ไม่เคยว่างเว้นจากพื้นที่สื่อเลยจริง ๆ สำหรับแฟชั่นเฮาส์ชื่อดังอย่าง BALENCIAGA ที่มักมี ‘คอนเทนต์’ แปลก ๆ มาเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าชาวเน็ตกันมาตลอดหลายปี ไม่ว่าจะเป็นถุง IKEA กระเป๋าสายรุ้ง ชุดเทปกาว หรือรองเท้าผ้าใบขาดรุ่งริ่ง (ที่ทั้งหมดนี้ถูกขายในราคาสูงลิ่ว) จนหลาย ๆ คนถึงกับต้องอุทานออกมาว่า “นี่มัน social experiment ชัด ๆ !”
แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า แบรนด์ดังภายใต้การนำทีมของ Demna Gvasalia จะข้ามเส้นคำว่า social experiment ไปไกลโข เมื่อรอบนี้ชื่อของ BALENCIAGA ถูกโยงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นการสนับสนุนการใคร่เด็กจนโดนผู้คนออกมาต่อต้านกันเป็นวงกว้าง
เรื่องราวฉาว ๆ ทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นราวกลางพฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อแบรนด์หรูปล่อยภาพแคมเปญ BALENCIAGA Gift Shop ออกมาบนหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแบรนด์ โดยปรากฏเป็นภาพของเด็กน้อยหลายคนกำลังยืนอยู่ในห้องที่มีข้าวของเครื่องใช้เรียงรายอยู่เต็มไปหมด ปัญหาอยู่ที่ว่า เด็ก ๆ เหล่านี้ไม่ได้ยืนอยู่เฉย ๆ แต่กลับกำลังถือกระเป๋าตุ๊กตาหมีในชุดสไตล์ BDSM (มาครบทั้งตาข่าย สายรัดหนัง กุญแจ ฯลฯ) ที่แม้จะเคยอวดโฉมบนรันเวย์ของแบรนด์มาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ดูแล้วไม่น่าจะเหมาะสมเท่าไหร่ที่จะให้ข้าวของที่สื่อถึงสัญลักษณ์ทางเพศเหล่านี้อยู่ร่วมเฟรมกับเยาวชนวัยจิ๋วขนาดนี้
แถมชาวเน็ตหลาย ๆ คนยังบอกอีกว่า เมื่อสังเกตดี ๆ แล้วสิ่งของที่ถูกนำมาวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้าวของเครื่องใช้ของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ แก้วไวน์ หรือแก้วเบียร์ เหตุใดทำไม BALENCIAGA ถึงตัดสินใจเลือกเด็กน้อยเหล่านี้มาเป็นนางแบบ-นายแบบในแคมเปญที่ดูแล้วยังไง๊ยังไงก็ไม่ต้องใช้เด็กมาเป็นแบบก็ได้
ไม่เพียงเท่านั้น ชาวเน็ตตาดียังไปสังเกตเห็นเทปกาวสีเหลืองพิมพ์ชื่อแบรนด์ หนึ่งในพรอพที่ถูกใช้ในแคมเปญครั้งนี้ ว่าแทนที่จะเขียนว่า BALENCIAGA ตามปกติ เหมือนที่เคยใช้เมื่อคราวพันตัวทำชุดให้ Kim Kardashian ครั้งนี้เทปกาวดังกล่าวกลับปรากฏข้อความว่า BAALENCIAGA
ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีสมคบคิดหรือเป็นเจตนาไม่บริสุทธิ์ของแบรนด์จริง ๆ แต่หลาย ๆ คนก็เชื่อว่า เทปกาว BAALENCIAGA ที่ว่าน่าจะเป็นการเล่นคำมาจากชื่อของ Baal เทพเจ้าของชาวคานาอันที่ต้องใช้เด็กเป็นเครื่องสังเวยในการบูชายัญ โดยมากมักเป็นลูกคนแรกของผู้ทำพิธีที่จะถูกเผาให้ตายทั้งเป็น
แต่ก่อนที่จะไปตามสาปช่างภาพที่รับผิดชอบในการถ่ายภาพแคมเปญ BALENCIAGA Gift Shop เราก็อาจจะต้องขยายความกันสักนิด เพราะความจริงแล้ว Gabriele Galimberti ช่างภาพชาวอิตาเลียนที่ทำหน้าที่ลั่นชัตเตอร์ในครั้งนี้เป็นช่างภาพแนวสารคดีที่ตามบันทึกภาพของสะสมและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้คนทั่วโลกอยู่แล้ว ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้ผู้คนจดจำผลงานของเขาได้ก็คือการนำสารพัดสารพันสิ่งของมาวางเรียงรายลงบนพื้นอย่างเป็นระเบียบ โดยหนึ่งในผลงานสร้างชื่อของเขาก็ชื่อผลงานชุด Toy Stories ที่เขาไปตามเก็บภาพเด็ก ๆ จากทั่วทุกมุมโลกกับของเล่นชิ้นโปรดของพวกเขานั่นเอง
ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว หากเรื่องราวทั้งหมดจบลงแค่ภาพที่ไม่เหมาะสมจากแคมเปญ BALENCIAGA Gift Shop อย่างเดียว บางคนก็อาจจะพอหยวน ๆ ว่าเรื่องฉาวทั้งหมดเป็นความผิดพลาดที่ทางแบรนด์ ‘คิดน้อยไป’ ไม่ได้เกิดจากเจตนาไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน แต่ในอีกไม่กี่วันต่อมา BALENCIAGA ยังสร้างเรื่องไม่หยุดด้วยการปล่อยภาพจากคอลเลกชั่น BALENCIAGA Spring 2023 ที่ทางแบรนด์ไปจับมือกับ Adidas โดยได้ Nicole Kidman, Isabelle Huppert และ Bella Hadid มาเป็นนางแบบหลักในคอลเลกชั่น และถ่ายทำทั้งหมดภายในห้องออฟฟิศบนตึกสูง
ถึงแม้ว่า ภาพชุดใหม่นี้จะไม่ได้ถูกถ่ายโดย Galimberti ช่างภาพคนเดิมแล้ว แต่นักสืบชาวเน็ตก็ดันไปสังเกตเห็นอีกว่า บนนิ้วของนายแบบคนหนึ่งมีกุญแจกำลังห้อยอยู่ราวกับจะพยายามเชื่อมโยงกับตุ๊กตาหมี BDSM ในมือของนางแบบเด็กในแคมเปญก่อนหน้า แถมหนึ่งในสิ่งของที่ถูกใช้เป็นพรอพประกอบฉากในครั้งนี้คือหนังสือศิลปะ ‘The Cremaster Cycle’ โดยศิลปินตัวจี๊ด Matthew Barney รวมไปถึงหนังสือ ‘As Sweet as It Gets’ โดยจิตรกรชาวเบลเยียม Michaël Borremans
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผลงานศิลปะจากศิลปินทั้งสองมีลักษณะ ‘รบกวนจิตใจ’ จากภาพชวนสยองเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้ภาพวาดของ Borremans (โดยเฉพาะในนิทรรศการ Fire from the Sun) ยังปรากฏภาพร่างกายอันเปลือยเปล่าของเด็กไม่กี่ขวบที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดกำลังวิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางแขน ขาที่ขาดรุ่งริ่ง
เมื่อเห็นเหตุแบบนี้ หลาย ๆ คนจึงตั้งคำถามว่า การเลือกหนังสือรวมผลงานศิลปะของ Borremans ที่มีภาพความรุนแรงในเด็กมาเป็นพรอพในครั้งนี้ถือเป็นความตั้งใจของ BALENCIAGA ด้วยหรือไม่
ไม่เพียงเท่านั้น ชาวเน็ตตาดียังไปแอบไปสังเกตเห็นอีกว่า ในรูปถ่ายมุมสูงของกระเป๋ารุ่น Hourglass ยังมีเอกสารแปลก ๆ วางกองอยู่เต็มโต๊ะ ซึ่งเมื่อลองไปซูมดูดี ๆ ก็จะพบว่า เอกสารเหล่านั้นไม่ใช่กระดาษม็อกอัพขึ้นมามั่ว ๆ แต่เป็นเอกสารที่ใช้ในการพิจารณาคดีในศาลเกี่ยวกับเสรีภาพในการพูดเรื่องสื่อลามกของเด็กจริง ๆ !
และด้วยหลักฐานความไม่เหมาะสมทั้งหมดที่ดูจะเกินคำว่า ‘บังเอิญ’ ไปไกล ทำให้ชาวเน็ตหลาย ๆ คนถึงกับทนไม่ไหว ต้องออกมารณรงค์คว่ำบาตร BALENCIAGA ในฐานะแบรนด์ที่สนับสนุนการใคร่เด็กและส่งเสริมให้เด็กกลายเป็นวัตถุทางเพศ ซึ่งด้วยข้อกล่าวหาที่รุนแรงดังกลาว ทางแบรนด์เองก็อยู่ไม่สุข ต้องรีบลบภาพเจ้าปัญหาออกไปจากหน้าโซเชียลมีเดียทั้งหมด พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ขอโทษต่อทุกฝ่ายถึงความเลินเล่อของแบรนด์ โดยยังเน้นย้ำว่า BALENCIAGA ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเด็ก และไม่เคยมีเจตนาจะสนับสนุนการใคร่เด็กด้วย
ซึ่งข้อครหาในครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความสั่นสะเทือนต่อตัวแบรนด์เท่านั้น แม้แต่ Kim Kardashian เซเลบสาวคนสนิทของ BALENCIAGA ในฐานะที่เธอเองก็เป็นแม่คน ก็ยังต้องออกมาโพสต์ถึงความไม่สบายใจต่อภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมา แต่หลังจากได้พูดคุยกับทีมงานแล้ว เธอก็ยืนยันว่า ทางแบรนด์มีความเข้าใจและตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ดี และยังกล่าวอีกว่า เธอกำลัง ‘ประเมิน’ สัญญาที่ทำร่วมกับแบรนด์อีกครั้งว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้
ส่วน Galimberti ช่างภาพจากแคมเปญ BALENCIAGA Gift Shop เองก็ทนไม่ไหว หลังจากโดนชาวเน็ตแขวนอยู่นาน เขาจึงออกมาแถลงว่า ภาพจากแคมเปญดังกล่าวเป็นการวางแผนและตัดสินใจของตัวแบรนด์เอง เขาทำหน้าที่เป็นเพียงช่างภาพที่ไม่ได้มีอิสระในการสร้างสรรค์แต่อย่างใด เขาได้รับรู้เพียงแค่ว่า ธีมของแคมเปญดังกล่าวคือ ‘พังก์’ เท่านั้น โดยในวันถ่ายทำก็มีทีมงานของแบรนด์มาดูแลในกองถ่ายตามปกติ แถมเด็ก ๆ เหล่านั้นก็เป็นลูกหลานของพนักงาน BALENCIAGA เองด้วย ซึ่งปกติตัวเขาเองจะเน้นถ่ายภาพเชิงสารคดีในโปรเจกต์ส่วนตัว แต่การถ่ายแฟชั่นเซ็ทในครั้งนี้กลับทำให้มีผู้คนมารุมต่อว่าเขาจนนอนไม่หลับอยู่หลายวัน
ซึ่งดูจากท่าทีของ BALENCIAGA แล้ว คำพูดของ Galimberti ก็น่าจะจริงตามนั้น เพราะทางแบรนด์ดูจะ ‘เซฟ’ เขาอยู่ไม่น้อยด้วยการออกตัวรับผิดชอบความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากแคมเปญนั้นไว้เพียงลำพัง แต่กลับฟ้อง North Six, Inc. บริษัทโปรดักชั่น และ Nicholas Des Jardins นักออกแบบฉากจากปมภาพคอลเลกชั่น BALENCIAGA Spring 2023 เป็นเงินสูงถึง 25 ล้านเหรียญสหรัฐแทน โดยยืนยันว่า พรอพทั้งหลายที่ปรากฏในภาพชุดดังกล่าวไม่ใช่ความรับผิดชอบของแบรนด์ แต่เป็นความผิดของบริษัทโปรดักชั่นและนักออกแบบฉากทั้งหมด
อย่างไรก็ดี หลายคนก็ดูจะไม่ ‘ซื้อ’ กับท่าทีของแบรนด์สักเท่าไหร่ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า สำหรับแฟชั่นเฮาส์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง BALENCIAGA แล้ว จะเป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะไม่ตรวจสอบและเปิดไฟเขียวให้รายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างก่อนเผยแพร่ไปทั่วโลก นี่น่าจะเป็นการล้างมือจากความผิดและโยนความรับผิดชอบไปให้บุคคลที่สามรับแรงกระแทกแทนมากกว่า หลายคนถึงกับลงความเห็นว่า BALENCIAGA ไม่ได้ฟ้องเพราะคิดว่าจะชนะคดี แต่ฟ้องเพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่าใส่ใจกับข้อครหาที่เกิดขึ้นมากกว่า
ซึ่งถ้าจะให้ว่ากันตามตรงแล้ว ไม่ว่า BALENCIAGA จะตั้งใจส่งเสริมการใคร่เด็กหรือเป็นเพียงความซวยซ้ำซวยซ้อนของแบรนด์เท่านั้น แต่ในฐานะแบรนด์ใหญ่ที่ทำหน้าที่เผยแพร่สิ่งเหล่านี้ไปทั่วโลก BALENCIAGA ก็ไม่อาจโยนความรับผิดชอบไปให้คนอื่นได้ และเพียงแค่คำขอโทษผ่านหน้าโซเชียลมีเดียไม่กี่บรรทัดก็อาจยังไม่เพียงพอ
อ้างอิง:
https://www.rollingstone.com/culture/culture-news/people-online-convinced-balenciaga-promote-1234638288/
https://www.nytimes.com/2022/11/28/style/balenciaga-campaign-controversy.html
https://www.abc.net.au/news/2022-11-28/balenciaga-designer-brand-controversial-campaign-explained/101707536
https://www.eviemagazine.com/post/balenciaga-reveals-another-creepy-fashion-campaign-featuring-art-that
https://www.newsweek.com/balenciaga-pedophilia-london-protest-vandals-1763023