. นี้ เรื่องราวของ Sunshine จะปรากฏในพาร์ทอดีตสีขาว-ดำ ตัดสลับกับพาร์ทปัจจุบันซึ่งเป็นเจฟในอีกเวอร์ชันหนึ่งที่เป็นนักโทษคดีโจรกรรมเพชร พอเห็นแบบนี้เราเลยรู้สึกว่า Sunshine เป็นเหมือน Alter Ego หรือ เธอคนนั้นคือฉันอีกคนของเจฟ และเป็นภาพแทนถึงตัวตนแบบ Higher Self ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป สังเกตได้จากพลังและบุคลิกของคาแรกเตอร์นี้ทั้งในเพลง Dum Dum และ Ride or Die ที่ดูสูงส่ง ไม่ยี่หระ ไม่ตาย ไม่พ่ายแพ้ และเป็นเหมือนผู้เฝ้ามองเหตุการณ์จากวงนอกในมุมมองที่เหนือกว่า สังเกตได้จากการที่เขามองพาร์ทปัจจุบันผ่านหน้าจอทีวีราวกับรู้เห็นทุกสิ่งและสนุกกับมัน นอกจากนี้ แม้ในพาร์ทอดีตจะถูกแทงและหักหลัง Sunshine ก็ยังไม่ตาย ตอกย้ำถึงความเป็นตัวตนที่ไม่มีวันพ่ายแพ้หรือถูกทำลาย
มงกุฎและการโจรกรรม สัญญะของอำนาจ การละเมิดขอบเขต และตำแหน่งแห่งที่ของความรัก
พอเห็น ‘มงกุฎ’ ก็สัมผัสได้เลยว่าความรักใน Ride or Die ต้องไม่ง่าย เพราะมงกุฎคือสัญญะแห่งอำนาจที่กษัตริย์หรือราชินีใช้ประกาศสถานะเหนือผู้อื่น เป็นจุดสูงสุดของลำดับชั้นที่แสดงถึงสิทธิ์ในการปกครอง และในขณะเดียวกัน มงกุฎก็ยังรายล้อมไปด้วยความขัดแย้ง การช่วงชิง โจรกรรม และการทำสงครามเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ สะท้อนถึงธรรมชาติของอำนาจที่มักสร้างทั้งความยิ่งใหญ่และความสูญเสียในคราวดียวกัน
ในเชิงจิตวิทยา มงกุฎสามารถสื่อถึง ‘ตำแหน่งแห่งที่’ (Positioning) ในความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนได้ด้วย โดยเราอาจเทียบการครองมงกุฎให้เป็นเหมือนเครื่องหมายของความเหนือกว่าในเชิงบทบาทและอารมณ์ระหว่างคนรัก เชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่อง ‘Dominance and Submission’ ดังนั้นเมื่อมีมงกุฎเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องราว เราจึงสามารถมองเห็นสัญญะของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยการต่อรอง ควบคุม แข่งขัน และบทบาทที่ไม่เท่าเทียมกัน
เราสามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจนในเนื้อเรื่องของ Ride or Die ทั้งในพาร์ทอดีต (ภาพขาว-ดำ) และพาร์ทปัจจุบัน มงกุฏอันเดียวกันนี้ได้เป็นต้นเหตุของการแย่งชิงมาโดยตลอด ซึ่งการแย่งชิงและโจรกรรมมงกุฎไม่เพียงสะท้อนถึงความต้องการครอบครองเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงการละเมิดขอบเขตและความไว้วางใจในความสัมพันธ์ได้ด้วย
มงกุฎและการโจรกรรมในเนื้อเรื่องเลยแสดงถึงสถานะเหนือกว่าในเชิงอำนาจของคู่รัก และยังสะท้อนความซับซ้อนของตัวละครที่ต้องต่อสู้กับอดีตและความขัดแย้งในตัวตน ผ่านการแย่งชิงและภาพความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล ความซับซ้อน และการดิ้นรน เพื่อหาตำแหน่งแห่งที่ในหัวใจของอีกฝ่ายได้ด้วย