การต้านความชราและการแปดเปื้อนของมนุษย์

Art
Post on 13 November

จากการโบท็อกซ์และศัลยกรรมพลาสติกที่พบเห็นได้เต็มไปหมด จนถึงการพยายามต่อต้านความชราแบบแหวกแนวและสุดโต่ง ศิลปิน ลินน์ เฮอร์ชแมน ลีสัน (Lynn Hershman Leeson) เขียนสะท้อนความคิดว่าด้วยความหมกมุ่นของมนุษย์ที่มีต่อความเยาว์วัยและความเป็นอมตะ ในขณะนี้ที่เซรั่มพัฒนามาถึงจุดที่สร้างขึ้นจากดีเอนเอของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ เทคโนโลยีเหล่านี้ล่วงล้ำไปไกลกว่าการดัดแปลงชีวภาพของมนุษย์ในระดับพื้นผิวแล้ว แต่ภารกิจแสวงหาความเป็นอมตะที่มีมาแต่โบราณกาลกำลังจะจบลงแล้วหรือไม่? มีคำถามอะไรที่เราควรจะต้องถามบ้าง?

จากการร่วมมือระหว่าง Protodispatch และ Lux Magazine
โดย ลินน์ เฮอร์ชแมน ลีสัน (Lynn Hershman Leeson)

ลินน์ เฮอร์ชแมน ลีสัน (Lynn Hershman Leeson) คือศิลปินผู้ทำงานอยู่กับการเป็นตัวของเธอเองมาตลอดเส้นทางอาชีพ เธอสำรวจการเปลี่ยนแปลงของตัวเองมาตลอด 83 ปี ท่ามกลางความคาดหวังที่ทั้งแปลกประหลาดและไม่สมจริงของสังคมที่มีต่อผู้หญิง เธอใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโก จึงทำให้ใกล้ชิดกับ ซิลิคอนแวลลีย์ (Silicon Valley) [แหล่งรวมเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรมในสหรัฐฯ] มุมมองการตีความของเธอเรื่องพัฒนาการทางเทคโนโลยีตั้งแต่เอไอ ไปจนถึงเทคโนโลยีชีวภาพ ได้สร้างชื่อเสียงของเธอในฐานะนักวิเคราะห์ที่เฉียบคมเกี่ยวกับพัฒนาการ หรือการไม่พัฒนา ของวัฒนธรรม

ในบทความซึ่งมาจากความร่วมมือระหว่าง Lux Magazine และ Protodispatch นี้ เฮอร์ชแมน ลีสัน กล่าวถึงแนวคิดเบื้องหลังผลงานชุดหนึ่งที่อุทิศให้กับการต่อต้านความชรา ความหมกมุ่นที่ย้อนกลับไปถึงการแสวงหาจอกศักดิ์สิทธิ์ที่มาแห่งความเป็นอมตะ

—บรรณาธิการ

Lynn Hershman Leeson, Make Me Look Natural, 2013. Archival pigment print and acrylic on canvas. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

Lynn Hershman Leeson, Make Me Look Natural, 2013. Archival pigment print and acrylic on canvas. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

การหลงตัวเองเป็นคำอธิบายง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นศิลปินที่ใช้ภาพของตัวคุณเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันใช้ตัวเอง ในฐานะพาหนะหนึ่ง

ตั้งแต่ช่วง 1973 - 1978 ฉันสร้างตัวตนสมมติชื่อ โรเบอร์ตา ไบรท์มอร์ (Roberta Breitmore) ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับผลงาน "Roberta's Construction Chart" ที่แสดงใบหน้าของ Roberta พร้อมคำอธิบายว่าเธอแต่งหน้าอย่างไรและเธอปฏิบัติตัวอย่างไร ในที่ทำงานหรือที่บ้าน มันเผยให้เห็นว่าใบหน้าของเธอเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาไปอย่างไร และเธอทำอะไรบ้างเพื่อพยายามรักษาความเยาว์ไว้ แต่ฉันไม่คิดว่ามันได้ผล (การรักษาความเยาว์) และฉันก็ยังคิดเช่นนั้น ฉันไม่เคยเห็นใครที่ดูอ่อนวัยลงจริง ๆ เพราะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือการผ่าตัด พวกเขาแค่ดูแตกต่างออกไป

เมื่อ 10 หรือ 12 ปีที่แล้ว ฉันคิดเกี่ยวกับความเป็นอมตะที่แท้จริง และความสำคัญของการวิศวกรรมพันธุกรรมที่มีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมนุษยชาติ เพราะมันมีศักยภาพในการสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่และเปลี่ยนแปลงพวกเราถึงขั้นพื้นฐาน ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างระดับเซลล์ นักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการใช้ดีเอนเอของเด็กสร้างอวัยวะใหม่แล้ว แพทย์สามารถสร้างอวัยวะเหล่านี้ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติและใส่เข้าไปในร่างกายมนุษย์ได้ด้วย

Lynn Hershman Leeson, Time Frame 2, 1984. Hand painted Polaroid. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

Lynn Hershman Leeson, Time Frame 2, 1984. Hand painted Polaroid. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

ในขณะที่ฉันกำลังศึกษาปรากฏการณ์นี้ ฉันได้รับเชิญให้ไปทำโครงการที่ House of Electronic Art ในเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2018 ฉันตัดสินใจเปลี่ยนพิพิธภัณฑ์ให้กลายเป็นห้องปฏิบัติการพันธุวิศวกรรม โดยทำงานร่วมกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในท้องถิ่น ที่ประกอบไปด้วยนักชีวเคมีอย่าง ดร. Thomas Huber ข้อค้นพบจากการทำงานในห้องปฏิบัติการของเรานี้น่าทึ่งมาก เราสามารถสร้างแอนติบอดีที่สามารถ "ระบุ เปิดเผย และต่อสู้กับเหล่าสารพิษในระบบไหลเวียนโลหิต" [1] ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพระดับยักษ์ใหญ่อย่าง Novartis ก็ยังไม่สามารถผลิตได้เลย หลังจากนั้น ฉันได้พบกับนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ เช่น ดร.จอร์จ เชิร์ช (George Church) (บิดาแห่งชีววิทยาสังเคราะห์) ดร. แอนโธนี อาทาลา (Anthony Atala) (ผู้คิดค้นเครื่องพิมพ์ชีวภาพ) และ ดร. อลิซาเบธ แบล็กเบิร์น (Elizabeth Blackburn) (ผู้แยกสารเทโลเมียร์ (telomere) หรือยีนแห่งความชราออกจากยีนอื่น ๆ) ในแง่หนึ่ง พวกเขาทุกคนทำงานอยู่กับความเป็นอมตะและการต่อต้านความชรา ตั้งแต่งานที่ต่อสู้กับผลกระทบอันร้ายแรงของน้ำปนเปื้อนที่มีต่อช่วงชีวิตของร่างกายมนุษย์ ไปจนถึงงานที่เผชิญหน้ากับความทะนงตนของมนุษย์อย่างชัดเจน [2]

โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ และการศัลยกรรมใบหน้า อาจเปลี่ยนรูปลักษณ์ของคุณได้ แต่สิ่งที่โรเบอร์ตาค้นพบ คือไม่มีผลิตภัณฑ์ใดเลย ที่จะยับยั้งความชราไว้ได้จริง อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ก็ได้ใช้ดเอนเอของพวกเรา สร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนเซลล์ที่แก่ชราแล้ว เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่เด็กกว่าของตัวมันเอง นี่ไม่ใช่แค่พัฒนาการทางด้านหลักการ จากความพยายามที่จะหยุดยั้งผลกระทบจากการใช้ชีวิตในระดับผิวเผินหรือเพียงด้านศัลยกรรมเท่านั้น แต่มันเป็นความพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลงระดับเคมีและชีววิทยา มันคือการก้าวกระโดด

Lynn Hershman Leeson, Eternally yours, 2023. Unique anti-aging powder, syringes, specially designed refrigerator, mirror plexiglass, framed order form. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

Lynn Hershman Leeson, Eternally yours, 2023. Unique anti-aging powder, syringes, specially designed refrigerator, mirror plexiglass, framed order form. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

ตั้งแต่ช่วงปี 2015 เซรั่มที่มีส่วนผสมของพวกเซลล์อ่อนวัยแบบเฉพาะสำหรับดีเอนเอนั้น ๆ เริ่มถูกผลิตขึ้นและฉีดเข้าไปในร่างกายของผู้ทดลอง [3] ฉันสนใจที่จะสร้างเซรั่มแบบนี้จากดีเอนเอของตัวเอง แต่เซรั่มที่ทำจากดีเอนเอของมนุษย์นั้นยังไม่มีให้ใช้ในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป มันมีการทดลองกับแมวและหนูมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการทดลองกับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม มันเพิ่งถูกนำมาใช้กับมนุษย์ในประเทศจีน พวกเขากำลังฉีดซีรั่มเหล่านี้เข้าไปในผู้คนที่นั่น ฉันยังไม่สามารถหาเอกสารใดๆ มาศึกษาเกี่ยวกับผลลัพธ์ของมันได้

ฉันคิดว่าการทำประติมากรรมจากขวดเซรั่มแช่เย็นที่ทำจากดีเอนเอของฉันเอง — เป็นความหลงตัวเองนั่นแหละ — จะช่วยให้เราคิดถึงคำถามสำคัญ ๆ ได้ ฉันส่งตัวอย่างดีเอนเอของฉันไปยังห้องปฏิบัติการในจีน และพวกเขาส่งขวดเซรั่มกลับมา และตอนนี้มันกลายเป็นประติมากรรม Eternally Yours (2023) เซรั่มนี้มีเซลล์อ่อนวัยที่จะสามารถเริ่มต้นการแก่ชราลงใหม่ได้ หากฉันฉีดมัน ฉันคงไม่ทำแบบนั้น แต่ฉันอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ใช้เซรั่มนี้เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะหยุดใช้มันได้หรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาหยุด พวกเขาจะรู้สึกแปลกแตกต่างไปไหม ชีวิตจะสามารถยืดยาวออกไปได้จริงไหมด้วยวิธีต่อต้านความชราแบบนี้ แล้วจะยืดไปได้นานแค่ไหน ผลงานชิ้นนี้เป็นบันทึกแห่งช่วงเวลา ที่โอกาสแห่งการไม่แก่ชรากำลังเผยโฉมมันออกมา และในขณะเดียวกัน มันก็ส่งเสียงร้องเรียกการประเมินครั้งใหม่: เราอาจได้แปดเปื้อนโลกใบนี้จนมันเกินการเยียวยาแล้ว ในขณะที่เรากำลังจะพบสัมผัสกับชีวิตอันไม่มีที่สิ้นสุด สปีชีส์ของเรา และโลกของเรา กำลังจบชีวิตลงหรือไม่

Lynn Hershman Leeson, Pin Cushion, 2010. Archival inkjet print, paint, pins on paper. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

Lynn Hershman Leeson, Pin Cushion, 2010. Archival inkjet print, paint, pins on paper. ©Lynn Hershman Leeson, Courtesy of the artist and Bridget Donahue, NYC. Photos by GC Studio

Footnotes:

  1. From my forthcoming book about my work, which is untitled as of yet.

  2. See https://www.live.novartis.com/... regarding the innovations that emerged from the project in which I collaborated with Dr. Thomas Huber, and this article https://futurism.com/neoscope/biotech-startup-antiaging-gene-therapy-dementia- about a far less ethical project.

  3. https://www.newyorker.com/maga...