‘Chainsaw Man’ อนิเมะและมังงะที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้อาภัพ ผู้มีปีศาจเลื่อยยนต์สิงอยู่ในร่าง และต้องออกไปปราบปีศาจภายใต้องค์กรนักล่าปีศาจ

หากมองแค่ Synopsis ของ Chainsaw Man และไม่เคยดูหรืออ่านเรื่องนี้มาก่อน ก็จะรู้สึกว่านี่คือการ์ตูนของเหล่าเด็กชายที่ขายซีนบู๊และแอ็กชัน แต่สำหรับผู้ที่เคยได้ลิ้มรสชาติของการ์ตูนเรื่องนี้แล้ว ก็จะพบว่านี่มันไม่ใช่แค่การ์ตูนโชเน็นทั่วไป แต่มันยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของทั้งปรัชญา ศาสนาและมนุษย์

Chainsaw Man เป็นผลงานโดย ฟูจิโมโตะ ทัตสึกิ (Fujimoto Tatsuki) ที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารโชเน็นจัมป์ (Shonen Jump) เมื่อปี 2018 และยาวมาจนถึงปี 2021 ด้วยจำนวน 11 เล่ม ก่อนที่จะถูกนำมาทำเป็นอนิเมะในปี 2022 และรูปแบบภาพยนตร์ฉายโรงในปี 2025 ภายใต้ชื่อของ Chainsaw Man – The Movie: Reze Arc และด้วยความนิยมของทั้งตัวมังงะและอนิเมะนี้เอง ทำให้ Chainsaw Man ถูกนำมาต่อยอดและขยายจักรวาลให้กว้างยิ่งขึ้นในชื่อของ The Academy Saga

ถึงแม้ว่า Chainsaw Man จะได้รับความนิยมอย่างมากในวงกว้าง แต่ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างไม่น้อยว่านี่คือมังงะอีกหนึ่งเรื่องที่เลือกจะแหกขนบธรรมเนียมเดิมของการ์ตูนเด็กผู้ชาย ให้กลายมาเป็นดั่งหนังสือสะท้อนความโหดร้ายของสังคม และถึงกับมีคนบอกว่านี่คือ ‘ไบเบิล’ สมัยใหม่ที่มาในรูปแบบของลายเส้นการ์ตูนเลยทีเดียว

และแน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่ความบังเอิญแต่อย่างใด เพราะหากย้อนกลับไปอ่านผลงานที่ผ่านมาของฟูจิโมโตะ ทัตสึกิ อย่าง Fire Punch, Look Back หรือ Goodbye, Eri ก็จะพบว่า Chainsaw Man นี่แหละ คือผลงานของฟูจิโมโตะอย่างแน่นอน

แต่อะไรที่ทำให้ Chainsaw Man ถึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ทั้งคอมังงะ หรือแม้แต่ชาว Cinephiles เองต่างก็ซูฮกผลงานของ ฟูจิโมโตะ ชิ้นนี้? วันนี้ GROUNDCONTROL เลยอยากพาทุกคนไปสำรวจและหาคำตอบว่าทำไม Chainsaw Man นั้นถึงแตกต่างจากการ์ตูนเด็กผู้ชายทั่วไป ผ่านปรัชญาและศาสนาที่ทำให้มังงะเรื่องนี้เป็นมากกว่าเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และปีศาจ

ปีศาจจากพระคัมภีร์และคริสต์ศาสนา

สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นส่วนประกอบหลักในโลกของ Chainsaw Man คือ ‘ปีศาจ’ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นมาจากนรก พวกมันสามารถเลียนแบบรูปร่างและพละกำลังของสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัว ทั้งความกลัวที่จับต้องได้ มองเห็นได้ และมีผลในเชิงวัตถุ เช่น ความกลัวต่อเลือด ความกลัวต่อปืน หรือการกลัวความตาย และความแข็งแกร่งของปีศาจเหล่านั้น ก็จะขึ้นอยู่กับความหวาดกลัวที่มนุษย์มีต่อของสิ่งนั้นเช่นกัน และมันจะไม่มีวันตายตราบใดที่ความกลัวเหล่านั้นยังไม่หายไป

แล้วปีศาจใน Chainsaw Man นั้นเกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์และคริสต์ศาสนาอย่างไร? จริง ๆ แล้วหากมองลึกลงไปเราจะพบว่า ฟูจิโมโตะ ได้แอบวางสัญลักษณ์ทางศาสนาคริสต์เอาไว้มากมาย ตั้งแต่โลกของปีศาจในเรื่องถูกเรียกว่า “Hell” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของนรกในคริสต์ศาสนาอยู่แล้ว ไปจนถึงตัวละครต่าง ๆ ในเรื่องที่ล้วนมีพื้นฐานมาจากแนวคิดจากพระคัมภีร์

ยกตัวอย่างเช่น บีม (Beam) ปีศาจฉลามที่ถูกอ้างอิงมาจากเครูบหรือเครูบิม (Cherubim) ทูตสวรรค์ที่มีหน้าที่หลักในการเป็นผู้พิทักษ์บัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้า สรรเสริญพระองค์และปกป้องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งแน่นอนว่าใน Chainsaw Man ลักษณะนิสัยของบีมก็จะคล้ายกับเครูบิม ที่บีมนั้นมองเดนจิ (Denji) หรือ Chainsaw Man เป็นดั่งพระเจ้าและมักจะตามไปปกป้องเสมอไม่ว่าเหตุการณ์ตรงหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

หรือแม้แต่ตัวละครอย่าง พาวเวอร์ (Power) ที่ถูกอ้างอิงมาจากหนึ่งในคณะ ‘เหล่าเทพแห่งการสรรค์สร้าง’ (Angels of Creation) อย่างอิทธิเทพ (Power) ซึ่งมีหน้าที่ในการปกครองและพิทักษ์รักษาให้โลกและจักรวาลอยู่ในวิถีหรือครรลองแห่งพระประสงค์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า

นอกจากชื่อและตัวละครต่าง ๆ จะถูกอ้างอิงโดยตรงมาจากพระคัมภีร์และคริสต์ศาสนาแล้ว ฟูจิโมโตะยังแอบแทรกพิธีกรรมทางคริสต์ศาสนาเอาไว้เช่นกัน จะเห็นได้จากซีนหนึ่งที่ปีศาจคำสาป (Curse Devil) ได้ใช้พิธีกรรมตรึงเหยื่อไว้กลางอากาศ ซึ่งเป็นเหมือนการตรึงกางเขน เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์ หรือฉากหนึ่งในบ้านของมากิมะ (Makima) ที่มีการแขวนรูปภาพอย่าง ‘The Fall of Lucifer’ ของกุสตาฟ โดเร (Gustave Doré) เอาไว้ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเรื่องนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีร่องรอยของศาสนาคริสต์อยู่ทุกหนแห่ง Chainsaw Man ก็ไม่ได้เล่าเรื่องในกรอบของความดีและความชั่วแบบขาวกับดำ ปีศาจในเรื่องไม่ได้ถูกสร้างมาให้เป็นตัวแทนของบาปโดยตรง แต่เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มนุษย์พยายามผลักออกจากตัวเอง สิ่งที่เรากลัวจะยอมรับว่ามันอยู่ในใจเรา ความกลัวนั้นจึงกลายเป็นตัวตน เป็นพลังที่ขับเคลื่อนโลก ในทางหนึ่ง ปีศาจบางตนกลับดูบริสุทธิ์ มากกว่ามนุษย์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการหลอกลวง พวกมันไม่แสร้งเป็นสิ่งอื่น นั่นคือความจริงแท้ที่อยู่ภายใต้ความน่ากลัว

Divine Comedy การเดินทางสู่นรกของดันเตและเดนจิ

ในบรรดางานวรรณกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ไม่มีผลงานใดสะท้อนภาพของนรก ความบาป และการไถ่บาปได้ลึกซึ้งเท่า ‘Divine Comedy’ ของดันเต อาลีเกียรี (Dante Alighieri) อีกแล้ว เพราะงานเขียนชิ้นนี้ไม่เพียงแต่บอกเล่าการเดินทางของมนุษย์จากความมืดสู่ความสว่างเท่านั้น แต่ยังหล่อหลอมภาพของนรกมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งส่งต่ออิทธิและกรอบความคิดให้ผลงานต่าง ๆ ในปัจจุบันมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือภาพของ Chainsaw Man ที่เลือกบอกเล่าการเดินทางของตัวละครอย่างเดนจิ ที่มีโครงสร้างและสัญญะละม้ายกับบทกวีของดันเตในหลายมิติด้วยเช่นกัน

Divine Comedy เป็นวรรณกรรมที่ว่าด้วยเรื่องราวการเดินทางท่องไปในนรกและสวรรค์ โดยแบ่งออกเป็นสามบทคือ นรก (Inferno), แดนชำระ (Purgatorio) และสวรรค์ (Paradiso) โดยมีวิญญาณของ เวอร์จิล (Virgil) กวีชาวโรมันโบราณเป็นผู้พาดันเตท่องไปยังสามแดนหลังความตาย ซึ่งว่ากันว่าวรรณกรรมเรื่องนี้ถือเป็นวรรณกรรมอีกหนึ่งเรื่องที่ทรงพลังจนส่งผลต่อการมองโลกของชาวตะวันตกมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกันกับ Chainsaw Man ที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวการมองโลกแบบใหม่ต่อวัฒนธรรมมังงะในญี่ปุ่นเช่นกัน

และแน่นอนว่าหาก Divine Comedy ตัวละครดันเตได้รับการนำทางโดยกวีโรมันผู้ยิ่งใหญ่อย่างเวอร์จิล ผ่านเก้าวงนรกของ Inferno เพื่อเรียนรู้ความหมายของบาปและการไถ่บาป ใน Chainsaw Man เอง เดนจิก็มีมากิมะ เป็นผู้ชี้นำเขาเข้าสู่โลกของปีศาจและนักล่าปีศาจเช่นกัน แม้ความตั้งใจของมากิมะจะต่างจากเวอร์จิลโดยสิ้นเชิง เพราะเธอไม่ได้ต้องการชี้ทางสู่ความรอด แต่กลับค่อย ๆ ผลักเดนจิให้ดำดิ่งสู่ห่วงโซ่ของความรุนแรง ความสูญเสียและการหลอกลวง

แต่ในขณะที่ดันเตนั้นพยายามเดินทางเพื่อตามหาความรอดทางจิตวิญญาณ เดนจิกลับเลือกเดินทางเพื่อตามหาชีวิตธรรมดา อาหารดี ๆ ความอบอุ่นของผู้หญิงหรือแม้แต่ความฝันเล็ก ๆ ที่ดูไร้สาระในสายตาคนอื่น ความขัดแย้งระหว่างจุดหมายอันยิ่งใหญ่ของดันเตกับความต้องการเล็กน้อยของเดนจิ กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องของฟูจิโมโตะทรงพลัง เพราะมันคือการเอาโครงสร้างของมหากาพย์ศักดิ์สิทธิ์มาห่อหุ้มเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เพียงแค่ต้องการมีชีวิตเหมือนคนทั่วไป เป็นดั่ง “การเดินทางสู่ความรอดในโลกที่ไม่มีพระเจ้า” ที่ทั้งตลกร้ายและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน

เช่นเดียวกันกับโลกของปีศาจใน Chainsaw Man ที่ถูกสร้างขึ้นจากความกลัวของมนุษย์ ทุกครั้งที่ผู้คนหวาดกลัวสิ่งใด สิ่งนั้นจะกลายเป็นปีศาจ มีชีวิต และแผ่พลังออกมา ยิ่งความกลัวนั้นลึกและเป็นสากล ปีศาจก็ยิ่งทรงพลัง เรื่องราวของเดนจิจึงเป็นเหมือนการเดินทางผ่านวงนรกที่แต่ละชั้นไม่ได้ลงโทษผู้ทำบาป แต่สะท้อนความกลัวพื้นฐานของมนุษย์ ตั้งแต่ความกลัวความตาย ความโดดเดี่ยว ไปจนถึงความกลัวการสูญเสียสิ่งรัก สิ่งเหล่านี้ทำให้ Chainsaw Man กลายเป็น Inferno แบบฉบับมังงะ ที่แทนที่จะมีไฟนรกและปิศาจทรมาน กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ถูกทำให้เป็นรูปธรรม เป็นนรกในใจที่มนุษย์ยุคใหม่กำลังเผชิญ

แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทำให้ Chainsaw Man เชื่อมโยงกับ Divine Comedy ได้ลึกที่สุดก็คือธีม ที่ทั้งสองเรื่องต่างตั้งคำถามเดียวกันว่า “ความชั่วร้ายคืออะไร?” และ “การลงโทษนั้นมีเหตุผลหรือไม่?” ใน Inferno ของดันเต ผู้ทำบาปแต่ละคนถูกลงโทษตามลักษณะของบาปของตนเอง เช่น ผู้หลอกลวงถูกแขวนหัวกลับลงมา ผู้ละโมบถูกถ่วงด้วยทองที่ตนเองสะสม มันคือการลงโทษที่สมน้ำสมเนื้อกับบาป ขณะที่ใน Chainsaw Man ปีศาจแต่ละตนเกิดจากความกลัวที่เฉพาะเจาะจงและวิธีที่มันถูกฆ่าหรือถูกทำลายก็มักสะท้อนการเผชิญหน้าและเอาชนะความกลัวนั้นโดยตรง เช่นเดียวกับการไถ่บาปผ่านการทนทุกข์ใน Inferno

มนุษย์เลื่อยยนตร์และอิทธิพลจาก Pop Culture

อย่างไรก็ตาม ฟูจิโมโตะ ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักเขียนมังงะที่สร้างสรรค์เรื่องราวอันโหดร้ายและเหนือความคาดหมายใน Chainsaw Man เท่านั้น แต่เขายังถือเป็นอีกหนึ่งนักเขียนที่เป็น ‘Cinephiles’ ตัวยง ทำให้เรามักจะเห็นทั้งมุมภาพหรือแรงบันดาลใจต่าง ๆ มากมายที่มาจากภาพยนตร์ผ่านผลงานเก่า ๆ ของเขา หรือแม้แต่ใน Chainsaw Man เองก็ตาม ที่ทั้งฉากแอ็กชัน การออกแบบตัวละคร ไปจนถึงการเล่าเรื่องที่เหมือนกล้องถ่ายหนังกำลังจับภาพทุกเฟรมด้วยความตั้งใจ

หากใครที่ได้ดู Chainsaw Man ในเวอร์ชันของอนิเมะ หรือภาพยนตร์อย่าง Reze Arc เอง ก็จะพบว่า ตั้งแต่เพียงไม่กี่วินาทีแรกของเพลงเปิดอนิเมะ ผู้ชมก็จะเห็นได้ทันทีว่าฟูจิโมโตะและสตูดิโอ MAPPA ตั้งใจสร้างผลงานนี้ให้เป็นดั่งบทบูชาภาพยนตร์อย่างแท้จริง ภาพแต่ละช็อตคือการคารวะต่อหนังคลาสสิกหลายเรื่องแบบ shot-for-shot ไม่ว่าจะเป็น The Texas Chainsaw Massacre (1974), Attack of the Killer Tomatoes! (1978), Sadako vs. Kayako (2016), หรือ Jacob’s Ladder (1990) ที่สะท้อนความหลอนในแบบสยองขวัญจิตวิทยาและหนังเกรดบีตามแบบที่ฟุจิโมโตะชอบ

ไม่เพียงเท่านั้น ฟูจิโมโตะยังมีการอ้างอิงถึงหนังของ เควนติน ทารันติโน่ (Quentin Tarantino) อย่าง Pulp Fiction (1994) และ Reservoir Dogs (1992) ที่แฝงอารมณ์รุนแรงแต่กวนประสาท หรือแม้แต่หนังดังอย่าง The Big Lebowski (1998), No Country for Old Men (2007) และ Constantine (2007) ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอ้างอิงในเรื่องได้อย่างกลมกลืน หรือหากมองลงไปในชื่อบทแต่ละบทในมังงะเองก็จะพบว่า ฟุจิโมโตะเองมักตั้งชื่อตอนตามหนังหลาย ๆ ที่เขาชอบ เช่น Sharknado (2013) หรือการเขียนข้อความท้ายเล่มแนะนำภาพยนตร์เหมือนเป็นเพื่อนคอหนังที่อยากชวนคนอ่านไปดูด้วยกัน

นอกจากนั้นภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจมากมายให้กับ Chainsaw Man แล้ว การ์ตูนและแอนิเมชันจากตะวันตกยังเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับฟูจิโมโตะ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือการสร้างตัวละครอย่าง พาวเวอร์ (Power) ฟีนด์สาวเลือด ที่ฟูจิโมโตะยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเอริก คาร์ตแมน (Eric Cartman) จาก South Park ที่เป็นตัวละครที่เห็นแก่ตัวสุดขั้ว แต่กลับมีเสน่ห์ในความเลวของตนเอง ความเอาแต่ใจและความโกลาหลของพาวเวอร์จึงไม่ใช่เพียงอารมณ์ขัน แต่ยังสะท้อนความบ้าคลั่งในแบบอเมริกันอีกด้วย

อ้างอิง:

Ajay Aravind. 10 Horror Movies That Inspired This Iconic 10/10 Shonen Anime. CBR. Published April 25, 2025. https://www.cbr.com/horror-movies-that-inspired-chainsaw-man-anime-manga/

Cardaro B. Chainsaw Man’s Devils Aren’t Actually “Devils” At All. CBR. Published September 7, 2024. https://www.cbr.com/chainsaw-man-devils-religious-symbolism-analysis/

Chainsaw Man Is Better Than The Bible - Aftermath. Aftermath.site. Published September 30, 2025. https://aftermath.site/chainsaw-man-reze-arc-tatsuki-fujimoto-the-bible

The Film References in the Chainsaw Man Opening. Anime News Network. Published October 9, 2025. https://www.animenewsnetwork.com/interest/2022-10-11/the-film-references-in-the-chainsaw-man-opening/.190724
‌
Youtube.com. How The Divine Comedy Could Inspire Chainsaw Man (Spoilers). Published 2025. https://www.youtube.com/watch?v=hoHB3WioTjQ