กลายเป็นหนึ่งในมิวสิกวิดีโอที่สุดแห่งปี 2018 เมื่อ The Carters หรือก็คือคู่รักผู้ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งโลกบันเทิงอย่าง Beyoncé และ Jay-Z เข้าไปบุกพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และถ่ายทำมิวสิกวิดีโอประกอบเพลง Apeshit โดยได้ Ricky Saiz ผู้กำกับคู่ใจมาดูแลการผลิตให้เช่นเดิม

สิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนต้องรู้สึกว้าวหลังรับชมมิวสิกวิดีโอตัวนี้จบลงคงหนีไม่พ้นจำนวนของงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซที่สลับกันอวดโฉมบนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น, Mona Lisa โดย Leonardo da Vinci ที่โด่งดัง, The Oath of the Horatii โดย Jacques-Louis Horatii, The Great Sphinx of Tani และ The Raft of the Medusa โดย Théodore Géricault

แต่เมื่อเรามาพิจารณากันดี ๆ ความจริงแล้ว ความตั้งใจของมิวสิกวิดีโอนี้อาจจะไม่ใช่เพียงแค่การอวดผลงานศิลปะสวย ๆ เท่านั้น เพราะเมื่อเรามาดูเนื้อเพลง ‘I can't believe we made it’ ประกอบกับงานศิลปะต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่คู่รักคาร์เตอร์และเหล่านักเต้นปรากฏตัวร่วมเฟรมด้วย ข้อความของมิวสิกวิดีโอ Apeshit จึงค่อย ๆ ปรากฏเด่นชัดมากขึ้น ความเป็นคนชายขอบที่เคยโดนดูถูกและกดทับของเหล่าคนดำ บัดนี้ พวกเขาขอประกาศความสำเร็จจากน้ำพักนำแรงท่ามกลางพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เต็มไปด้วยผลงานของคนขาว ถือเป็นการประกาศศักดาว่า คนผิวดำก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้เช่นกัน

สังเกตได้จากฉากที่ Beyoncé และเหล่านักเต้นสาวผิวดำไปยืนเต้นอยู่หน้าภาพวาด The Coronation of Napoleon โดย Jacques-Louis David, ฉากที่ Jay-Z และ Beyoncé ไปยืนอยู่หน้ารูปแกะสลัก Venus De Milo ที่เป็นต้นแบบค่านิยมความงามแบบเฮเลนนิสติก หรือตอนที่ Beyoncé ปรากฏตัวคู่กับรูปแกะสลัก Winged Victory of Samothrace ที่มีต้นแบบมาจากเทพีไนกี้ที่เป็นตัวแทนแห่งชัยชนะ หรือนี่เองคือสิ่งที่คู่รักคาร์เตอร์พยายามจะบอกเรามาโดยตลอด

แหล่งข้อมูล:
https://www.billboard.com/photos/beyonce-jay-z-apeshit-music-video-art-louvre/
https://www.vox.com/culture/2018/6/19/17476212/apeshit-video-beyonce-jay-z-carters-portrait-negresse-benoist