อย่าให้ศิลปะมาบดบังภูติผี: เก็บตกบันทึกภาคสนามจากเทศกาล Ghost 2568

Post on 24 November 2025

(21 พฤศจิกายน 2568)
หลังผ่านไปสักพัก เราอาจเริ่มชาชินและลืมไปว่า การเข้าสู่ “โลกศิลปะ” คือการออกจากโลกเดิมที่เราอยู่ และก้าวเข้าสู่ “โลก” ใหม่อย่างแท้จริง ทิ้งกฎเกณฑ์เก่าแล้วพบกฎใหม่ ปรับตัวเข้ากับ “ธรรมชาติ” แบบใหม่ และยอมรับกรอบความคิดใหม่ที่จำกัดมุมมองแทนกรอบเดิม

ไม่ว่าผู้คนจะเป็นอะไรมาก่อน เราจะเรียกพวกเขาว่า “ผู้ชม” ในเขตแดนศิลปะ ไม่ว่าสิ่งที่พวกเขาเผชิญจะเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ พลังงาน อวัยวะ หรือร่างอวตารใด ๆ ผนังสีขาวและฟีดข่าวก็พร้อมสวมหมวกให้สิ่งเหล่านั้นเป็น “ผลงานจัดแสดง”

การเขียนถึงเทศกาล Ghost 2568 ของเรา จึงเดินควบคู่กับความสงสัยว่า เราจะเรียกมันว่า “เทศกาลศิลปะ” หรือ “เทศกาลผี” ได้พร้อมกันหรือไม่ หากโลกทั้งสองใบนี้กำลังต่อสู้เพื่อให้ปรากฏต่อการรับรู้ของผู้คน

ไม่กี่เดือนก่อน สายมูหลายคนเศร้าเมื่อ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ไม่จัดเทศกาลคเณศจตุรถี ทำให้ไม่สามารถวางของไหว้บนโต๊ะหน้า “พระพิฆเนศนั่งทับกะโหลก” อันโด่งดัง หลังจากจัดงานในปีก่อน ๆ … ไม่กี่ปีที่ผ่านมา โซฟีลีน เจียม ชาร์ปิโร ครูนาฏศิลป์กัมพูชา ถูกไล่ออกจาก The Met เพราะรำหน้าเทวรูป ก่อนที่ชาวเน็ตไทยจะโจมตีว่าเธอไม่รู้กาลเทศะ

ความรุนแรงบางอย่างดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ กำหนดให้บางสิ่งเป็นเพียงวัตถุ “ศิลปะ” ไม่ใช่วัตถุทางจิตวิญญาณ

Ghost 2568 ปรากฏตัวขึ้นไม่ใช่ในฐานะงานจัดแสดง แต่เป็น "ระเบียบวิธี" ที่เราจะสัมผัส "งานศิลปะ" ในอีกสถานะของพวกเขา; มองพวกเขาอย่างภูติผี เคารพพวกเขาอย่างภูติผี และใช้ชีวิตอยู่ในจักรวาลแห่งภูติผีร่วมกับพวกเขา

(15 ตุลาคม 2568)
สัปดาห์ก่อนที่ประเทศไทยจะถวายอาลัยพระพันปีหลวง ผู้คนหลายร้อยคน บางชุดดำ บางชุดแสบซ่า มารวมตัวกันที่ บางกอก ซิตี้ซิตี้ แกลเลอรี่ ในคืนเปิดเทศกาล

ห้องขาวสว่างฝั่งหนึ่งเป็นประตูสู่จักรวาล IWANNABANGKOK© Verse พาไปพบ “เจ้าแม่นมสามเต้า” เทพีต่างดาวจากตำนานสามภาค ปรากฏอยู่ในเกมตู้สามเกม

ห้องอีกฝั่งซึ่งมืดกว่ามาก กลายเป็น “ระบบนิเวศมีชีวิต” ในงานจัดวาง ‘Patience’ ของแดน ลี (Dan Lie) เต็มไปด้วยกลิ่นเขียวหวาน เสาสูงปกคลุมด้วยดอกไม้ บรรยากาศมัวสลัวทำให้ผู้ชมต้องเคลื่อนตัวด้วยความระมัดระวัง อัฒจันทร์จ้องมองดอกไม้ ก่อนที่บทบาทจะสลับกัน ดอกไม้จ้องผู้ชม เมื่อมันกลายเป็นเวทีแสดงในโปรแกรมดนตรี “ขอให้เราได้กลายเป็นเพลงของผี”

ความเข้าใจระดับแรกของเราต่อธีมปีนี้ Wish We Were Here หรือ “หากเราได้อยู่ด้วยกัน” คือการรวมตัวอยู่ต่อหน้าและใช้เวลาแบบร่วมกัน และในระดับต่อ ๆ มา มันเหมือนรวมตัวเพื่อแทรกแซง ต่อต้าน และสร้างสัมพันธ์ระหว่าง “สิ่ง” ต่าง ๆ ใหม่ในจักรวาลทางเลือก เปิดหรือคืนมุมมองที่ไม่ใช่ทางหลัก? ไม่ปกติ? กระแสรอง? หรือเป็นเรื่องภูมิปัญญาโบราณ เรื่องศรัทธา และความทรงจำ ไม่ได้อยู่อย่างยิ่งใหญ่เป็น “ความรู้” “ศาสนา” หรือ “ประวัติศาสตร์”

การแสดง Vajranala ของ Senyawa เต็มไปด้วยเสียงรบกวน แตกพร่า และดังลั่นจากแรงสั่นในลำคอและการตีสายเหล็กบนเครื่องดนตรีดัดแปลง แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง “วัตถุ” กับมนุษย์ในจักรวาลของพวกเขา แม้ยังไม่ทันอ่านคำอธิบายงานว่าแรงบันดาลใจมาจากตำนานและเรื่องเล่ารอบ Brojonalan, Borobudur แต่แค่จินตนาการว่าถ้าบราเธอร์คาธอลิกชุดขาวเดินหลงเข้ามาในโชว์ เขาจะรู้สึกหรือคิดอย่างไร แค่นี้ก็สนุกและน่าตื่นเต้นแล้ว

เราจินตนาการต่อ… ความรู้สึกของมิชชันนารีคนขาวเมื่อพบกิจกรรมทางจิตวิญญาณในยุคก่อนอินเทอร์เน็ตจะเป็นอย่างไร? หรือสัญลักษณ์ของชาติที่มองมายังพิธีกรรมสามัญชน ฝังลงบนพื้นที่ใจกลางงานรัฐงานหลวง จะทำให้ใครสั่นสะเทือนบ้างหรือไม่?

(17 ตุลาคม 2568)
ความรุนแรงต่อผี อาจคล้ายกับความรู้สึกเวลาคนคลอดออกมาบนโลกผ่านห้องขาวสว่าง ที่เต็มไปด้วยเครื่องมือและยาที่คนธรรมดาแทบอ่านชื่อไม่ออก เป็นมาตรฐานที่ถือว่า “ถูกต้อง ดี และงาม” เท่านั้น และทำให้การ “อยู่ไฟ” ในกระท่อมธรรมชาติ ท่ามกลางกลิ่น เสียง ละอองความชื้น และสัมผัสตามศาสตร์หมอตำแย กลายเป็นสิ่งผิดปกติไม่ใช่ “การแพทย์” หรือถ้าเป็น ก็ถือว่าอยู่ในโลกโบราณ ไม่ใช่ปัจจุบัน

แต่รอยยิ้มอ่อนโยนและเบิกบานของ ธาริณี เกรแฮม ในภาพขาวดำ กระท่อมจำลอง เสียงกระดิ่ง กลอง และนกที่ผสมผสานกันระหว่างงานจัดแสดงและพื้นที่โดยรอบ ถ่ายทอดความอบอุ่นและชีวิตชีวา

งาน ‘holding the world between’ โดย ธาริณี เกรแฮม, โรซาเลีย น้ำใส เอ่งฉ้วน, เอ็มจา, แสงฟ้า, เดอะซาวด์นิวทริชั่นนิส, ไทยรัฐ ลิ้ม และ ชุมชนอนุรักษ์นวัตวิถี บ้านเจ้าไหม ที่บ้านเทเวศร์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของแม่และลูกในช่วงเวลานั้นอย่างหนักแน่นและแผ่วเบา: ยืนยันชัดเจนว่า นี่ไม่ใช่นิทรรศการวิทยาศาสตร์หรือแผ่นพับแจกตามโรงพยาบาล แต่เป็นประสบการณ์เฉพาะตัวที่ต้องเงี่ยหูฟังใกล้ ๆ จึงจะเข้าใจ ซึ่งชอบธรรมได้ด้วยตัวเอง

(12 พฤศจิกายน 2568)
นี่อาจเป็นความรุนแรงชนิดเดียวกับที่สร้างกำแพงกั้นพญานาคหรือเควียร์ ทำให้บางคนเข้าถึงพุทธศาสนาได้ไม่เท่ากับชายหนุ่ม ความรุนแรงที่ถูกสาดใส่ แต่ก็เปิดทางให้วิญญาณหลายดวงหาที่พักพิง

คืนนี้ที่บ่อพญานาค ในงาน ‘18 Personae: Building Naga’s Sanctuary in Sathorn’ ร่างขาวโพลนเคลื่อนจากริมถนนเข้าสู่บ่อ ซึ่งก่อขึ้นจากพลังงานของวิญญาณหลายดวง ร่างนั้นอยู่ท่ามกลางแผ่นกระเบื้องเล็ก ๆ ดอกไม้ที่นอนอยู่เบา ๆ บนเรือนร่าง เสียงกลอง เสียงแคน และน้ำที่เดินทางมาจากนครสวรรค์ ผสมผสานสร้างบรรยากาศเฉพาะตัว

บางครั้ง การรวมตัวดูเหมือนง่าย หากเราหาประตูเข้าสู่โลกเดียวกันเจอ
แต่บางครั้งก็ยากลำบาก หากประตูบานนั้นถูกทำลาย หรือแย่กว่านั้น… อยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่มีใครมองเห็นว่ามันมีอยู่จริง

(25 ตุลาคม 2568)
ความรุนแรงที่ทำให้ผืนแผ่นดินเปื้อนด้วยความทรงจำแห่งการพลัดพราก สร้างวงจรจิตวิญญาณของการต่อต้านไม่รู้จบ การลืมตาจากความมืดกลายเป็นการเดินทางอัดแน่นไปด้วยความโกรธ การอดทน หรือการโอบอุ้มที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพลิกโลก

ในวิดีโอจัดวาง ‘A Night We Held Between’ ที่ หอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน ศิลปินปาเลสไตน์ นูร์ อาเบ็ด (Noor Abed) ถ่ายทอดถ้ำ โพรง และผืนดิน ให้เห็นจักรวาลที่ “ล่องหน” แต่สัมผัสได้อยู่ในนั้น ทุกสัมผัส เปลวไฟที่เจาะชั้นความมืด มือที่แตะผิวถ้ำ แก้มที่สัมผัสกัน หยดน้ำที่สร้างหินงอกหินย้อยตามจังหวะ การเคลื่อนไหวดั่งพิธีกรรมที่ทั้งอุ้มไว้และปล่อยไป คือการเดินทางอีกมิติ หนึ่งขนานไปกับการเดินทางจากพระอาทิตย์ขึ้นถึงตก หรือระหว่าง “บ้าน” กับปลายทาง

พระเจ้าอาจมองเห็นเราได้จากทุกที่ แต่จิตวิญญาณเช่นนี้เกิดขึ้นเฉพาะเจาะจง กับแบบแผนของแต่ละท้องถิ่น

Noor Abed, ‘A Night We Held Between’ (2024). Film still. Courtesy the artist.

Noor Abed, ‘A Night We Held Between’ (2024). Film still. Courtesy the artist.

(26 ตุลาคม 2568)
สำหรับบางคน เต็นท์ศูนย์ข้อมูลพร้อมลำโพงกระจายเสียงในงาน ‘CAPITAL COMPLEX’ ของ ธนัช ธีระดากร ที่หน้าหอศิลปกรุงเทพฯ อาจดูเหมือน “ลิเกเสียดสี██” ที่ต้องถูก “สังเกตการณ์—ปิดล้อมพื้นที่—ควบคุมสถานการณ์” อยู่เสมอ ราวกับว่าภูติผีหรือจิตวิญญาณของบางสิ่งบางอย่าง แค่มีร่างปรากฏขึ้นมาก็กลายเป็นเรื่องต้องห้าม

ใครกันที่เคยบอกว่าสุนทรียศาสตร์แบบ “ไม่ค่อยรู้เรื่อง” จะไม่กระเทือนจักรวาลภูติผีทางการของชาติ?
คำว่า Act – Observe – Orient – Decide (ลงมือ–สังเกต–ปรับตัว–ตัดสินใจ) ที่ปรากฏอยู่ในงาน จะหมายถึงอะไรสำหรับพวกเขากันแน่?

แผนที่ด้านหลังเต็นท์ที่ชวนเรา “ท่องเที่ยว” ไปพบภูติผีในประวัติศาสตร์ไทย ยังไม่ทันได้หลอกหลอนนักท่องเที่ยวใจกลางเมืองสยามอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ นี่อาจเป็นการแทรกแซงทางศิลปะที่เด่นชัดที่สุด ไม่ใช่เพียงการเสนอแนวคิดลอย ๆ หรือปรากฏการณ์นามธรรม แต่คือการยืนร่างขึ้นจริงในพื้นที่สาธารณะ

และนั่นยิ่งชี้ว่า ผลงานอื่น ๆ ที่ “สิงร่าง” อยู่ทั่วงานครั้งนี้ ล้วนเป็นการแทรกแซงเหมือนกัน ทั้งในแบบที่เห็น และแบบที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกพลังงานที่ไหลผ่าน

(16 พฤศจิกายน 2568)
การฉายหนังเหมือนเป็นคำตอบหนึ่งต่อเหตุการณ์ไม่น่าพึงประสงค์มากมายที่เกิดขึ้นบนถนนพระราม 2 ถนนที่แม้ไม่เคยผ่านไปก็รับรู้ได้ถึงความไม่ปกติของการก่อสร้าง ค่ำคืนนั้นมีจอฉายหนังขนาดใหญ่หันหน้าออกถนน ตั้งอย่างจริงจังหน้าศาลเจ้าแม่งูจงอางและลูก เพื่อถวายหนังให้ท่าน

ในงาน ‘18 Personae: Three Screens, Competing Visions at Mother Snake’s Shrine’ — “พวกเขากำลังจับจ้อง” ศาลเจ้าฉายหนังในแบบของเขาตามปกติ หนังที่ว่าด้วยงูทั้งหลาย

พี่มอเตอร์ไซค์ที่มาส่งบอกให้ดูดี ๆ ที่หน้าต่างศาล เพราะมีงูอยู่เต็มไปหมด แต่ที่มองเห็นกลับเป็นป้ายประกาศที่ทำให้สับสน: “ขออนุญาตชี้แจงเรื่องจริง” (จอเก่าดั้งเดิม) จึงพบว่าข้าง ๆ ศาลเจ้าใหญ่ยังมีหนังอีกสองจอหันออกสู่ถนนเหมือนกัน จอหนึ่งประกาศว่า “ของจริง” แต่กลับถูกกันออกจากศาล อีกจอหนึ่งมีที่นั่งสบายที่สุด ค่าเช่าฉายถูกที่สุด(?) แต่ก็ต้องต่อสู้กับป้ายของศาลใหญ่ที่ยืนยันว่านี่ไม่ใช่ของแท้ตามทางการ

—ที่นี่หนังก็เหมือนไข่… มีไว้ถวายเจ้าแม่งูจงอาง มากกว่าจะไว้ดื่มด่ำประสบการณ์ หรือตีความเนื้อหาที่ปรากฏ
แล้วภัณฑารักษ์จะ “ดูแล” มันอย่างไร ให้ได้ดีที่สุดในโลกนั้น (ถ้าอยากยังนึกถึงภัณฑารักษ์อยู่) ผู้ชมที่คาดว่าจะมาดูเขามีหน้าตาอย่างไร และเรื่องราวในนั้นจะมีความหมายแตกต่างออกไปอย่างไรบ้างจากในโรงหนัง—

หันกลับเข้าไปในศาลใหญ่ก็เห็นทั้ง ตี่จู๋เอี๊ยะ, เทพแบบฮินดู, และสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายเรียงรายอย่างไม่แบ่งเขตแดน

เป็นไปได้ไหมที่เราเคารพ “โลกทุกใบ” ในพื้นที่นี้ได้เท่า ๆ กัน?
เป็นไปได้ไหมที่โลกทั้งหมดจะอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่แค่เชิงกายภาพ แต่เชื่อมถึงกันในระดับจิตวิญญาณ โดยไม่มีใครอยู่เหนือใคร?

และเป็นไปได้ไหมที่จะถามคำถามนี้โดยไม่ดูเป็นคนเบียวปรัชญา หรือคนที่เข้าใจผิดว่าทุนนิยมหรือคอมมิวนิสม์หาจุดลงตัวร่วมกันได้ ทั้งที่โลกหนึ่งกำลังกลืนอีกโลกด้วยพลังการค้า หรือบอกว่าทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี ทั้งที่ “ความดี” ในบางระบบคือการเปิดกว้างต่อเทพหลากหลายหน้า (ซึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาอะไรเลยถ้างั้น)

ใน ‘A Self-Induced Hallucination’ หนึ่งในภาพยนตร์พิเศษของค่ำนั้น Jane Schoenbrun ยำภาพแปลกประหลาดจากอินเทอร์เน็ต สเลนเดอร์แมน เนิร์ด ผีในเกม การ์ตูนพิสดาร วนกลับไปสู่คำถามพื้นฐานของการกำเนิดภูติผี และตอกย้ำว่า “คติชน” เกิดขึ้นได้จากความเข้าใจร่วมของชุมชน หรืออาจต้องการมากกว่านั้น ความเคารพ? การยอมรับ? หรืออำนาจบางอย่างที่กำหนดมาตรฐานขึ้นมา?

คำถามเหล่านี้ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ “ชุมชน” เองก็ไม่ได้ตายตัว ไม่ใช่แค่ชาวพระรามสอง ไม่ใช่แค่ชาวพุทธ ชาวจีน ชาวพญานาค หรือชาวไทย หรือหนัง หรือไข่... เราทุกคนมาอยู่ในจักรวาลเดียวกันได้อย่างไร จักรวาลแห่งความรัก ความเคารพ และการถวายตัว ค่ำคืนนั้น ท่ามกลางเสียงลมแรงจากรถที่วิ่งผ่าน

งานอย่าง 'Still on My Mind' (จิตริน วุฒิพันธุ์) และ 'No history in a room filled with people with funny names 5' (กรกฤต อรุณานนท์ชัย) แสดงให้เห็นว่าจักรวาลไทย ๆ ฉบับที่เราอาศัยอยู่ด้วยกันนี้มีพื้นผิวที่ออกจะน่าขนลุกได้แค่ไหน เมื่อมันหลอมรวมประชากรในพรมแดนแห่งหนึ่งให้ถวายกายเข้าสู่สักขั้นในลำดับชั้น ที่หุ้มเปลือกนอกด้วยกฎหมายห้ามการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย█████

และโลกแห่งธุรกิจ ก็มาท้อนซับกับโลกแห่งศรัทธา พร้อมกับที่ซ้อนทับอยู่กับโลกศิลปะ…
ชั้นบาง ๆ ที่ซ้อนกันเหล่านี้ส่งผลต่อสีที่เราเห็น จนแค่กระบวนการพยายามคลี่ชั้นทั้งหมดนั้นด้วยตัวเองก็ยังดูไม่น่าไว้ใจ

(21 พฤศจิกายน 2568)
ความรุนแรงที่มากมาย ยิ่งใหญ่ และกว้างขวางเกินกว่า “ผู้ชมคนหนึ่ง” จะสัมผัสได้ทั้งหมดภายในไม่กี่สัปดาห์ความรุนแรงที่สืบเนื่องจากอาณานิคม ประวัติศาสตร์ราชาชาตินิยม วิทยาศาสตร์แบบตะวันตก และบรรทัดฐานทางเพศอันคับแคบ พลังทั้งหมดนี้ยังคงดำรงอยู่ควบคู่กับการคัดสรรงานศิลปะในครั้งนี้

Ghost 2568 เรียกร้องให้เราคืนจิตวิญญาณให้กับศิลปะ หรืออาจถูกยิ่งกว่า ถ้าบอกว่า คืน “งานศิลปะ” ไปสู่โลกทางจิตวิญญาณอีกครั้ง
มองมันด้วยมาตรฐานนั้น ด้วยพจนานุกรมในภาษานั้น และด้วยกฎเกณฑ์ของจักรวาลนั้น

เราอาจสัมผัสความรุนแรงได้เพียงเสี้ยว แต่เราพยายามพูดถึงมันจากเสี้ยวที่เราได้รู้สึก และปล่อยพื้นที่อีกมากมายไว้ให้ความเป็นไปได้ที่เราไม่มีวันเข้าถึง

เพราะสิ่งที่เราทำคือการ “แปล” ประสบการณ์จากโลกที่เราไม่รู้จัก แล้วพยายามทำความเข้าใจร่วมกัน โดยเข้าใจดีว่าไม่มีวันที่เราจะเข้าใจทุกโลกเหมือนที่มันเป็นจริงทั้งหมด

โลกศิลปะคือประตูที่พาเราไปพบว่า ภูติผีไม่ใช่เพียงสิ่งตกค้างจากอดีต แต่คือมิติทางจิตวิญญาณที่อยู่พร้อมกับเราตอนนี้ และเราต้องพยายามอย่าให้ศิลปะบดบังภูติผี อย่างที่มันเกือบเกิดขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

Ghost 2568: หากเราได้อยู่ด้วยกัน
อิดิชั่นสุดท้ายของ Ghost ซีรีส์ผลงานวิดีโอและศิลปะการแสดง
กรุงเทพฯ ประเทศไทย
15 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน 2568
คิวเรทโดย อามาล คาลาฟ
ร่วมกับ คริสติน่า ลี, กรกฤต อรุณานนท์ชัย, และ พงศกรณ์ ญาณะณิสสร